บทที่ 123 ศศินัดดาโดนตบ
บทที่ 123 ศศินัดดาโดนตบ
เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าอารียาอยากไปกับเขา ในใจรู้สึกตื้นตัน มาก เขาหยิบมาแค่รูปคู่กับอารียา ส่วนของที่เหลือไม่ได้เอา
มา
“เราไปกันเถอะ”รพีพงษ์พูด
อารียาพยักหน้าอย่างแน่วแน่ แล้วทั้งสองก็เดินออกจาก วิลล่าไป
ศศินัดดาคิดไม่ถึงว่าอารียาจะไปกับรพีพงษ์ เธอจึงรีบ ตะโกน:“ลูกแม่ จะไปทำไม วิลล่าหลังนี้เป็นของเราแล้ว แกยัง จะไปกับเจ้าเศษขยะนั่นทำไม เขามันก็แค่แมงดาเกาะผู้หญิง กิน ! ”
อารียาไม่สนใจแม่ของเธอ ออกไปโดยที่ไม่หันกลับไปมอง
ทั้งคู่ออกมาจากวิลล่าแล้ว อารียาถามอย่างโมโห “แม่ฉันทำ เกินไปจริงๆ อีกอย่างทำไมคุณถึงต้องโอนวิลล่าให้แม่ด้วย ? ”
รพีพงษ์ยิ้มอย่างจำใจ แล้วพูดขึ้น:“แม่บอกให้โอนวิลล่าให้ แม่ จากนั้นจะไม่ยุ่งเรื่องของเราอีก
“เห้อ คุณเชื่อคำพูดคนอย่างแม่ฉันได้ยังไง เธอชอบไม่คิดถึง ผลระยะยาวมาตลอด”อารียาพูดอย่างร้อนใจ
“ช่างมันเถอะ ยังไงมันก็แค่วิลล่าหลังหนึ่ง ให้ก็ให้เถอะ ผม แม่แค่คุณก็พอแล้ว”รพีพงษ์พูดพลางยิ้ม
“งั้นวันนี้พวกเราจะไปไหน ? “อารียาถาม
รพีพงษ์คิดว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเก่าสัก2-3วัน แต่เขากับ อารียาก็ไม่มีกุญแจ ดังนั้นรพีพงษ์จึงเสนอให้ไปนอนโรงแรม ชั่วคราว
“ไม่นานหรอก เดี๋ยวแม่คุณก็ต้องเสียใจที่ไล่ผมออกมา เมื่อ ถึงตอนนั้นพวกเราคงได้กลับไป ช่วงนี้พักที่โรงแรมไปก่อน แล้วกันนะ”รพีพงษ์พูดและยิ้มเบาๆ
“คุณรู้ได้ยังไงว่าแม่ฉันจะเสียใจ ? คุณโอนวิลล่าให้เธอแล้ว นะ”อารียาถามด้วยความสงสัย
รพีพงษ์พูดขึ้น:”วันนี้เป็นวันจ่ายค่าสินทรัพย์และค่าจัดการ ชุมชน”
ต้องจ่ายเยอะงั้นเหรอ ? อารียาถาม
“ไม่เท่าไหร่ แต่ผมขอให้ทางชุมชนจัดการต้นไม่ให้เขียวชอุ่ม ทั้งนี้ และให้จัดคนดูแลสวนมา ตกเดือนหนึ่งก็ประมาณหนึ่ง แสนรพีพงษ์ตอบอย่างไม่แยแส
อารยาได้ยิน พงษ์พูดเช่นนี้ รู้สึกหายใจไม่สะดวกขึ้นมา ทันที เธอไม่คิดว่าวิลล่าที่ราคาก็แพงอยู่แล้ว ยังจะต้องจ่ายค่า อะไรมากมายต่อเดือนอีก
ถ้าศศินัดดารู้เรื่องนี้ คงไม่ให้รพีพงษ์โอนวิลล่าให้แน่ๆ และ ไม่มีทางไสว พงษ์ออกมาแน่นอน
เดือนละแสน อย่าว่าแต่ศศินัดดากับศักดาเลย สำหรับอารี ยาแล้วเธอคงจ่ายไม่ไหวเช่นกัน
แต่ตอนนี้เธอไม่อยากสนใจศศินัดดาแล้ว เมื่อถึงตอนที่คนมา เก็บค่าสินทรัพย์ ก็ให้แม่ของเธอจัดการเองเถอะ
ณ ประตูวิลล่า ศศินัดดาเห็นอารียาออกไปกับรพีพงษ์ เธอก็
โมโหมาก
“เหอะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกแกที่อยู่วิลล่าจนชิน จะไปอยู่ ข้างนอกได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกแกก็ต้องกลับมาขอร้องฉัน ! “ศศินัดดาพูดอย่างมั่นใจ
ขณะนั้นเอง มีผู้ชายใส่ชุดสูทเดินมายังประตูวิลล่า มองศศิ
นัดดาและพักคาอย่างนอบน้อม
“ขอโทษนะครับ คุณทั้งสองเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ใช่ ไหม ? ชายคนนั้นถามขึ้น
ศศินัดดาพยักหน้าและพูด “ฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ มีอะไร งั้นเหรอ ? *
“คืออย่างนี้นะครับ ผมเป็นฝ่ายสินทรัพย์ ถึงงวดที่ต้องจ่ายค่า สินทรัพย์แล้วครับ “ชายคนนั้นพูด
ศศินัดดาคิดในใจว่าที่แท้ก็เป็นฝ่ายสินทรัพย์ แค่ค่าสินทรัพย์ คงไม่เยอะเท่าไหร่ ตอนนี้เธอเป็นถึงเจ้าของวิลล่าหลังใหญ่นี้ แค่ค่าสินทรัพย์จ่ายได้อยู่แล้ว
เท่าไหร่ล่ะ ฉันจ่ายล่วงหน้าให้หลายเดือนก็ยังได้ แค่ค่าสิน ทรัพย์เล็กๆน้อยๆ ฉันไม่แคร์อยู่แล้ว เราอยู่วิลล่าหลังใหญ่ ขนาดนี้ คงไม่ขาดเงินหรอก คุณคงเข้าใจ ? “ศศินัดดาแสร้ง
พูด
ฝ่ายสินทรัพย์คนนั้นยิ้มออกมาทันที แล้วพูดอย่างประจบประแจง : คุณพูดถูกครับ ค่าสินทรัพย์ของคุณ บวกกับค่า จัดการชุมชน และบวกกับค่าดูแลต้นไม้ ดูแลสวน เปลี่ยนพืช ต่างๆ ทั้งหมด 1 แสนต่อเดือน คุณจะจ่ายล่วงหน้ากี่เดือนดี ? หรือจะจ่ายครบ1ปีไปเลย ? ”
เมื่อครูศศินัดดายังมีชีวิตชีวาอยู่ แต่เมื่อได้ยินฝ่ายสินทรัพย์ พูดราคาออกมา เธอก็ตะลึงไปเลย
ศักดาก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว เดือนละ1แสน เงินที่พวกเขาเก็บมา ทั้งชีวิตยังมีแค่ไม่กี่แสนเอง ค่าสินทรัพย์ที่นี่เดือนละ1แสนงั้น เหรอ ?
เธอมองผู้ชายคนนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ พลางพูดขึ้น:“คุณ หลอกใครกัน ถึงเราจะอยู่วิลล่าก็ถูก แต่ค่าสินทรัพย์คงไม่ได้ เยอะขนาดนี้หรอก ? คุณคงไม่ได้มาหลอกเอาเงินใช่ไหม ?
ฝ่ายสินทรัพย์คนนั้นเมื่อเห็นศศินัดดาหน้าเปลี่ยนสี ก็รู้สึก แปลกๆ อยู่วิลล่าหลังใหญ่แบบนี้ ทำไมถึงยังแคร์กับแค่ เงิน1แสน
“เมื่อครู่ผมอธิบายกับคุณไปชัดเจนแล้ว นอกจากค่าสินทรัพย์ ยังมีค่าทำสวนต่างๆยิบย่อย นี่เป็นสิ่งที่คุณร้องขอมานี่ครับ ตอนนี้คงจะไม่ใช่ไม่จ่ายเงินหรอกนะ ? ”
คนที่อยู่ที่นี่อย่างคุณ คงไม่สนใจเงินเล็กๆน้อยๆนี่หรอก ? *
ฝ่ายเงินทรัพย์ของศศินัคคาอย่างจริงจัง
สติปัสสใจฝ่อขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันศศินัดดาก็คารพีพงษ์ ในใจ ทำไมเขาถึงทำเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้ ตอนนี้เธอยังจะ ต้องมาจ่ายเงินแทนรพีพงษ์อีก
ศักดาพูดข้างๆ นัดดา เราให้รพีพงษ์กลับมาดีไหม เรา เอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าสินทรัพย์ ที่แสนจะแพงนี้ได้ล่ะ”
สติปัคตาถลงตาใส่เขา จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้ว โทรหาอารียา
อารี ครีบกลับมาเถอะ เจ้ารพีพงษ์คนนี้ ตอนโอนบ้านไม่ บอกฉันให้ชัดเจนว่าค่าสินทรัพย์ของวิลล่าหลังนี้มันแพง ขนาดนี้ ถ้าฉันรู้คงไม่ให้เขาโอนให้หรอก
“เครีบให้รพีพงษ์กลับมาเลยนะ ให้เขาจ่ายค่าสินทรัพย์ล่วง หน้าสัก10ปีแล้วค่อยไป
อารียาได้ยินสิ่งที่ศศินัดดาพูด ก็ขมวดคิ้วพลางถามขึ้น ทันที “เรื่องค่าสินทรัพย์แม่หาทางเอาเองเถอะ ตอนนี้วิลล่าเป็นของแม่แล้วนี่ รพีพงษ์ไม่จำเป็นต้องมาจ่ายแทนแม่
พูดจบอารยาก็วางสายไป
ศศินัคคาโทรหาอาริยาอีกหลายสาย แต่อารียาไม่รับ
เธอจึงโมโหขึ้นมาทันที ค่าสินทรัพย์เดือนละ1แสนนี้ คิดดู แล้วน่ากลัวมาก
“ขอโทษนะครับ จ่ายค่าสินทรัพย์ของเดือนนี้ด้วย ถ้าไม่อย่าง นั้นเราจะตัดน้ำตัดไฟวิลล่าหลังนี้ ฝ่ายสินทรัพย์พูดขึ้น กิริยา แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
ศศินัดดากัดฟันกรอดๆ เธอเอาเงินเก็บของตัวเองที่มีอยู่ไม่กี่ แสน มาจ่ายให้ฝ่ายสินทรัพย์ไปแสน
ฝ่ายสินทรัพย์จึงกลับไป
“มันไม่ใช่วิธีที่ดีเลยนะ เดือนนี้1แสน พอเดือนถัดไปเราจะทำ
ยังไง”ศักดาพูดด้วยใบหน้าอมทุกข์
ศศินัดดาแสดงใบหน้าคับแค้นใจออกมา พลางพูด “ฉันไม่ เชื่อว่าอารีจะอยู่ด้านนอก กับเจ้าเศษขยะนั่นไปได้ตลอดพวกเขาอยู่ด้านนอกได้ไม่กี่วันหรอก เดี๋ยวทนไม่ได้แล้วก็กลับ มาเอง เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะให้รพีพงษ์คืนเงิน1แสนนี้ให้ฉัน แน่นอน
ศักดาเห็นศศินัดดาไม่มีทางออกแล้วจริงๆ เขาทำได้แค่ส่าย หน้าแล้วเดินเข้าวิลล่าไป
กลางคืนในวันเดียวกัน รพีพงษ์กับอารียาไปพักที่โรงแรม ตอนนอนรพีพงษ์คิดแล้วคิดอีก ว่าจะซื้อวิลล่าใหม่อีกหลังหนึ่ง ดีไหม แบบนี้ก็ดีไม่น้อย
ตอนที่เขาบอกความคิดนี้กับอารียา อารียาอ้าปากค้าง อีกนิด คางก็จะร่วงลงบนพื้นแล้ว
เธอไม่รู้ว่ารพีพงษ์มีเงินเท่าไหร่กันแน่ ถึงได้อยากซื้อวิลล่า เพิ่มอีกหลัง
แต่ไม่ว่ารพีพงษ์จะมีเงินมากน้อยแค่ไหน อารียาก็ไม่อยาก ให้รพีพงษ์ซื้อวิลล่าอีก นี่แค่มีวิลล่าหลังเดียวก็มีเรื่องมากมาย ขนาดนี้ ถ้ามีอีกหลังคงมีเรื่องเพิ่มมาอีกเยอะแน่ๆ
เธอเข้าใจศศินัดดาดี รอให้ศศินัดดาทนไม่ได้ เธอก็จะมา ร้องไห้อ้อนวอนให้พวกเขากลับไปเอง
ตอนเช้าของวันที่2 ศักดาออกไปเล่นไพ่ ศศินัดดานั่งในห้อง รับแขกคนเดียว ปากก็บ่นไม่หยุด ว่ายังไงอารียากับรพีพงษ์ ต้องกลับมาแน่นอน
“วิลล่าของฉันดีขนาดนี้ พวกเขาคงมาข้อร้องฉันในไม่ช้า เมื่อ ถึงตอนนั้นฉันจะให้รพีพงษ์จ่ายให้ฉัน1ล้านเลย ไม่เช่นนั้นฉัน จะไม่ให้เขาเข้าบ้าน
ในขณะนั้นเสียงกริ่งประตูด้านนอกวิลล่าดังขึ้น ศศินัดดายิ้ม ออกมาอย่างพึงพอใจ ในใจคิดว่าต้องเป็นรพีพงษ์ที่กลับมา ขอร้องให้ฉันยกโทษให้แน่ๆ
เธอรีบเดินไปที่ประตู แล้วเปิดประตูออก แต่ขณะที่กำลังจะ พูด ก็เห็นว่าคนที่ยืนอยู่นั้นไม่ใช่รพีพงษ์ เธออึ้งไปทันที
คนที่ยืนอยู่ที่ประตูเป็นคนแต่งตัวดี ใส่เสื้อผ้าแบรนด์ต่าง
ประเทศทั้งตัว ใส่แว่นกันแดดสีดำ เป็นผู้หญิงมีคลาสในมือถือ กระเป๋าLVรุ่นฮิต
ด้านหลังของเธอมีบอดี้การ์ดร่างกำยำ4คน สวมสูทระดับ
ไฮเอนด์ ดูแล้วสง่าผ่าเผยมาก
และมีรถฮัมเมอร์จอดอยู่ตรงประตูวิลล่า
“คุณมาหาใคร ? “ศศินัดดาไม่เคยเจอคนคนนี้มาก่อน และ เมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย เธอตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“ฉันมาหารพีพงษ์ ไปเรียกเขาออกมาหน่อย” ผู้หญิงคนนั้น
พูด
“เธอมาหารพีพงษ์ทำไม ? เจ้าเศษขยะคนนั้นโดนฉันไล่ออก จากบ้านไปแล้ว พวกเธอรีบออกไปเถอะ”ศศินัดดาพูดอย่างไม่
พอใจ
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินสิ่งที่ศศินัดดาพูด เธอไม่พูดพร่ำทำ เพลง ยกมือขึ้นตบศศินัดดาไปหนึ่งฉาด
เจี๊ยะ !
เสียงตบดังกึกก้อง หน้าของศศินัดดาเป็นรอยมือตบแดง
เชือก
ศศินัดดาคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าตบเธอ อย่างฉับพลัน
แบบนี้
“นังผู้หญิงสารเลว…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ บอดี้การ์ดทั้ง4ของผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามา ขวาง ทำท่าจะทำร้ายศศินัดดา
ศศินัดดาตกใจจนรีบหุบปาก
“ถึงรพีพงษ์จะไร้ประโยชน์ยังไง แต่ก็ไม่ใช่พวกดูถูกตัดสิน คนอื่นมัวชั่วอย่างคุณ จากนี้ไปพูดให้มันดีๆหน่อย ไม่งั้นละก็ อย่าคิดว่าคุณจะได้พูดอีกเลย” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างเยือกเย็น
เธอพูดสบประมาทอย่างผู้ดี นอกจากคนที่อยู่ในตระกูลชั้นสูง คงไม่มีใครที่มีท่าทางแบบนี้
ศศินัดดาตกใจจนรีบพยักหน้า หล่อนมีบอดี้การ์ดตั้ง4คน ศศิ นัดดาไม่กล้าพูดอะไรแน่นอน ทำได้เพียงเก็บความโกรธนี้ไว้
ผู้หญิงคนนั้นส่งกระดาษให้ศศินัดดา พลางพูด: “ถ้ารพีพงษ์ กลับมาแล้ว มอบสิ่งนี้ให้เขา ให้เขาไปพบฉันที่นี่ ถ้าเขาไม่ไป ละก็ คุณจบไม่สวยแน่
ศศินัดดารับมาแล้วรีบพยักหน้า พลางพูดขึ้น: เข้าใจแล้วๆ
ผู้หญิงคนนั้นพูดจบก็เดินออกไป
ศศินัดดากลุ้มใจมาก เธอไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน อีกทั้งยัง โดนตบไปฉาดหนึ่ง ความโกรธในใจคงทำได้แค่ระบายกับรพื พงษ์
“รพีพงษ์คนนี้ควรตายจริงๆ คงไปก่อเรื่องอะไรมาจนเขามา หาถึงบ้าน ไอ้ตัวซวย ตัวเองเป็นคนก่อเรื่องเองแท้ๆ ฉันยังต้อง มาซวยไปด้วย
เธอบ่นพึมพำเดินเข้าวิลล่าไป จับหน้าตัวเองอย่างระมัดระวัง มันเจ็บไปหมด
จากนั้นเธอก็โทรหาอารียาดารพีพงษ์ไปครู่หนึ่ง แล้วให้รพี พงษ์กลับมาขอโทษตน
ขณะนั้นเอง เสียงกริ่งของประตูวิลล่าดังขึ้นอีกครั้ง
ศศินัดดาใจหายวาบ พลางคิดในใจ คงไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น กลับมาอีกรีบหรอกนะ ?
เธอรีบยืนขึ้นแล้วเดินไปยังประตู และเปิดอย่างระมัดระวัง พบ
ว่ามีผู้ชาย2คนยืนอยู่
แขนของผู้ชายคนหนึ่งใส่เฝือกทั้งสองข้าง ราวกับคนตกที่นั่ง ลําบาก
เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ผู้หญิงคนเมื่อครู่ ศศินัดดาก็โล่งอกขึ้น มาหน่อย เธอมองผู้ชายทั้ง2คนอย่างไม่พอใจ พลางถาม ขึ้น:”พวกคุณต้องการอะไร ?
“บอกให้รพีพงษ์ออกมาเดี๋ยวนี้”ผู้ชายที่ใส่เฝือกมาได้2วัน
พูดอย่างเดือดดาล
คนคนนี้คือเลปกรที่โดนรพีพงษ์ทำร้าย จนแขนหักทั้งสอง ข้างเมื่อ2วันก่อน
ส่วนคนที่ยืนข้างเขาคือคุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์ กุมุท
“มาหารพีพงษ์อีกแล้ว เจ้ารพีพงษ์คนนี้ไปก่อเรื่องด้านนอก อะไรไว้บ้างเนี่ย พวกคุณไสหัวออกไป รพีพงษ์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้า จะหาเขาก็ไปหาที่อื่น”ศศินัดดาพูดอย่างไม่เกรงใจ
เธอรู้สึกว่าผู้ชาย2คนนี้ ไม่ได้ร้ายกาจเท่าผู้หญิงคนเมื่อครู่ ยัง ไงซะพวกเขาก็ไม่มีบอดี้การ์ด ส่วนอีกคนก็พิการ
เมื่อกุมทได้ยินศศินัดดาบอกให้ไสหัวไป สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดู ไม่ดีขึ้นมาทันที เขาคุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์ ไม่เคยมีใคร ทำกับเขาแบบนี้มาก่อน
ดังนั้นเขาจึงยกมือขึ้น ตบลงไปบนหน้าของศศินัดดา
“ให้ตายเถอะ นังผู้หญิงบ้านเป็นใครกัน แถมยังกล้าให้ฉัน ไสหัวออกไป ? อยากตายงั้นเหรอ ? “
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ