แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 64 ซื้อรถ



บทที่ 64 ซื้อรถ

บทที่ 64 ซื้อรถ

“แม่อารี คุณอย่าว่ารพีพงษ์อย่างนี้ รพีพงษ์ก็ได้พูด แบบนี้แล้ว นั่นหมายความว่า เขามีเงินซื้อรถ นี่เป็นเรื่องที่ ดีป้าฟางยิ้มแล้วพูด อยากให้รพีพงษ์คุยโวโอ้อวดที่นี่ ใจจะขาด

เมื่อถึงตอนนั้น รพีพงษ์ไม่สามารถซื้อรถได้ เธอก็ สามารถมาดูเรื่องตลกขายหน้าแล้ว

“เขาจะมีเงินได้สักที่ไหน ช่วงหลายปีมานี้ เงินของ เขา ฉันเป็นคนให้ทั้งหมด เงินเหล่านั้น แค่พอที่จะซื้อ ผักได้เท่านี้ แม้ว่าเขาจะเก็บหอมรอมริบตลอดชีวิต ก็ ไม่สามารถซื้อรถได้” ศศินัดดาพูดอย่างมั่นใจ ราวกับว่า รพีพงษ์ไม่มีเงิน ได้กลายเป็นความภาคภูมิใจของเธอไป แล้ว

“ก็ไม่สามารถพูดแบบนี้ได้ ถ้าเกิดเป็นเงินของรพีพงษ์ เองล่ะ รพีพงษ์ นายคิดจะซื้อรถเมื่อไหร่?” ป้าฟาง พูดด้วยรอยยิ้ม
ศศินัดดาสีหน้าลำบากใจ เห็นว่าป้าฟางกำลังจะจับเรื่อง นี้ไม่ปล่อยแล้ว

เธอจ้องมองไปที่รพีพงษ์ด้วยท่าทีโกรธเคือง ในดวงตา

เต็มไปด้วยไปสังหาร

ถ้าไม่ใช่ว่าการฆาตกรรมเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่แน่ ศศินัดดาจะแทงรพีพงษ์ที่สองที่จริงๆ

“พรุ่งนี้มั้ง” รพีพงษ์ตอบ

“จริงเหรอ ดูท่าทางว่าในมือของรพีพงษ์มีเงินอยู่ไม่ น้อยงั้นพรุ่งนี้ฉันต้องมาดูว่า นายซื้อรถอะไร” รอยยิ้มบน ใบหน้าของป้าฟางยิ่งเข้มข้นขึ้น แน่นอนว่าเธอรู้สถานะ ของรพีพงษ์ที่อยู่ในบ้านเป็นอย่างดี รู้ว่าเขาไม่มีทางซื้อ รถได้

ตอนที่รพีพงษ์พูดเรื่องแบบนั้นออกมา พรุ่งนี้เธอเข้ามา ดู ถ้าไม่มีรถ เธอก็จะสามารถหัวเราะเยาะเย้ยศศินัดดา

อย่างมีเหตุมีผลแล้ว

นี่คือสงครามระหว่างผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น
ศศินัดดายื่นมือออกไปบีบแขนของรพีพงษ์โดยตรง จากนั้นยิ้มแล้วพูดกับป้าฟางว่า “อย่าไปฟังเขาพูดเหลว ไหล เขาจะมีเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร แค่ล้อเล่นกับ คุณเท่านั้น”

อารียาก็เหลือบมองไปที่รพีพงษ์อย่างอึดอัดใจจากนั้น ก็พูดกับป้าฟางว่า “ใช่ รพีพงษ์พูดจากไปเรื่อย ตอนนี้ พวกเราไม่มีแผนที่จะซื้อรถ”

ป้าฟางยืนขึ้นโดยตรง พูดด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่ารพีพงษ์ จะไม่มีงานทำ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย เขาน่าจะไม่พูดโวโอ้ อวดมั้ง รพีพงษ์ ถ้านายจะซื้อรถ ฉันแนะนำให้นายซื้อ เหมือนกับบ้านฉัน ก็แค่สองแสนกว่าเอง”

“พรุ่งนี้ฉันมาดูรถคันใหม่ของบ้านคุณนะ วันนี้ก็กลับไป ก่อน”

ป้าฟางเดินออกไปทางประตู

“ยินดีต้อนรับ” รพีพงษ์พูดขึ้น

หลังจากที่รอป้าฟางออกไป ศศินัดดาจ้องเขม็งไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาที่โกรธเกี้ยวในทันที แล้วพูดว่า “นาย เจงใจอยากให้ฉันเสียหน้าต่อหน้าป้าฟางใช่ไหม นาย สามารถซื้อรถได้ที่ไหน? พรุ่งนี้ป้าฟางมาแล้ว เห็นว่า ไม่มีรถ ที่ถูกหัวเราะเยาะก็ยังเป็นฉัน ฉันว่านายจงใจที่ จะแก้แค้นฉัน!”

“รพีพงษ์ นายไม่ควรพูดอย่างนี้กับป้าฟางจริงๆ สถานการณ์ของบ้านเราในตอนนี้ ยังไม่เหมาะที่จะซื้อ รถ” อารียาก็พูดแนะนำตาม

“พรุ่งนี้ฉันก็จะไปซื้อรถ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้นเบาๆ

“ดูนายเก่งกล้ายิ่งนัก พรุ่งนี้ยังจะไปซื้อรถอีก ฉันว่านาย ซื้อรถในฝันมั้ง ไม่มีความสามารถอะไรเลยสักเสี้ยวเดียว รู้แต่เพียงคุยโวโอ้อวด

ศศินัดดาโกรธจนทนไม่ไหวจริงๆ หลังจากที่ด่ารพีพงษ์ ไม่กี่คำ ก็หันกลับไปที่ห้องแล้ว

อารียาก็ถอนหายใจเช่นกัน เธอก็ไม่ได้คิดว่า รพีพงษ์ ไม่มีความสามารถ เพียงแต่ว่า ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ซื้อ ของให้เธอมากมายขนาดนั้น ซึ่งแพงจนน่ากลัวมาก แม้ว่าจะมีเงินมากขนาดไหน เกรงว่าอาจจะ เหลือไม่มากแล้ว

“เข้านอนเร็วเถอะ พรุ่งนี้ฉันไปบริษัทด้วยตัวเอง” อารี ยาพูดประโยคหนึ่ง แล้วก็หันกลับไปที่ห้องเลย

หลังจากที่ป้าฟางกลับไปถึงบ้าน ก็กุมท้องของตัวเอง แล้วหัวเราะชอบใจทันที ทำให้สามีและลูกชายของเธอมี อาการสับสนงุนงง

“นี่เกิดอะไรขึ้น? หัวเราะชอบใจขนาดนี้?” สามีของป้า

ฟางถาม

“พวกคุณเดาสิว่า เมื่อกี้อยู่ที่บ้านศศินัดดา ฉันได้ยิน อะไร? รพีพงษ์นายไร้ประโยชน์นี้ กลับบอกว่าพรุ่งนี้จะไป ซื้อรถ!” ป้าฟางพูดเสียงดัง

หลังจากที่สามีและลูกชายของเธอฟังแล้ว มองหน้ากัน

แล้วหัวเราะเสียงดังตาม

“ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม รพีพงษ์ถึงกับพูดว่า จะไปซื้อ รถ? เขามีเงินเหรอ? กลัวว่าจะยังคงหลอกภรรยาของเขามั้ง” ลูกชายของป้าฟางพูดขึ้น

“รพีพงษ์ได้บอกว่า ใช้เงินของตัวเขาเอง นายไร้ ประโยชน์นี้ขี้โม้ได้หน้าไม่แดงเลยจริงๆ ตลอดเวลา หลายปีที่เขาอยู่บ้านของศศินัดดา ศศินัดดาให้เงินเขา เดือนละห้าร้อยหยวน ให้เขาซื้อผัก ถ้าเขามีเงินซื้อรถ ก็ มีผีจริงๆแล้ว!” ป้าฟางพูดอย่างดูถูก

“ช่างน่าขำแทบตายจริงๆ นายไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ถึง กับกล้าที่จะพูดว่า ตัวเองจะซื้อรถ เขาเห็นว่าลูกชายของ เราซื้อรถดีๆ เลยอิจฉาสินะ” สามีของป้าฟางพูดด้วย ความเหยียบหยาม

“รอพรุ่งนี้เราไปบ้านของเขาด้วยกัน ดูสิว่ารพีพงษ์นี้ สามารถซื้อรถแบบไหนกลับมาได้บ้าง” ป้าฟางพูด ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

“คงจะไม่ใช่จักรยานนะ” ลูกชายของป้าฟางพูดหัวเราะ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจอีกครั้ง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากอารียาได้ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว

ไม่ให้รพีพงษ์ไปส่ง ขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคนเดียวไป ทำงานเลย

หลังจากที่รพีพงษ์ทำความสะอาดบ้านเรียบร้อย ก็ออก จากบ้านไปสแกนจักรยานสาธารณะ แล้วไปที่ Auto City เลย

เขาจอดจักรยานสาธารณะไว้ที่ประตูร้าน4s แลนด์โร เวอร์ หลังจากที่พวกพนักงานในนั้นได้เห็นเข้า ต่างก็ล้อ เลียนขึ้น

“พวกคุณดูสิ ข้างนอกมีคนหนึ่งที่ขับจักรยานสาธารณะ มา อย่าบอกกับฉันนะว่าเขามาดูรถในร้านของเรา”

“ดูท่าทีแล้ว มาร้านเราจริง ในสมัยนี้ มีคนทุกรูปแบบ จริงๆ ยากจนมากขนาดนี้ ยังกล้าที่จะมาร้าน แลนด์โร เวอร์ดูรถ
“เดี๋ยวเขาเข้ามา ทุกคนอย่าไปสนใจเขา ปล่อยให้เขา เดินดูคนเดียว คนแบบนี้ รู้เพียงแต่จะทำให้เราเสีย เวลาเท่านั้น ชอบก็ซื้อไม่ไหว”

รพีพงษ์เดินเข้าไปในร้านแลนด์โรเวอร์ หลังจากที่มอง ไปรอบๆ อยากจะหาพนักงานคนหนึ่งถามบ้าง แต่ข้าง ในมีพนักงานขายยืนอยู่หลายคน กลับไม่มีคนหนึ่งที่ เข้ามาพูดกับเขาเลย

เขาเดินเข้าไปข้างในสองก้าว พูดกับพนักงานขายพวก นั้นว่า “อ็ม…ฉันอยากซื้อรถคันหนึ่ง พวกคุณมาช่วย แนะนำให้ฉันหน่อย!”

“เชอะ! พูดอย่างกับเป็นความจริง คนแบบนาย เราเห็น มามากแล้ว ดูตั้งนานก็ไม่ซื้อ”

“ใช่เลย ฉันขี้เกียจที่จะเสียเวลากับคนแบบนี้”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วในทันใด ไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะถูก มองเป็นคนที่ชอบมองดูแต่ไม่ซื้อ
เขาเหลือบมองไปที่จักรยานไฟฟ้าข้างนอก ก็เข้าใจ

เหตุผลในทันที

ในเมื่อพวกคุณไม่อยากจะได้เงินส่วนนี้ นั้นฉันก็ไปดูที่ ร้านอื่นแล้วกัน

รพีพงษ์ตั้งใจที่จะหันออกไป เพราะนอกจากแลนด์โร เวอร์แล้ว เขายังมีหลายยี่ห้อให้เลือก สำหรับเรื่องแบบนี้ รพีพงษ์ไม่มีข้อเรียกร้องอะไรมาก

ถ้าหากทางคุณภาพจะเกิดปัญหาอะไร ถึงเวลานั้นเพียง แค่เปลี่ยนใหม่อีกอันก็พอแล้ว

ขณะที่เขากำลังจะออกไป มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาหาเขา จากไม่ไกล แล้วพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณต้องการดูรถใช้ ไหม? ฉันไปห้องน้ำเมื่อกี้ เลยมาไม่ทันเวลา”

ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าวิภาดาเป็นพนักงานขายใหม่ที่นี่ เป็น

คนกระตือรือร้นมาก

รพีพงษ์เหลือบมองไปที่วิภาดา เมื่อเห็นว่าเธอมีท่าที ที่แตกต่างจากพนักงานขายคนอื่นๆ เลยพยักหน้า
“ฉันมาแนะนำรถของเราที่นี่ให้คุณนะ ถ้าคุณมีรถที่ชอบ ในใจ ก็สามารถบอกกับฉันได้ ฉันจะแนะนำให้คุณโดย ละเอียด” วิภาดาพูดขึ้น

แม้ว่าเธอจะเดาออกจากทางเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของ รพีพงษ์ว่ารพีพงษ์ไม่เหมือนคนที่อยากจะซื้อรถจริงๆ แต่เธอเป็นคนจริงจังรับผิดชอบงานมาโดยตลอด และรู้ดี ว่าหน้าที่ในการทำงานของตัวเองคืออะไร

เธอรู้สึกว่า ไม่ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ตาม เธอก็ควรที่จะ อธิบายกับลูกค้าที่สมควรอธิบายให้เข้าใจ มีเพียงเช่นนี้ ถึงสามารถสร้างลูกค้าแฝงของเธอได้

ดังนั้นเธอจะให้ความสำคัญกับทุกคนที่มาที่นี่อย่าง จริงจัง

พนักงานขายพวกนั้นที่อยู่ไม่ไกล เห็นวิภาดาเดิน เข้าไป บนใบหน้าพร้อมแสดงออกรอยยิ้มที่เหยียด หยาม “อีหนูวิภาดาคนนั้นโง่จริงๆ ไม่ได้มองดูว่า คนนี้ใส่เสื้ออะไรไว้บนตัวเลย รู้เพียงเสนอหน้าเข้าไป ถึง ตอนสุดท้ายแล้ว ก็เสียเวลาเปล่าอยู่ดี”
“เธอเพิ่งมา ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก ให้เธอพบ กับความผิดหวังไม่กี่ครั้ง ก็จะฉลาดเอง เดี๋ยวเธอก็จะรู้ เอง คนที่ขับจักรยานสาธารณะมาแบบนี้ ไม่มีสักคน ที่ สามารถซื้อรถในที่นี้ของเราได้”

“ช่างโง่จริงๆ เสื้อผ้าของคนคนนั้น แค่ดูก็รู้ว่าเป็นของ ข้างทาง เสียเวลากับคนแบบนี้ เสียเวลาในชีวิตชัดๆ”

วิภาดาอธิบายรถหลายรุ่นให้รพีพงษ์ อย่างมีความ อดทน โดยมีราคาอยู่ระหว่างห้าแสนถึงแปดแสน แม้ว่า เธอจะมีความอดทนในการบริการให้รพีพงษ์ แต่ในใจก็ ไม่คิดว่า รพีพงษ์จะสามารถซื้อรถที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่ง ล้านได้ รถราคาห้าแสนกว่า ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

รพีพงษ์เหลือบมองไปที่รถยนต์คันเหล่านั้น ก็ยังไม่

พอใจมากนัก

ในตอนนี้ เขาสังเกตเห็นมีรถคนหนึ่งที่ดูไม่เลวจอดอยู่ไม่ไกล จึงเดินเข้าไป แล้วถามว่า “รถคันนี้ราคาเท่า ไหร่?

วิภาดาเหลือบมองไปที่รถคันนั้น แล้วไม่ค่อยที่จะกล้า พูดเล็กน้อย “คุณผู้ชาย คันนี้เป็นรุ่น Land Rover range rover prosperity ราคารวมหนึ่งล้านสองแสน สองหมื่นหยวนราคาสูงไปเล็กน้อย หรือคุณจะดูอย่าง อื่นไหม..?”

แม้ว่ารพีพงษ์อาจจะกลายเป็นลูกค้าแฝงของเธอ แต่ เธอก็ไม่คิดว่า รพีพงษ์จะซื้อรถราคาแพงขนาดนี้ได้

ใจกล้ามากจริงๆ ไปดูที่แลนด์โรเวอร์ด้วยรถคันนี้อาจ จะแพงกว่าบ้านเขาด้วยซ้ำ”

“เหอะๆ ถ้าเขาสามารถซื้อแลนด์โรเวอร์ได้ เกรงว่าฉันก็ คงสามารถแต่งงานเข้าตระกูลไฮโซแล้ว”

“รอดูเรื่องตลกเลย คนพวกนี้ฉันรู้จักดีแล้ว เดี๋ยวก็จะ บอกว่า คิดดูก่อน คราวหน้าค่อยมาซื้อ”
รพีพงษ์ยิ้มให้วิภาดา แล้วพูดว่า แล้ว เอาคันนี้แล้วกัน”

“ไม่ต้องดูรุ่นอื่น

วิภาดาตั้งตัวไม่ได้ในทันที ตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ แสดงสีหน้าสงสัยให้กับรพีพงษ์

รพีพงษ์เห็นเธอเป็นแบบนี้ จึงพูดอีกครั้ง “ฉันจะเอารถ คันนี้ จะรับรถในวันนี้ เธอไปช่วยฉันทำเอกสารดำเนินการ เลย”

วิภาดาถึงได้ตั้งตัวตอบสนองได้ แล้วถามอีกครั้ง “คุณ ผู้ชาย คุณไม่พิจารณาคันอื่นแล้วจริงๆหรือ รถคันนี้มี มูลค่าล้านกว่าเลยนะ”

“เอาคันนี้แล้วกัน ฉันขี้เกียจไปดูคันอื่นแล้วเหมือนกัน รีบไปดำเนินการให้ฉันเถอะ” รพีพงษ์พูดขึ้นอย่างหนัก

แน่น

วิภาดากลืนน้ำลายลงคอ ในเวลานี้เธอถึงตั้งสติได้ วันนี้ เธอได้พบกับลูกค้ารายใหญ่แล้ว

พวกเธอเป็นพนักงานขายที่นี่ รถที่ขายออก ก็มีค่าคอมมิชชั่นทั้งนั้น ถ้าเธอขายรถราคาหนึ่งล้านกว่าได้ จริงๆ เพียงแค่ค่าคอมมิชชั่น ก็เป็นเงินมูลค่าไม่น้อย

ในเวลานี้ พนักงานขายเหล่านั้นที่อยู่ไม่ไกล ก็ตกตะลึง นิ่งอึ้ง จ้องมองรพีพงษ์ด้วยความไม่เชื่อ

ให้ตายเถอะ ไม่ใช่มั้ง เขาจะซื้อรถคันนี้จริงๆเหรอ?”

หมดกัน ออเดอร์รายใหญ่ขนาดนี้ ฉันทำให้พลาดไป อย่างนี้เลย”

“คนสมัยนี้ทำไมเป็นแบบนี้หมด ขี่จักรยานสาธารณะมา ซื้อรถ Range rover คือมาทดสอบเราหรือ?”

ในเวลานี้ พนักงานขายอายุประมาณยี่สิบแปดยี่สิบเก้า เดินไปตรงข้างหน้ารพีพงษ์ ผลักวิภาดาออกไปโดยตรง

“คุณผู้ชาย วิภาดาเป็นคนมาใหม่ของเรา หลายงานไม่ เข้าใจ ให้ฉันมาช่วยคุณดำเนินเอกสาร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ