แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่153 เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว



บทที่153 เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว

พงศ์เทพรู้สึกว่ารพีพงษ์จ้องมองเขา ทำให้ขาเขา อ่อนทันที

แรงกดดันที่มองมาทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง และ เหงื่อเม็ดโตก็ไหลออกมาจากบนหน้าผากทีละเม็ดที่ ละเม็ดหยดลงมา

ทุกคนจ้องมองไปที่รพีพงษ์และพงศ์เทพทั้งสองคน ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงร้อง

มีแต่คนที่ถูกเตะขาหักก็ยังร้องร้องโหยหวนเจ็บ

พงศ์เทพก็ทนแรงกดดันที่ส่งมาให้เขาได้ หลัง ใจหายใจลึกๆ ก็หันกลับไปที่เก้าอี้ที่นั่งเมื่อกี้ ปล่อย

ร่าง นั่งลงมา

“คุณทนาย เอาสัญญาการส่งมอบมา”พงศ์เทพพูด

อย่างอ่อนแรง

ถ้าเกิดเขารู้เรื่องว่าเขาทำให้สูญเสียแหล่งทำกําไรได้มากที่สุดในครอบครัว ขาของเขาก็คงต้อง นักแน่ แต่ถ้าเกิดเขาไม่เซ็นสัญญานี้ ก็คงกร พงษ์ หักขาตอนนี้แน่

หลังจากเซ็นชื่อลงบนสัญญา พงศ์เทพก็เหมือนกับ ครึ่งหนึ่งของร่างกายตกลงไปอยู่ในดิน ไม่มีแม้แต่ โอกาส

จู่ๆเขารู้สึกเสียใจที่เลือกมาแข่งขันเล่นเกมกับชีพ นนท์ในวันนี้ แต่โลกนี้ก็ไม่มียาย้อนเวลา ต่อให้เขา เสียใจมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

สัญญา นี้ฉันเซ็นแล้ว หลังจากนี้โรงงานวัสดุ ก่อสร้างโฮมาท์เป็นของแก ตอนนี้ฉันไปได้หรือ ยัง?”พงศ์เทพมองไปที่รพีพงษ์

“แกก็แค่เซ็นสัญญา แล้วเงินห้าล้านที่พูดก่อนหน้า นั้นละ?”รพีพงษ์กล่าว

พงศ์เทพจ้องมองทันที แล้วพูด: “ฉันก็ยกโรงงานให้ นายแล้วไง ทำไมนายยังจะเอาเงินห้าล้านอีกเหรอ?”

“ขอโทษด้วยนะ โรงงานนี่คือฉันกับแกพนันกัน แต่เงินห้าล้านคือแกพนันกับชีพนนท์เอง อย่าเอาทั้ง

สองมารวมกัน ถ้าจะเงินห้าล้านนี่เอาออกมาไม่ได้ วันนี้ยังไงแกก็ไปไม่ได้ รพีพงษ์กล่าว

พงศ์เทพอยากตายแม้แต่ก็ไม่มีละ เขาคิดไม่ถึงว่า รพีพงษ์จะโหดขนาดนี้ ได้โรงงานของไปแล้ว ยังจะ เอาเงินห้าล้านจากเขาอีก

ชีพนนท์ฝืนยิ้มแล้วมองมาที่พงศ์เทพ ไอ้หมอนี่เมื่อ ก่อนก็ค่อยแข่งกับเขามาตลอด ทั้งสองบ้านฐานะ พอๆกัน แข่งมานานหลายปีขนาดนี้ ก็ยังไม่มีผู้ชนะ

คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ใช่เพียงความสามารถไม่ถึงชั่ว ค่ำคืน ก็สามารถทำให้โรงงานของบ้านพงศ์เทพสูญ เสียในพริบตา ยังต้องเอาเงินห้าล้านมาด้วย

คนที่มีแบล็คการ์ดธนาคาร ย่อมไม่ใช่แค่คน ธรรมดา

รอบนี้เขาเล่นเกมกับรพีพงษ์ ก็เท่ากับว่ากระชับ ความสัมพันธ์ไปอีกขั้น เขารู้ ถ้าเกิดว่ามีความ สัมพันธ์ที่ดีกับรพีพงษ์ เท่ากับว่าทำให้บ้านของเขา ก้าวหน้าขึ้น และยังมีประโยชน์อีกมากแน่
พงศ์เทพมองไปคน ล้มลงอยู่บนพื้น กัดฟันแน่น หันหน้าไปคนฝั่งทีมต่อสู้ แล้วพูดกล่าว: “เราก็แพ้ ด้วยกัน งั้นก็ออกคนละหนึ่งล้านละกัน”

คนพวกนั้นสีหน้าดูไม่เต็มใจทันที ถ้าแม้ว่าพงศ์เทพ จะแพ้สูญเสียโรงงาน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่พวกเขา ควรปัญหาด้วย

หนึ่งล้านสำหรับพวกเขาไม่ใช่จำนวนน้อยไป แต่ถ้า พยายามกัดฟันหามันก็พอหาได้ แน่นอนว่า ต้องเตรี ยมใจพร้อมสำหรับกลับไปโดนต่อยตี

ไม่นาน ทีมคนของพงศ์เทพก็หาเงินมาครบห้าล้าน บ้าน รพีพงษ์ให้พงศ์เทพโอนเงินให้กับชีพนนท์

ตอนแรกชีพนนท์ก็รู้สึกเกรงใจ แต่พอมาคิดดูรพี พงษ์เป็นถึงผู้ถือแบล็คการ์ดธนาคารโลก ห้าล้าน สำหรับเขาไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวล กับเรื่องนี้

หลังจากที่ได้รับยอดเงิน รพีพงษ์ถึงยอมปล่อย พงศ์เทพไป คนทั้งกลุ่มก็ออกจากคลับรอยัลด้วย ความอับอาย ชีพนนท์ที่มองอยู่ก็รู้สึกโล่งใจ
“พี่เขยครับ เงินห้าล้านบาทก็มีส่วนแบ่งของผม

ด้วยใช่มั้ยครับ kill แต่ผมคือครับ” ริทธิ์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยดวงตาที่สดใส

พีรพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “ถ้าแกไม่เอาเรื่องวันนี้ไปบอก พี่สาวแก ส่วนแบ่งของฉันก็ให้แก

ธีริทธิ์พยักหน้าให้ แล้วพูด: “พี่เขย พี่สบายใจได้ ครับ เรื่องนี้ผมรับรองเลย ไม่บอกให้ใครรู้แน่

รพีพงษ์พยักหน้า ให้ชีพนนท์มอบสัญญาส่วนหนึ่ง ให้กับธีริทธิ์

ถึงแม้ว่าธีริทธิ์สองวันมานี่สร้างปัญหาให้เขาไม่ น้อย แต่เขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของอารียา เขาก็ต้อง ทนหน่อย

ที่สำคัญคือ รพีพงษ์คืออยากใช้เงินปิดปากของทธิ์ ไม่ให้เขาพูดเรื่องวันนี้ออกไป

ในตอนที่ชีพนนท์กำลังแบ่งเงินให้ทุกคนอยู่ รพี พงษ์ก็ได้รับข้อความจากธฤตญาณ ว่าที่สถานบัน เทิงสตาร์กายมีเรื่อง “รบกวนหน่อยให้เขาไปจัดการหน่อย

เขาถาม ตญาณมีเรื่องอะไรรบกวนเหรอ ธฤต ญาณบอกว่าถ้าเขามาถึงก็รู้เอง

รพีพงษ์รู้สึกสงสัย ไม่รู้ว่าทำไมธฤตญาณถึงไม่

ยอมบอกเอาตามตรง

“เดี๋ยวแกขับรถกลับไปเองนะ ฉันมีธุระ ต้องไปที่ สถานบันเทิงสตาร์กายแป๊บ” รพนนท์พูดกับธีริทธิ์

สิทธิ์ถามทันที “ผมไปกับพี่ด้วยครับ พี่เขย

แกกลับไปดีๆดีกว่า จำไว้ เรื่องวันนี้อย่าพูดกับ คนในบ้าน ไม่งั้นละก็ ฉันให้แกได้ลิ้มลองหมัดของ ฉันแน่ รพีพงษ์กล่าว

ริทธิ์ยิ้มแหะๆ รีบกล่าว “สบายใจได้พี่เขย ตอน นี้ผมอยู่ข้างพี่ พี่เก่งขนาดนี้ ผมไม่กล้าไม่เชื่อฟังคำ พูดพี่หรอก

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วหันหลังเดินออกไป
ชีพนนท์เดิมตามทันที แล้วพูด: “พี่พงษ์ ให้คนของ ผมไปส่งพี่ดีกว่า?”

“ไม่ต้องหรอก สตาร์กายอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ฉันปั่น รถจักรยานสาธารณะไปก็ได้ รพีพงษ์ตอบ

ชีพนนท์เห็นว่ารพีพงษ์ปฏิเสธ ก็เลยไม่กล้าพูด อะไรมาก

คนทั้งคลับเดินตามออกมาเพื่อส่งรพีพงษ์ ตอนนี้ พวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมรพีพงษ์ คิดแต่ว่า อยากกระชับความสัมพันธ์กับรพีพงษ์

เสียดายรพีพงษ์คือไม่สนใจพวกเขา พวกเขาก็ไม่ กล้าที่จะแสดงออกมากนัก

รพีพงษ์ออกมาจากคลับรอยัล ก็เดินไปข้างทาง แล้วสแกนจ่ายค่ารถจักรยานสาธารณะหนึ่งคัน

คนทั้งคลับและชีพนนท์ส่งรพีพงษ์แล้ว ไม่มีใครคิด ว่ารพีพงษ์พานรถจักรยานสาธารณะเรื่องน่าอับอาย เพราะว่าเขาคือคนที่ถือแบล็คการ์ดธนาคารโลก
มีแค่ พนนท์ ลดไม่ค่อยออก รพีพงษ์ เงิน

มากมายขนาดนี้ ทําไมต้องอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย ออกไปข้างนอกก็ปั่นแค่จักรยานสาธารณะ

“นี่คงเป็นโลกของคนมีเงินสึนะ ฉันก็ยังเข้าไม่ ถึง”ชีพนนท์พึมพำ

ในเวลานั้นก็มีการ์ดเดินออกมา เห็นชีพนนท์ ก็พยัก หน้าแล้วโค้งคำนับทันทีพูดขึ้น: “คุณวรตรครับ คุณ ออกมาละเหรอครับ ไอ้เศษสวะนั้นกลับไปละเหรอ ครับ เขาไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้คุณวรครใช่มั้ย ครับ?”

“ชีพนนท์ขมวดคิ้ว แล้วถาม: “แกหมายถึงไอ้เศษ สวะไหน?”

การ์ดก็ชี้ไปที่รพีพงษ์ที่ปั่นจักรยานออกไปทันที แล้วพูด: “ก็คือไอ้นั่นไงครับ ไอ้ที่ขายแผลงลอย แล้ว ยังขี่จักรยานสาธารณะ เขามีสิทธิ์อะไรเข้าร่วมงาน เลี้ยงของคุณวรดร พวกเราปล่อยให้มันเข้าไป ก็ เท่ากับให้เกียรติกับเขาแล้ว

หลังจากชีพนนท์ได้ยินคำพูดของการ์ด เขาก็เตะ เข้าที่หน้าท้องการ์ด การ์ดก็พร้อมกับล้มลงบนพื้น
“เขาสามารถมางานเลี้ยงของฉันได้ ก็เท่ากับว่า

เขาให้เกียรติฉัน แกมีสิทธิ์อะไรมาว่าเขา? ชีพนนท์ กล่าวด้วยใบหน้าที่โมโห

“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ก็แค่การ์ดธรรมดา ยังจะกล้าว่า ให้คุณรพี”

“ตาต่ำแบบแก เขาแค่ขี่จักรยานสาธารณะ ก็เป็นแค่ ไอ้เศษสวะเหรอ? คุณรพีพงษ์เป็นถึงเศรษฐีที่แกนึก ไม่ถึง!!

คนทั้งกลุ่มเริ่มพูดช่วยรพีพงษ์ แล้วสั่งสอนการ์ด คนนั้น

การ์ดนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ แล้วเงย หน้าด้วยความลำบากใจ แล้วมองไปทางที่รพีพงษ์ จากไป แล้วพึมพำ: จริงเหรอ?” “งั้น…งั้นเขาก็เป็นนายใหญ่ที่แท้

ธีริทธิ์เดินไปเตะการ์ด แล้วด่าเขาว่าเขาสองสามคำ

“พี่ชีพนนท์ เวลาก็ไม่เข้าแล้ว งั้นผมกลับก่อนนะ ครับ”ธีริทธิ์ด่าว่าการ์ดเสร็จ ก็พูดกับชีพนนท์
หน้า แล้วเปิดปาก “ขับรถระวังด้วย

เริทธิ์ขับรถแลนด์โรเวอร์กลับถึงวันนี้เขา ทำเงินได้สองล้านกับรพีพงษ์ เขามีความสุขมาก เดินไปด้วยก็ฮัมเพลงเบาๆ

ครั้งนี้เขาเชื่อมั่นรพีพงษ์อย่างสมบูรณ์ เมื่อก่อนเขา รู้สึกว่ารพีพงษ์นั่นก็เป็นแค่คนไร้ประโยน์ คิดแต่จะ กลั่นแกล้งรพีพงษ์ แต่ตอนนี้เขากลับนับถือรพีพงษ์ เป็นไอดอล

หลังจากที่รู้ถึงว่ารพีพงษ์นั่นยิ่งใหญ่ขนาดไหน ธีร ทธิ์ก็คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วยิ่งใหญ่เหมือน กับรพีพงษ์

เขาเดินเข้าไปถึงที่คฤหาสน์ และเห็นศศินัดดาและ อารียานั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา

อารียาได้ยินเสียงเปิดประตูก็ยืนขึ้น เตรียมเดินขึ้น ห้อง

แต่หลังจากที่เธอหันหน้ากลับไปมอง ก็พบว่ารพี พงษ์ไม่ได้กลับมา
เห็นว่า กลับมาคนเดียว แล้วถาม

ทําไมนายกลับมาคนเดียว ? เขาคงไม่ไปก่อเรื่องที่งานเลี้ยงเขา แล้วถูกเขาจับขัง

“ไม่ใช่ครับ พี่เขยของผมเขาต้องการจะ พูดว่ารพีพงษ์นั้นสุดยอดแค่ไหน แต่พอคิดถึงคำสั่ง ห้ามพูดเรื่องของรพีพงษ์ในวันนี้ ก็กลับคำทันที

“พี่เขยของผมไปทำธุระ ก็เลยให้ผมกลับมาเอง ครับ”

ศศินัดดาได้ยินคำพูดของธีริทธิ์เริ่มเรียกรพีพงษ์ว่า พี่เขย สีหน้าก็ไม่พอใจ แล้วพูดว่า: “ธีริทธิ์ หลังจากนี้ อย่าเรียกนี้ไอ้เศษสวะว่าพี่เขย มันก็เป็นแค่ไอ้แมงดา มีสิทธิ์อะไรมาเป็นพี่เขยของแก ฉันกำลังบอกให้พี่ แกหย่ากับมัน”

ธีริทธิ์เบิกตากว้างทันที คิดในใจว่ารพีพงษ์นั้นสุด ยอดขนาดไหน ศศินัดดายังอยากให้อารียาหย่ากับ เขา นี่ก็โง่เกินไปแล้ว

อารียาเม้นริมฝีปาก แล้วถามธีริทธิ์ “เขาบอกหรือ เปล่าว่าไปที่ไหน?”
“รู้สึกว่าจะเป็นที่สตาริกายนะ แต่ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ นะครับ” ริท ตอบกลับ รพีพงษ์ก็ไม่ได้สั่งห้ามเขา บอกอารียาว่าเขาที่ไปไหน

เมื่ออารียาได้ยินสตาร์กายสามคำนี้ อยู่ๆน้ำตาก็ เอ่อล้นเต็มดวงตา แล้วรีบเดินขึ้นไปขึ้นห้อง

ศศินัดดาก็โมโห แล้วด่า: “ไอ้เหี้*นี่ มันยังกล้าไปที่ สตาร์กายแบบนั้นเหรอ มันทำแบบนี้ มันรู้สึกผิดต่อ ลูกสาวฉันมั้ยเนี่ย! ไม่ได้ละ แบบนี้มันต้องหย่าแล้ว จะปล่อยให้ลูกสาวฉันต้องทนทุกข์กับความเสียใจ แบบนี้ไม่ได้!

ธีริทธิ์สงสัย แล้วถาม:”คุณป้าครับ สตาร์กายคือ สถานที่อะไรเหรอครับ?”

“ไอ้เด็กนี่ ถามเรื่องนี้ทำไม รีบกลับห้องไปได้ แล้ว”ศศินัดดาเขม็งตาให้ธีริทธิ์ด้วยความไม่พอ

ธีริทธิ์เบะปาก แล้วเดินกลับห้องตัวเอง สองสามวัน มาเข้าเห็นศศินัดดาหารพีพงษ์จนชินแล้ว เลยคิด ว่าไม่น่าจะมีเรื่องอะไร

หลังจากที่อารียากลับเข้าห้อง ก็ร้องไห้ปล่อยเสียงออกมา ความทุกข์เจ็บปวดปล่อยออกมา

อย่างช่วยไม่ได้

ทั้งๆที่เธอตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับรพีพงษ์ ไปตลอดชีวิต ช่วงนี้สิ่งที่พงษ์ทำนั้นทำให้เธอ ค่อยๆเริ่มยอมรับรพีพงษ์

เธอรู้สึกว่า เธอเองก็พงษ์ไม่ได้

แต่ในขณะนี้ รพีพงษ์กลับทำเรื่องแบบนี้ และทำกับ เพื่อนของเธอแบบนั้น แล้วยังไปสนุกสนามที่สตาร์ กายอีก

เขาลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าที่บ้านยังมีภรรยาอยู่

ในตอนนี้ อารียารู้สึกว่าที่รพีพงษ์ทำดีกับเธอนั้น มัน คือการแสดง

เธอรู้ว่ารพีพงษ์เป็นคนที่เจ้าเล่ห์ แล้วน่ารังเกียจ เขาไปในสถานที่สตาร์กายแบบนั้น แถมยังทำเรื่อง แบบนั้นกับบุษบากร แล้วยังไม่มาหาตัวเอง นี่มันคือ การทำร้ายเธอที่เจ็บปวดที่สุด

อารียาร้องเป็นเวลานาน และดวงตาของเธอก็บวมเธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับ

รพีพงษ์ยังไง

หรืออาจ ต้องหย่ากับเขาจริงๆ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ