แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่457 ขีดความสามารถสูงสุดของมนุษย์



บทที่457 ขีดความสามารถสูงสุดของมนุษย์

บทที่457 ขีดความสามารถสูงสุดของมนุษย์

ธนเทพจ้องไปที่รพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีอย่างไม่ดี เขาคิดว่ารพี พงษ์จะยืนหยัดมากสุดได้แค่สองนัดเท่านั้น จากนั้นก็จะตาย บนเวที เพราะกำลังไม่เพียงพอ จากนั้นเพราะกำลังไม่เพียงพอ แล้วตายบนเวที

แต่ความสามารถของรพีพงษ์มากกว่าที่เขาคิดไว้มากจริงๆ อีกฝั่งชนะไปสามนัดแล้ว แล้วคู่ต่อสู้ก็ยอมแพ้เองอีกด้วย ไม่ เหมือนกัน กับสิ่งที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้เลย

“ไอ้ระยำนี่ดวงมันแข็งจริงๆ แต่สามนัดติดต่อกัน น่าจะถึงขีด ความสามารถของมันแล้วล่ะ ในประวัติศาสตร์ของเทือกเขากิ สนา ผู้ที่มีความสามารถจริงๆจะแพ้ในรอบที่สี่ที่ห้า และคนที่ ประสบความสําเร็จในปีนบันไดสูง ก็มีแค่สองคนรพีพงษ์ นี่ไม่ เหมือนคนที่ประสบความสําเร็จของปีนบันไดสูง ในนัดนี้ ไม่มี ทางชนะได้แน่นอน

“และลำดับที่เจ็ด เทพสังหารโศธิน ไอ้นี่มันถูกเรียกว่าเทพ สังหารน้อย ด้วยความสามารถของรพีพงษ์ ไม่มีทางชนะโศธน ได้แน่นอน!”

ธนเทพพูดกับตัวเอง แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

เพราะรพีพงษ์ชนะมาติดกันมาสามนัด ฝนสุดาจึงมีดีใจ แต่ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของธนเทพแล้วนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงรพีพงษ์

บนเวที เทพสังหารโศธินยืนข้างหน้ารพีพงษ์

คนนี้มีแผลเป็นอยู่บนใบหน้า นัยต์นาเต็มไปด้วยเลือด ทําให้ คนรู้สึกว่าแตะต้องไม่ได้

โศธินจ้องไปที่รพีพงษ์ ยิ้มมุมปาก แล้วกล่าว “คาดไม่ถึงว่า คนที่ดูๆแล้วหน่อมแน้มแย่างแก จะชนะติดต่อกันสามครั้ง ดูๆ แล้วสามคนก่อนหน้านี้ เป็นไอ้สวะจริงๆ”

“แต่แกไม่ต้องเป็นห่วง มาถึงฉัน แกจะไม่มีทางชนะได้แน่นอน ฉันจะทําทุกวิธีให้แกล้มลง แล้วควักเอาหัวใจแกออกมา ให้แก ได้ลิ้มลองความเจ็บปวดที่โดนควักหัวใจออกไปแล้วตาย นั้น มันจะเป็นอย่างไร?

รพีพงษ์ตื่นเต้น ยิ้มให้กับโศธินแล้วกล่าว “กล้วก็แต่แกจะสู้ สามคนก่อนหน้านี้ไม่ได้นะ”

” งกล้าพูดนะ แกชนะมาสามครั้งติดต่อกัน ตอนนี้ไม่น่าจะมี แรงแล้วสินะ ฉันล่ะอยากจะรู้ ว่าทำไมแกกล้าพูดแบบนั้นได้!”

พูดจบ โศธินพุ่งไปหารพีพงษ์ บุกไปที่รพีพงษ์อย่างเร็ว

รพีพงษ์ไม่หวาดหวั่น หลังจากที่ได้ทำกิริยาเมื่อกี้แล้ว เขาไม่ กังวลกับ การต่อสู้แมทช์หลังอีกต่อไป
หลังจากที่โศธินพุ่งไปที่หน้าด้านของรพีพงษ์แล้วนั้น รพพงษ์ ก็ลอยไปถีบโสธิน ไม่ได้ใส่ใจการบุกของโศธินแต่อย่างใด

โศธินไม่คาดคิดหลังจากที่รพีพงษ์ได้ผ่านการต่อสู้มาสาม รอบแล้วนั้น ยังคงมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่เร็วขนาดนี้ นี่มันค่อน ข้างอยู่เหนือความคาดหมายของเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียง ดไปเพื่อป้องกัน เก็บหมัด

รพีพงษ์ไม่ให้เวลาเขาหายใจ หลังจากที่ได้ถืบไปในครั้งแรก การถีบครั้งที่สองก็ตามมาทันที โศธินรู้สึกตั้งรับไม่ไหว

“เป็นไปได้ไง! มันเสียกำลังไปมากขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังมี ปฏิกิริยาโต้ตอบที่เร็วและกำลังยังมากขนาดนี้ได้นะ? ทำไม กลับรู้สึกว่ามันมีพลังมากกว่าเมื่อก่อนอีกนะ”

โศธินพึมพำในใจ พบว่าตั้งแตาเริ่มแรก ตนเองก็เป็นฝ่ายเสีย เปรียบเสียแล้ว คำพูดที่คุยโวโอ้อวดก่อนหน้าจะเริ่มประลอง นั้น กลับกลายเป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว

“เจ็ด!”

“แปด!”

“เก้า!”

ทุกครั้งที่รพีพงษ์ออกหมัด จะตะโกนออกมา ทำเอาโศธินเคร่งเครียด

รพีพงษ์ต่อยโศธินไปสิบหมัด หมัดนี้ใช้กำลังทั้งหมดของ ร่างกายที่รพีพงษ์มี โศธนรับรู้ได้ว่าหมัดนี้ไม่ธรรมดา จึงรีบยื่น มือไปรับไว้

แต่ทว่าเขาดูถูกพลังของรพีพงษ์น้อยไป หลังจากที่โดน เข้าไปหมัดของรพีพงษ์แล้วนั้น เขารับรู้ได้ถึงพลังที่ยากเกินจะ ต้านทานได้ จากนั้น ร่างของเขาก็ถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้ จนไม่สามารถหยุดได้

ากตอนแรกที่อยู่ จากนั้นโศธินก็เป็นจุดสนใจของทุกคน จากต ด้านหน้าของรพีพงษ์ ได้ถอยหลังไปจนถึงขแบเวที จากนั้นก็ ล้มลงไปทันที

หมัดที่สิบ!

หลังจากที่รพีพงษ์ได้นับจำนวนหมัดที่ปล่อยออกไปนั้น ใน ร่างกายก็เต็มไปด้วยพลังอันมหาศาล ใช้เพียงแค่สิบหมัด ก็ จัดการอันดับเทพสงครามคนทําเจ็ดได้แล้ว

ถ้าถูกต่อยจนหล่นเวทีไป ก็ถือว่าแพ้

ทุกคนเดือดพล่าน พวกเขาคิดไม่ถึง รพีพงษ์ที่ผ่านการต่อสู้ มาแล้วสามครั้ง ไม่เพียงไม่แสดงอาการอ่อนแอออกมา แต่ยังสามารถหาจุดอ่อน ทำให้อีกฝ่ายขอยอมแพ้เอง

แต่ตอนนี้เขาใช้เพียงแค่สิบหมัด ก็สามารถทำให้โศธินตก เวทีได้

นี่ทันไม่เมคเซ็นส์จริงๆ

ถึงขั้นมีคนสงสัยถึงการที่โศธินเป็นลำดับที่เจ็บของเทพเจ้า สงครามนั้น คือแค่เป็นในนาม แต่ความสามารถของเขาไม่ได้ แข็งแกร่งอย่างที่พูดไว้

แน่นอน คนเหล่านั้นที่คิดก็ได้แค่คิดเท่านั้น พวกเขารู้ดี การ จัดลำดับของเทพเจ้าสงครามนั้นดูจากการประลองจากมาก ไปน้อย ไม่มีทางที่จะเป็นเพราะมาแบบมั่วๆได้

หลังจากที่โศธินตกจากเวทีแล้วนั้นก็รู้สึกมึนงง เมื่อกี้เขา อยากจะหยุดตัวเองไว้ แต่หมีดที่รพีพงศ์ปล่อยออกมานั้น กำลังมันมากเหลือเกิน ถ้าเขาสามารถต้านมันได้ ก็เกินความ สามารถขั้นสูงสุดที่จะทำได้แล้ว

แม้เขาจะหยุดอยู่บนเวทีได้ ด้วยหมัดนั้นจองรพีพงษ์ที่ปล่อย ออกมา ก็ทำให้เขาหมดกำลังที่จะประลองต่อไปเยอะ

ไอ้เด็กนี่ มันชั่งน่ากลัวจริงๆ

ธนเทพที่รอให้โสธินจัดการรพีพงษ์นั้นเมื่อเห็นรพีพงษ์ใช้สิบ หมัดก็ทําเอาโศธินตกเวทีได้นั้น ถึงกับตะลึงอ้าปากค้างนัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ และยังโมโหอย่างไร้ขีดจำกัด อีกด้วย

เขาทุบไปยังเสาที่อยู่ตรงหน้า แล้วตะโกนอย่างดังว่า “เป็นไป ได้ไง! ทำไมมันเก่งกว่าก่อนหน้านี้อีก!”

ฝนสุดาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของรพีพงษ์ แต่เห็น รพีพงษ์เก่งกาจขึ้น ในใจเธอ ก็ดีใจอย่างที่สุด

ชั้นสอง นนทภูก็มองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีอย่างประหลาด ใจ คิดไม่ออกว่าทำไมรพีพงษ์ถึงสามารถเก่งกว่าก่อนหน้านี้ได้

“ท่านบุญถึง คุณดูออกไหมว่าในร่างกายเขาเกิดอะไรขึ้นกัน แน่? ทำไมพลังของเขา ถึงได้มากกว่าก่อนหน้านี้ล่ะ?” นนทภู หันหน้าไปถาม

ท่านบุญถึงขมวดคิ้ว ดูออกชัดเจนว่าเขาก็ไม่รู้เข่นกันว่ารพื

พงษ์ทำได้อย่างไร

“คงจะไม่ใช่สีหน้าดูสดใสก่อนสิ้นใจกรอกนะ? หรือกำลัง ภายในของเขาได้ใช้ไปเกือบหมดแล้ว และนี่เป็นพลังสุดท้าย ใช้ได้ไม่นาน เขาก็จะต้องตายงั้นหรือ?” ท่านบุญถึงพึมพำ

เมื่อได้ยินท่านบุญถึงอธิบาย นนทภูอะแห่มออกมา แล้วกล่าว “ท่านบุญถึง คุณอย่าล้อเล่นหน่อยเลยหน่า ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ดูไม่เหมือนใช้พลังเฮือกสุดท้ายของร่างกายนะ”

แน่นอนว่าคำพูดนี้ของท่านบุญถึงนั้นเป็นแค่การล้อเล่น เขา จินตนาการไม่ออกว่ารพีพงษ์ทำได้อย่างไร เหนือความคาด หมายของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่ดี เพราะตอนนั้นเขาได้พูด แล้ว ว่ารพีพงษ์ยังไม่ถึงจุดๆนั้น

หลังจากที่รพีพงษ์ต่อยโศธินตกเวทีแล้วนั้น รู้สึกได้ถึงกำลัง ภายในของร่างกาย จึงยิ้มอย่างพอใจออกมา

เมื่อกี้ตอนที่เขากดจุดสำคัญของร่างกาย เปลี่ยนวิธีการ หายใจ แท้ที่จริงแล้วก็คือการปล่อยวางพลังของร่างกาย

พลังเหล่านั้นเดิมก็อยู่ในตัวเขาอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อก่อนเขา ใช้วิธีที่อาจารย์ของเขาสอนมา ซ่อนพลังเหล่านี้ไว้ ทำได้เพียว ใช้วิธีนี้เท่านั้น เขาจึงจะสามารถเอาพลังที่มีทั้งหมดออกมา ใช้ได้

เมื่อก่อน รพีพงษ์ใช้เพียงกำลังพื้นฐานที่มีทั่วไปเท่านั้น

ตอนนั้นที่รพีพงษ์ไปหาอาจารย์ อาจารย์ของเขาพาเขาไปใน ป่า แม้ตอนนั้นฝีมือการต่อสู้ของรพีพงษ์จะเก่งแล้วก็ตาม แต่ใน ด้านพลัง ไม่ได้มีจุดไหนที่ต่างจากคนอื่น

จากการคาดการณ์เดิม อาจารย์ของรพีพงษ์สามารถเป็น ยอดฝีมือได้ แต่ระยะทางสำคัญที่สุด จะต้องมีระยะทางที่ แน่นอน สถานการณ์ที่ดีที่สุด รพีพงษ์ทำได้มากสุดเพียงระดับอาจารย์ของเขาเท่านั้น

แต่จากนั้นพวกเขาทั้งสองพบว่าป่าที่เตซัสอยู่นั้น คนที่อยู่ใน ชุมชนนั้นแม่ไม่มีใครฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ แต่กำลังของทุกคน เยอะมาก เยอะมากกว่าคนทั่วไปเสียอีก

ตอนนั้นอาจารย์ของรพีพงษ์เริ่มวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แน่ สุดท้ายก็ค้นพบ ที่แท้คนในชุมชนที่เตซัสอยู่นั้น ตั้งแต่เล็ก จนโต ล้วนชอบกินเห็ดที่อยู่ในป่าชนิดหนึ่ง

เห็ดประเภทนี้มีเมื่อกินไปแล้วจะเพิ่มพลังให้กับคน พูดอีก อย่าง เห็ดประเภทนี้สามารถเพิ่มกำลังภายในให้คนได้ ง่ายต่อ การที่จะเอาพลังออกมาใช้

แน่นอน ว่าทุกวันคนในชุมชนทำงานหลายอย่าง คนในชุมชน จึงมีพลังที่มากกว่าคนปกติทั่วไป

อาจารย์ของรพีพงษ์มีความรู้ รู้ว่าเห็ดนี้เป็นยาชั้นเลิศอย่าง หนึ่ง แต่คนทั่วไปเริ่มไม่ใช้กันแล้ว น้อยนักที่จะให้คนใช้มัน

ในมืออาจารย์บองรพีพงษ์มีตำหรับยาอยู่ วัตถุดิบหลัก ก็รือ

เห็ดชนิดนี้

หลังจากที่ค้นพบเห็ดนี้ อาจารย์ของรพีพงษ์เริ่มใช้เห็ดนี้ใน การทำยา ในเวลาเดียวกันก็เอายานี้มาใช้ภายนอกด้วย หลัง จากรพีพงษ์กินยาแล้วก็ให้ใช้ยาภายนอก แบบนี้เป็นเวลาครึ่งปี
เห็ดนี้เป็นตัวยารุนแรง ใช้มันทำยาทาภายนอก ทาบน ร่างกาย มันชั่งเจ็บปวดเหลือเกิน

ดีที่พลังรพีพงษ์ดี ไม่งั้นก็ทนไม่ได้

อาจารย์ของรพีพงษ์ทำยาให้เข้ากับร่างกายของรพีพงษ์ ยา พวกนั้นทำให้ร่างกายของรพีพงษ์ เต็มไปด้วยพลัง ทำให้ขีด ความสามารถของรพีพงษ์มีมากกว่าคนทั่วไป

หลังจากที่รพีพงษ์ใช้ยาทาที่จากเห็ดนี้เป็นระยะเวลานาน กว่าครึ่งปีแล้วนี่น อาจารย์ของรพีพงษ์ก็ให้หยุดใช้ ร่างกาย ของรพีพงษ์ ไม่มีใครสามารถเทียบได้อีกต่อไปแล้ว พลังที่อยู่ ในตัวของรพีพงษ์ มากกว่าคนธรรมดาอย่างมาก

ในตอนนั้น รพีพงษ์มีความสามารถและความอดทนเหมือนกับ จับทุ่มต้นหลิวหยางแล้ว หมัดของเขา สามารถต่อยทะลุต้นไม้ ที่หนาครึ่งเมตรได้

เพื่อให้รพีพงษ์ควบคุมพลังได้ง่ายๆ อาจารย์ของเขาจึงให้วิธี ในการกดพลังนี้เอาไว้ นี่จะทำให้ร่างกายรพีพงษ์กลับสู่ความ สมดุล เพราะกำลังมาก ไม่งั้นจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

วันนี้รพีพงษ์สามารถควบคุมพลังของเขาได้แล้ว แม้ต้องปลด ปล่อยออกมา เขาก็ไม่ต้องกังวลใดๆอีกต่อไปแล้ว

อาจารย์ของรพีพงษ์บอกว่า ที่เขาสามารถมีพลังขนาดนี้ได้นอกจากผลของเห็ดนั้นแล้ว ยังมีกำลังในตัวของเขา และโชค ที่ขาดไม่ได้ ทั้งสามอย่างนี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เลย

นี่หมายความว่าไม่ใช่ทุกคนที่ใช้วิธีนี้แล้ว จะสามารถใช้พลัง ได้อย่างสุดขีด บวกกับเห็ดนั้น ในโลกนี้อาจมีรพีพงษ์ เพียงคน เดียวที่สามารถใช้พลังได้ถึงระดับนี้

ดังนั้นนี่จึงเป็นไพ่ใบสุดท้ายของรพีพงษ์ ปกติที่เขาแสดงออก มานั้น เป็นพลังอันน้อยนิดที่อยู่ในตัวเท่านั้นเอง

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงมั่นใจว่าจะชนะปีนบันไดสูงได้

ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงอยู่นั้น เทพเจ้าสงครามลำดับที่ หก พระอรหันต์ทองดัมพ์รงค์ได้ขึ้นบนเวทีแล้ว

รพีพงษ์ยิ้มพลางทําท่าทางต้อนรับก๋าธร กําธรไม่รีรอ ใช้

กําลังทั้งหมดที่มี ต่อสู้กับรพีพงษ์

ความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าโศธิน แต่ภายใต้ความ สามารถของรพีพงษ์ที่ถึงขีดสุด ก็ยังคงสภาพแย่เช่นกัน

เวลายังไม่ถึงสิบนาที กำธรก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง หายใจกระ หอบกระหืด แต่เขากลับภูมิใจในร่างอันกำยำอยู่ กล้ามเนื้อ ออกสีม่วงเขียว ใบหน้าของเขาแสดงความเจ็บปวดออกมา อย่างเห็นได้ชัด
เพราะกลัวว่ารพีพงษ์จะลงมือต่อ กำธรรีบยอมแพ้ และออก จากการสนามการต่อสู้เหมือนกับสามคนก่อนหน้า

ในตอนที่คนดูต่างตกตะลึงพรึงเพริศอยู่นั้น รพีพงษ์ก็ได้ต่อสู้ อยู่กับอันดับเทพเจ้าแห่งสงครามคนที่สองถึงห้า

ถึงแม้ว่าการจัดอันดับของรพีพงษ์จะเริ่มอยู่อันดับหน้าๆเข้า เรื่อยๆ การต่อสู้ของรพีพงษ์นั้นก็เริ่มเปลืองแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่า คนพวกนี้ก็ถูกรพีพงษ์กำราบหมดอยู่ดี

ถึงแม้ว่าพลังของรพีพงษ์จะไม่มีใครสู้ได้ แต่ว่ารพีพงษ์ก็ ไม่ใช่เครื่องจักร ผ่านการต่องสู้มาเนิ่นนานแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัว เองจะถึงขีดจำกัดแล้ว แรงต่อสู้เริ่มไม่สม่ำเสมอ

แต่ยังดีที่เขาเหลือการต่อสู้เพียงรอบสุดท้ายเท่านั้น หลังจาก ที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รพีพงษ์ก็เงยหน้าขึ้น มองไปที่ฝั่งตรง ข้าม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ