แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่491 ตอบรับข้อเรียกร้องที่ไร้เงื่อนไข



บทที่491 ตอบรับข้อเรียกร้องที่ไร้เงื่อนไข

บทที่491 ตอบรับข้อเรียกร้องที่ไร้เงื่อนไข

“คุณ…คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้เดา? ” มโนชาถามรพีพงษ์อย่าง ไม่มั่นใจ ตัวเธอเองก็รู้สึกว่าคำถามของเธอนั้นไร้ประโยชน์

แต่เป็นเพราะว่ามีความประทับใจที่ไม่ดีต่อรพีพงษ์ ทำให้ใน ใจของเธอรู้สึกว่าถ้าไม่ถามประโยคนี้ออกมาก็ราวกับว่าตัวเอง จะเสียเปรียบยังไงยังงั้น

“ถ้าคุณคิดว่าผมเดาออกมา ต้องมีความเป็นไปได้มากน้อย แค่ไหน? ” รพีพงษ์ฉีดยิ้มมุมปากขึ้น กลับไม่ได้โกรธคำถาม ของมโนชาเลย

มโนชามองไปที่ของสะสมสิบกว่าชิ้นบนตู้จัดแสดง นิทรรศการ ถ้าทายสองชิ้นนี้ถูกในเวลาเดียวกัน คิดความเป็น ไปได้ละก็ ก็นับว่าเป็นตัวเลขที่น้อยมาก

“ปั้นชาและชามดอกไม้นี้ ตามที่พ่อได้พูดมา คือมาจากฝีมือ ท่านอาจารย์ที่ลอกเลียนแบบของสาธารณรัฐท่านหนึ่ง ซึ่งการ ลอกเลียนของโบราณของท่านนั้น ถึงขั้นเทพแล้ว สิ่งของที่ ผ่านมือของท่านนั้น ยากมากที่จะดูออก ” ในขณะนั้น ปรวิทย์ก็ พูดต่อ

“ได้ยินพ่อผมพูดว่า ในการประมูลช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีเสื้อ บางชิ้นที่มาจากของสะสมของท่านอาจารย์ลอกเลียนท่านนี้ ถูกคิดว่าเป็นของจริงและได้ประมูลขายออกไปแล้ว การประมูลนั้นได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินวัตถุ โบราณไป แต่ไม่มีใครมองสิ่งของลอกเลียนแบบนั้นออกเลย ”

“ที่มาที่แท้จริงของปั้นชาและชามดอกไม้นี้ พ่อของผมบอก ผมคนเดียวด้วยตัวท่านเอง วันนี้เป็นครั้งแรกที่ประกาศที่มา ของของปลอมสองชิ้นนี้ต่อสาธารณชน ถึงแม้นี้จะเป็นของ เลียนแบบ แต่ว่าก็มาจากมือของท่านอาจารย์นี้เหมือนกัน ระดับความเหมือนจริงนั้นสามารถทํายองปลอมให้เป็นของจริง ได้ ดังนั้นราคาของของสะสมสองชิ้นนี้ก็ไม่น้อยเลยเหมือนกัน

หลังจากที่ทุกคนได้ฟังการแนะนำของปลอมสองสิ่งจาก ปร วิทย์แล้วนั้น ล้วนประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าวัตถุโบราณสอง ชิ้นที่เป็นสัญลักษณ์ของ ราชวงศ์ซ่งเหนือและราชวงศ์หมิงนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยท่านอาจารย์ของสาธารณรัฐ

ถ้าไม่ใช่ ปรวิทย์ประกาศที่มาของสองสิ่งนี้ต่อสาธารณชนละ ก็ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะซื้อของสองสิ่งนี้กลับไปด้วยราคาที่สูง เสียดฟ้าก็ตาม ก็คิดว่าตัวเองซื้อของจริงกลับไปแน่นอน

หลังจากที่มโนชาได้ยินการแนะนําของ ปรวิทย์แล้วนั้น ในใจ ก็ตกตะลึงเพิ่มขึ้นไปอีก เธอจําได้อย่างชัดเจน ตอนทีรพีพงษ์ พูดถึงของปลอมสองชิ้นนี้ ก็พูดว่าของสองชิ้นนี้ก็สร้างขึ้นมา จากสาธารณรัฐ

ตามที่ ปรวิทย์พูด ก่อนที่เขาจะประกาศ คนที่รู้ว่าของสองชิ้นนี้ว่าเป็นของของสาธารณรัฐ ก็มีแค่ปรมัตถ์และ ปรวิทย์ สองคน

ถ้ามีคนที่สามารถมองที่มาของสองสิ่งนี้ออก นั้นก็แปลว่าเป็น คนที่รู้ในสายงานนี้เป็นอย่างดี รพีพงษ์ใช่ประสบการณ์ความรู้ ของตัวเองจริงๆ ถึงดูที่มาของสองชิ้นนี้ออก

แม้ว่าจะเกิดความเป็นไปได้น้อยก็จริง รพีพงษ์เดาของสอง ชิ้นนี้ถูก แต่ก็ไม่มีทางพูดช่วงเวลาที่สร้างของสองชิ้นนี้จาก สาธารณรัฐได้

แน่นอน ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ก็คือรพีพงษ์ได้ฟัง เรื่องของปลอมสองชิ้นนี้จากปรมัตถ์มาก่อนแล้ว วันนี้ถึงได้พูด ที่มาของสองชิ้นได้อย่างถูกต้อง แต่เห็นได้อย่างแน่ชัด ว่าเรื่อง นี้ไม่มีทาง เป็นไปได้อย่างแน่นอน

มโนชามองไปที่รพีพงษ์เต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง รู้ว่าเมื่อ ก่อนตัวเองได้เข้าใจรพีพงษ์ผิดไป เจ้าหมอนี้ไม่ได้ดูตื้นเขิน เหมือนอย่างที่เธอคิดไว้ อย่างน้อยที่สุดเธอและอาจารย์ของ เธอก็ไม่สามารถหาของปลอมสองชิ้นนั้นออกมาได้ แถมยังพูด ที่มาของพวกมันได้อีก

ถ้าเธอมีความรู้แบบนี้ละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะดูถูกของโบราณที่ พวกเขาเคยพบจากด้านนอกมาก่อนก็ได้

และยังมีอีกเรื่องที่มโนซารู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นคนโอ้อวด จอมปลอมอย่างที่เธอคิดไว้ นั้นก็คือรพีพงษ์ใช้เวลาภายในสิบห้านาที ก็สามารถหาของปลอมสองชิ้นนั้นออกมา ได้ แต่เขากลับไม่ไปบอก ปรวิทย์

งั้นก็แสดงว่าเขากลับไม่ได้สนใจโอ้อวดตัวเองมากขนาดนั้น และไม่มีความคิดที่จะเลือกของหนึ่งชิ้นจากของสะสมของ ปรมัตถ์ด้วย

ไม่พูดไม่ได้ ว่าถ้าเป็นเธอ ยังมีความอยากจะได้ของสะสม ของปรมัตถ์ สามารถเผชิญหน้ากับสิ่งยั่วยด้วยไม่ได้ทําอะไร แสดงว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

หลังจากที่รู้แน่ชัดว่าตัวเองเข้าใจรพีพงษ์ผิดนั้น มโนชาก็ เปลี่ยนเป็นเขินอายขึ้นมา มองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาที่เต็ม ไปด้วยความรู้สึกผิด ปกติคนที่เข้าใจคนอื่นผิด หลังจากที่รู้ ความจริงแล้วนั้น ก็จะมีความปรารถนาดีและใจกว้างต่อคนที่ เข้าใจผิด มโนชาก็รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองก็เป็นแบบนั้น

ผดุงสิทธิ์และไกรเดชสองคนก็เอาคำพูดของ ปรวิทย์ มา ตัดสินความเก่งกาจของรพีพงษ์ พวกเขาทั้งสองคนมองไปที่ รพีพงษ์ด้วยความเคารพขึ้นมานิดหนึ่ง

“คุณรพี คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีความรู้ที่ลึกซึ้งขนาดนี้ ดู เหมือนว่าพวกเราจะใช้ความคิดเห็นที่เลวไปคาดเดาคนที่มี คุณธรรมสูงส่งแล้ว หวังว่าเรื่องที่ผ่านมาคุณรพี อย่าได้ไป ถือสาอะไรเลยนะครับ ” ผดุงสิทธิ์ยิ้มแล้วพูดกับรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มให้เขาไปนิดหนึ่ง แสดงออกว่าไม่ได้อะไร
ไกรเดชก็ยิ้มแล้วพูดว่า : “ตอนนี้ผมพูดเรื่อง De Yi Yuan Baoนั้นว่าผมไม่ได้เป็นคนบอกคุณรพี พวกคุณคงเชื่อแล้วใช่ มั้ย ”

ได้ยินคําพูดของไกรเดช มโนชาก็ยังละอายใจขึ้นไปอีก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเขินอายมองไปที่รพีพงษ์ ก้ม หน้า ไม่กล้าสบตากับรพีพงษ์ และเล่นกับนิ้วของตัวเองด้วย ความประมาท

“คุณ…คุณรพี เมื่อก่อนฉันมีทัศนคติที่ไม่ดีกับคุณไปหน่อย เพราะฉันคิดว่าตัวเองใช่ เข้าใจคุณผิด หวังว่าคุณรพีจะใจ กว้าง อย่าไปเก็บไว้ในใจเลย ชาขอโทษคุณมา ณ ที่นี้ด้วย” น้ำเสียงที่มโนชาพูดกับรพีพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลขึ้นมานิด หนึ่ง

รพีพงษ์มองเธอ แล้วพูดว่า : “ขอโทษก็ไม่ใช่ว่าจะแล้วไป ขอแค่คุณยังจําได้ ตอนนี้คุณจำเป็นต้องตอบรับข้อเรียกร้องที่ ไร้เงื่อนไขกันผม

ในใจของมโนชาชะงักไปอย่างฉับพลัน รพีพงษ์ปาของปลอม สองชิ้นนั้นออกมาได้ ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าการพนันระหว่างเธอกับ รพีพงษ์คือเธอเป็นฝ่ายแพ้ สําหรับข้อแลกเปลี่ยน เธอจําเป็น ต้องตอบรับข้อเรียกร้องของรพีพงษ์อย่างไร้เงื่อนไข

ก่อนหน้านี้ มโนชาคิดว่ารพีพงษ์ไม่สามารถหาของปลอมสอง ชิ้นนั้นได้เจอแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ได้คำนึงถึงการเดิมพันที่จะ ตามมา ก็เลยตอบตกลงรพีพงษ์ไป
ตอนนี้เธอแพ้แล้ว มโนชาถึงได้รู้สึกตัวว่า ถ้าตัวเองจำเป็น ต้องตอบรับข้อเรียกร้องของรพีพงษ์อย่างไร้เงื่อนไขละก็ งั้น เรื่องที่รพีพงษ์จะให้เธอทําละก็เยอะมากมายเลย

แต่สิ่งแรกที่ในสมองของเธอคิดได้ ก็คือรพีพงษ์คงไม่ได้ให้ เธอ…เธอยังเรียนมหาลัยอยู่นะ ปกติเวลาพบเจอเรื่องนี้ สิ่งที่ คิดได้ก็มีแต่เรื่องผู้หญิงกับผู้ชายทั้งนั้น

เพียงแค่รพีพงษ์พูดข้อเรียกร้องอย่างนั้นออกมา การเป็นคนที่ รักษาสัญญา มโนชาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางปฏิเสธได้ ถ้าเป็น ม อย่างนี้ก็จะทำให้ตัวเธอเองละเมิดเงื่อนไขในชีวิตของตัวเอง อย่างงั้นเธอก็จะใช่ชีวิตอย่างละอายใจไปตลอดชีวิต

คิดถึงตรงนี้ ใบหน้ารูปไข่ของมโนชาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้น มาทันที ในสมองก็มีภาพคิดไปทั่วเต็มไปหมด

“คุณ…คุณต้องการเรียกร้องอะไร? ” มโนชาถามอย่าง

ระมัดระวัง

“เรื่องนี้ผมยังคิดไม่ออกชั่วคราว รอผมคิดออกแล้วค่อยบอก คุณแล้วกัน ” รพีพงษ์พูด

มโนชาทำได้เพียงพยักหน้า แต่ว่ายิ่งเป็นแบบนี้ ในใจของเธอ ก็ยิ่งไม่แน่ใจ เธอไม่รู้เลยว่ารพีพงษ์จะพูดข้อเรียกร้องอะไร ออกมา

ผดุงสิทธิ์และไกรเดชทั้งสองคนมองทั้งสองคนแล้วยิ้มๆการเดิมพันของคนอื่น พวกเขาทั้งสองคนไม่อาจก้าวก่าย ได้ ดังนั้นดูเฉยๆ ก็พอ ในใจของไกรเดชยังรู้สึกว่ามโนชางั้น เหมาะสมกับรพีพงษ์เป็นอย่างมาก แต่ว่าตอนนั้นรพีพงษ์พูด แล้วว่าอย่าล้อเล่นเรื่องนี้อีก ดังนั้นเขาก็ทำได้แค่คิดอยู่ในใจ

“ในเมื่อวันนี้ไม่มีใครหาของปลอมสองสิ่งนั้นเจอ ถ้าอย่างนั้น ของสะสมที่ผมเดิมทีต้องการจะให้เห็นทีคงจะต้องอยู่ที่นี่สัก พัก แต่ว่าถ้าหากทุกท่านต้องการจริง ๆ ละก็ สามารถที่จะจ่าย เงินซื้อได้นะครับ เนื่องจากวันนี้ผมอารมณ์ดี จึงจะเสนอราคาที่ พิเศษให้กับทุกท่านครับ ” ปรวิทย์ พูดต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง”

ทันทีทันใดผู้คนมากมายก็อยากต้องการซื้อของของสะสม ของปรมัตถ์ นี้เป็นโอกาสอันน้อยนิด แม้ว่าที่นี่จะเป็นร้านที่ ปรมัตถ์เปิด แต่มีโอกาสน้อยมากที่ขายของสะสมของปรมัตถ์ ดังนั้นจึงมีจํานวนคนไม่น้อยที่เข้าไปสอบถามราคา

ในตอนนั้นเอง รพีพงษ์เดินไปด้านหน้า แล้วพูดเสียงดังว่า : ” ในของสะสมที่นี่ ยังมีของปลอมชิ้นที่สามอยู่ !

ทุกคนต่างก็ถูกเสียงของรพีพงษ์สกัดไว้ ภายในกำปั่นทองจึง เงียบขึ้นมาทันที

หลังจากนั้นทุกคนต่างก็มองมายังรพีพงษ์ พร้อมกับสีหน้าที่ แสดงออกถึงความตกใจหลังจากนั้นทุกคนต่างก็มองมายังรพี พงษ์ พร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกถึงความตกใจ
ไกรเดชและอีกสองคนคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดประโยคนี้ ออกมา มองเขาด้วยความงุนงง

ปรวิทย์ที่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็ต้องหยุดยิ้มทันที เขาหรี่ตาม องไปยังรพีพงษ์ อีกทั้งในหัวสมองยังคงคิดว่าคนนี้คือใครกัน ทำไมถึงพูดประโยคนี้ออกมากะทันหัน

หรือว่าจะมาทำลายงาน?

ของสะสมพวกนี้ที่เขาวางอยู่บนตู้จัดแสดงนิทรรศการนั้น แต่ละชิ้นล้วนผ่านสายตาของปรมัตถ์มาด้วยตัวเอง ซึ่งของใน นั้นมีปั้นชาและชามดอกไม้ที่เป็นของปลอม ส่วนที่เหลือนั้นเป็น ของจริงหมด

ตอนนี้นั้นก็มีคนพูดออกมาว่ายังมีของปลอมชิ้นที่สามอยู่ อย่างกะทันหัน ที่ปรวิทย์จะคิดได้ก็คือ เป็นคนที่มาทำลาย งาน ซึ่งเขาจะต้องไม่เห็นด้วยกับการประเมินวัตถุโบราณ ของปรมัตถ์อย่างแน่นอน ในเมื่อปรมัตถ์พูดว่าในตู้จัดแสดง นิทรรศการนี้มีของปลอมแค่สองชิ้น งั้นก็ไม่มีทางที่จะมีชิ้นที่ สามแน่นอน

“ คุณครับ คุณกำลังล้อเล่นใช่หรือเปล่าครับ ของสะสมที่อยู่ บนตู้จัดแสดงนิทรรศการนี้ ต่างก็เป็นของที่พ่อผมดูมาด้วยตัว เองทั้งนั้น นอกจากของปลอมสองชิ้นนั้นแล้ว ที่เหลือก็คือของ จริง จะเป็นไปได้ยังไงกันที่จะมีของปลอมชื้นที่สามละครับ ผม ว่าคุณอย่าพูดล้อเล่นกับผมเลยครับ ” ปรวิทย์ ยิ้มพร้อมกับพูด กับรพีพงษ์
“ ผมไม่ได้พูดล้อเล่นซะหน่อย ที่อยู่ด้านบนตู้จัดแสดง นิทรรศการนี้ ยังมีของปลอมชิ้นที่สามอยู่จริงๆ ปรมัตถ์ก็ไม่ได้ หมายความว่าเขาจะถูกซะหน่อย ถึงจะเป็นเขา ก็มีตอนที่ผิด บ้าง ” รพีพงษ์พูดออกมา

คำพูดที่เขาพูดออกมา ผู้คนมากมายในที่นี้เพิ่งตากว้าง ในใจ คิดว่ารพีพงษ์นี้ต้องมาทําลายงานแน่นอน

คำพูดเมื่อกี้นี้ของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะยั่วยุ ปรมัตถ์ ตำแหน่งของปรมัตถ์ในด้านการประเมินวิเคราะห์วัตถุ โบราณระดับโลกของเกียวโตนั้นไร้คนเทียบเทียม ตอนนี้รพี พงษ์พูดว่าปรมัตถ์ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะถูกซะหน่อย สำหรับพวกเขาแล้ว ก็นับว่ามาหาเรื่อง

ปรวิทย์เปลี่ยนสีหน้า พูดโดยอารมณ์ที่ไม่ดีกับรพีพงษ์ว่า : “ ฐานะของพ่อในด้านการประเมินวิเคราะห์และวินิจฉัยอยู่ใน ระดับโลก ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้เป็นอย่างดี การที่เขานั้นจะเป็น คนที่ถูกหรือไม่นั้น ไม่ใช่ว่าคุณจะพูดออกมาแล้วเป็นอย่างที่ คุณพูด แต่ถ้าหากว่าวันนี้คุณต้องการมาหาเรื่องละก็ ได้โปรด รีบออกไปโดยเร็วด้วย ผมไม่ต้องการให้เกิดเหตุปะทะกัน รุนแรง ถ้าหากไม่ใช่ละก็ คุณได้โปรดดูสิ่งของในร้านของพวก เราได้ปกติ อย่าได้พูดอะไรแบบนี้อีก ”

ทุกคนต่างก็มองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ดูถูก เห็นได้ชัดว่าเขา นั้นเป็นคนที่ไร้ชื่อเสียง แล้วมีสิทธิ์อะไรที่จะชี้แนะปรมัตถ์

อีกทั้งยังมีเหตุผลที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง นั้นก็คือรพีพงศ์ยังดูเด็ก เกินไปในความเป็นจริง ซึ่งไม่เหมือนกับคนที่มีความรู้สะสมจากประสบการณ์สูง เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ที่ไม่มี สิทธิ์ที่จะตัดสินบุคคลคนอันดับหนึ่งของโลกในด้านการ ประเมินวิเคราะห์วัตถุโบราณอย่างปรมัตถ์ได้

‘เด็กคนนี้โผล่มาจากตรงไหนมาเนี่ย ถึงได้กล้าสงสัยในการ ตัดสินของปรมัตถ์ ชั่งไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง ”

” คาดว่านี้ก็คงเป็นคนที่ไร้สมองไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย อีก ทั้งยังวิ่งมาที่ร้านของปรมัตถ์เพื่อที่จะก่อปัญหา ไม่แน่ว่านี้อาจ เป็นคนที่ฝ่ายตรงข้ามจ้างมาป่วนก็ได้ ”

” พูดได้ถูกต้อง เขายังพูดอีกว่าในที่นี้ยังมีของปลอมชิ้นที่ สามอยู่ด้วย ถ้าหากว่าเขาสามารถหามันเจอ งั้นทำไมสองชิ้น แรกนั้นเขาถึงหาไม่เจอล่ะ ผมคิดว่าเขาก็คงจะมาพูดเรื่อย เปื่อยแถวนี้นะสิ คนแบบสงสัยสมองคงจะมีปัญหา มาถึงร้าน ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ทั้งที่ยังจะก่อเรื่องอีก รนหาที่ตายจริง ๆ ”

ไกรเดชและทั้งสองคนก็มองมายังรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ลังเล ซึ่งคนอื่นนั้นไม่รู้ว่ารพีพงษ์นั้นหาของปลอมทั้งสองชิ้นนั้นเจอ แล้ว แต่พวกเขารู้ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าความสามารถด้าน การประเมินวัตถุโบราณของเขานั้นถือว่าสูงมาก

แต่ว่าการที่รพีพงษ์ออกมายืนพูดแบบนั้น ก็เหมือนกับการท้าทายอำนาจและบารมีของปรมัตถ์ พวกที่ยกย่องปรมัตถ์ เหมือนกับไอดอลนั้น คงไม่ไว้หน้าเขาแน่นอน

ไกรเดชทำสายตาล่อกแลก และยิ้มขึ้นมา แล้วพูดว่า : ” คุณ รพีครับ เป็นเพราะคุณตาลายหรือเปล่า ถึงแม้ท่านอาจารย์ ปรมัตถ์จะไม่ได้ถูก แต่ก็คงไม่ดูพลาดหลอก……

” ด้านในนั้นมีของที่ปลอมชิ้นที่สามแน่นอน” รพีพงษ์ยืนยันที่ จะพูด

หลังจากที่เขาเดินไปด้านหน้า พร้อมกับจ้องหน้าปรวิทย์ พูด ว่า : “ ตามความคิดของผมแล้ว ถ้าหากว่าคุณขายของปลอม แบบนั้นออกไป เมื่อมีคนมองออก มันก็เป็นการทำลายชื่อเสียง ของปรมัตถ์อย่างแท้จริงนะ “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ