แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่463 ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ



บทที่463 ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ

บทที่463 ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ

เทือกเขากิสนา ในวิลล่า

ตอนที่รพีพงษ์กำลังลืมตาอยู่นั้น แสงแดดกำลังสาดส่องมา ที่ตาของเขา เพราะแสงสาดส่องเข้าตาพอดี จึงมองไม่ชัดเจน ร่างอันสวยสดงดงามนั่งอยู่ข้างๆเตียง

เขานึกว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงคืออารียา ปีนบันไดสูงทำให้ เขาอ่อนเพลีย สะสมมาหลายปี ดังนั้นเมื่อตื่นขึ้นมา เขาจึงรู้สึก มึนงง

เขาคิดว่าตัวเองอยู่เมืองริเวอร์ ในบ้าน ตอนนี้กำลังตื่นนอน ในตอนเช้า อารียาตื่นเร็วกว่าเขานิดหน่อย นั่งจ้องเขาอยู่ข้าง เตียง

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็ยื่นมือไปที่ร่าง นั้น จับมือเธอ มาวางไว้บนใบหน้า

“ทำไมตื่นเร็วจัง มานอนบนเตียงอีกแป๊ปเถอะ ผมอยากกอด คุณ” รพีพงษ์กล่าว

ร่างนั้นเมื่อถูกจับมือ ก็ชะงัก เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ตกใจ รีบเอามือของตัวเองกลับไป แล้วพูดอย่างเบาๆว่า “ทะลึ่ง!”
รพีพงษ์ชะงัก จากนั้นก็รีบลุกขึ้นจากเตียง เมื่อไม่มีแสงสาด ส่องที่ตาแล้วนั้น เขาถึงได้มองเห็นคนที่นั่งข้างเตียงว่าเป็นใคร

คนนั้นไม่ใช่อารียา แต่เป็นฝนสุดา

ตอนนี้รพีพงษ์เพิ่งจะนึกออกว่าตัวเองกำลังอยู่ที่เทือกเขากิ สนา และเพิ่งจะจบจากปีนบันไดสูง อารียาไม่มีทางอยู่ที่นี่ได้

นึกถึงคำพูดเมื่อกี้ของเขา รพีพงษ์รู้สึกอาย แล้วรีบอธิบายว่า “ขอโทษ เมื่อกี้ผมมีนๆ จําคนผิด

ฝนสุดาเขิลหน้าแดง เพราะคำพูดเมื่อกี้ของรพีพงษ์ เธอชักตา ไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “คำแก้ตัวของคุณใช้ไม่ได้เลยจริงๆ”

รพีพงษ์รีบอธิบายทันทีว่าเขาไม่ได้แก้ตัว แต่ฝนสุดาไม่ฟัง ยืนขึ้นจากข้างๆเตียง แล้วเดินไปที่หน้าต่าง กล่าว “คุณสลบ ไปสองวัน อาเทพสังหารบอกว่าท่านไม่มีผู้หญิงที่ละเอียดละ อ่อน ดังนั้นจึงให้ฉันมาดูแลคุณ คุณตื่นเสียที ฉันไม่อยากอยู่ เป็นเพื่อนไอ้งั่งอย่างคุณตลอดหรอกนะ”

รพีพงษ์พูดไม่ออก ไม่คาดคิดว่าฝนสุดาจะดูแลเขามาสองวัน แล้ว และนนทภูให้เธอมา

หรือนนทภูกำลังจะหาแฟนให้เขา? เขาไม่เชื่อว่านนทภูจะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะมาดูแลเขาได้
เขานึกออกว่าเขายังไม่ได้บอกนนทภูเรื่องที่ตนได้แต่งงาน แล้ว นนทภูในฐานะพ่อ จะคิดเรื่องการแต่งงานของลูกก็ไม่ แปลก

เขาได้แต่ยิ้มอย่างเซ็งๆ แล้วพูดกับฝนสุดาว่า “ขอบคุณ”

“ชิ ใครต้องการคําขอบคุณจากคุณ ฉันแค่ให้เกียรติอาเทพ สังหาร เลยจําเป็นต้องดูแลคุณก็เท่านั้น คุณอย่าคิดว่าฉัน อยากจะดูแลคุณจริงๆ” ฝนสุดาพูดอย่างภูมิใจ

ในขณะนี้เอง มีผู้หญิงเดินเข้ามาในห้อง แล้วกล่าว “คุณหนู คุณพักผ่อนสักหน่อย คุณอยู่นี่มาสองวันแล้ว เจ้าของเทือกเขา กิสนาถูกฉันไล่ออกไปหลายครั้งแล้ว ทำไมคุณยังเฝ้าอยู่ที่นี่

ผู้หญิงคนนั้นคือหญิงในครอบครัวที่ติดตามฝนสุดา ไม่ได้คิด ว่ารพีพงษ์ตื่นขึ้นมาแล้ว ดังนั้นเมื่อเข้ามาก็เริ่มพูดเลย

เมื่อฝนสุดาได้ยินก็ชักตาขึ้นมาทันที ส่งสายตาไปที่เธอ เสียดายที่ผู้หญิงคนนั้นปากไวไปหน่อย ดันพูดออกมาเสียก่อน

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของหญิงคนนั้น ก็อยากหัวเราะขึ้นมา ทันที เขาไม่คาดคิดว่าคำพูดของฝนสุดาก่อนหน้านี้เป็นแค่คำ โกหกเท่านั้น ที่แท้เธอเองต่างหากที่ตั้งใจจะอยู่ที่นี่

เธอจ้องไปที่ฝนสุดา ฝนสุดาหน้าแดงก่ำ จนแทบอยากจะมุด มหายไป

“คุณพูดมั่วอะไร ใครตั้งใจมาเฝ้าคุณ ฉันล่ะอยากจะออกไป แทบแย่ แกรีบออกไปซะ!” ฝนสุดาตะคอกใส่หญิงคนนั้น

หญิงคนนั้นรู้ว่าตัวเองพูดหลุดปากไปแล้ว จึงรีบปิดปาก รีบ เดินออกไปด้านนอกด้วยรอยยิ้ม

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคุณหนูพูดจาโกหก ร้อนรน เห็นแบบนี้ แสดงว่าคุณหนูต้องชอบรพีพงษ์เป็นแน่

รพีพงษ์ยิ้มพลางมองไปที่ฝนสุดา สายตาคู่นั้น ราวกับกำลัง ถามเธอว่าทำไมต้องโกหก

ฝนสุดาเห็นรพีพงษ์กำลังหัวเราะตน ก็รำคาญขึ้นมา เกิด อยากออดอ้อนขึ้นมา แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองอกหัก เธอจึงต้อง อดทนไว้

ความจริงรพีพงษ์อยากล้อเล่นกับเธอ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องของ จารุณี เขาก็ต้องอดทนไว้ เขามองว่า ผู้หญิงเหล่านี้แตะต้องไม่ ได้ ไม่แน่อาจเป็นเพราะการล้อเล่น แล้วทำให้พวกเธอเริ่มรู้สึก ดีๆกับเขา

จารุณีทำให้รพีพงษ์ปวดหัวและเสียใจเป็นอย่างมากแล้ว เขา ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

“ผมตื่นแล้ว คุณกลับได้แล้ว” เพื่อให้ฝนสุดารู้ว่าตนไม่มีใจเขาหุบยิ้ม พูดอย่างไร้ความรู้สึก

ฝนสุดาได้ยินรพีพงษ์ขัดจังหวะ ก็โกรธขึ้นมา ถึงขั้นรู้สึก น้อยใจ

แต่เพื่อศักดิ์ศรี เธอไม่พูดอะไร พึมพำว่า “ฉันล่ะอยากกลับ แทบแย่” จากนั้นก็เดินออกนอกห้องไป

ตอนที่ใกล้ถึงประตู เธอหยุดลง หันไปมองรพีพงษ์ เสแสร้งว่า ไม่เป็นไรแล้วถาม “ฉันได้ยินอาเทพสังหารพูดว่า รอให้คุณตื่น แล้วจะให้คุณออกจากเทือกเขากิสนา หลังจากที่คุณออกไป แล้ว กลับเมืองเกียวโตหรือเปล่า?

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วถาม “คุณถามทำไม?”

เมื่อได้รับคำตอบที่แน่ชัด ฝนสุดาก็เงยหน้าขึ้น แล้วพูดอย่าง หยิ่งยโสว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”

จากนั้นเธอก็เดินออกไป

รพีพงษ์ไม่คิดมาก รอฝนสุดาออกไป แล้วลงจากเตียง บิดขึ้ เกียจ รู้สึกเหมือนกระดูกกำลังจะหักหมดทั้งร่างกาย

การประลองปีนบันไดสูงครั้งนี้ ทำเอาเขาใช้พลังทั้งหมดของ ร่างกายที่มีเอาออกมาใช้ แต่นัดสุดท้ายที่สู้กับดัมพ์รงค์ เขาได้ ใช้พลังขีดความสามารถสูงสุดของร่างกายแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นโดนอาจารย์บังคับให้ทายาเห็ดนั่น รพี พงษ์ที่ต้องเจอกับการต่อสู้หนักหน่วงขนาดนั้น เกรงว่าพักฟื้น อยู่บนเตียงสองถึงสามเดือนก็ยังไม่หาย

ยาทานั้นไม่เพียงทำให้เขามีกำลังเหนือธรรมชาติเท่านั้น ยัง ทำให้จีดความจำกัดของร่างกายเขาเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นการ ฟื้นตัวจึงเร็วกว่าคนธรรมดา

เขาขยับแข้งขยับขา หลังจากทีพักฟื้นเสร็จ ว่าจะไปหานนท

ในขณะเดียวกันนี้เอง เขารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล จาก นั้นเขายื่นมาใส่กางเกง มองเข้าไปด้านใน

“กางเกงในฉันล่ะ” รพีพงษ์ตั้งคำถามขึ้นมา

จากนั้น ตาลุกวาว นึกขึ้นได้ว่าสองสามวันนี้ฝนสุดาอยู่ข้าง ตนเอง

คงไม่ใช่เธอที่ถอดมันออกใช่ไหมเนี่ย?

ผู้หญิงคนนี้ ความไม่ฉวยโอกาสตอนที่ตนกำลังสลบ ทำอะไร กับตนหรอกนะ?
ขณะกำลังไปเกาะทะเลสาบเทียม

เตชัสวิ่งไปข้างๆรพีพงษ์ ด้วยสายตานับถือ แล้วกล่าว “ลูกพี่ คุณเก่งกาจจริงๆ ขนะการประลองปีนบันไดสูงแล้ว ใน ประวัติศาสตร์ของเทือกเขากิสนานี้ มีแค่สองคนเท่านั้นที่ทำ สำเร็จ และสองคนนั้นก็เป็นคนเหนือมนุษย์ และตอนนี้ คุณคือ คนที่สามที่ทําสําเร็จ

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ถ้าแกพัฒนาความสามารถของแกล่ะ ก็ ก็มีโอกาสที่จะทำสำเร็จได้

เขาไม่ได้โอ้อวด เตชัสคือคนที่มาตากชนบทในตอนแรกนั้น ตั้งแต่เล็กจนโตเขาได้กินเห็ดที่เพิ่มพลัง ถึงแม้ผลลัพธ์ที่ได้ จากการกินเข้าไปโดยตรงนั้นจะไม่เท่าการทา แต่ก็ได้ผลดี เช่นเดียวกัน

แล้วร่างกายของเตชัสโดยปกติก็พิเศษกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เพียงแค่เขาต้องพยายามพัฒนาความสามารถ ที่จะชนะปีน บันไดสูงได้ เวลาเท่านั้นที่เป็นปัญหา

“ชั่งเถอะ ต้องต่อสู้กับสิบอันดับเทพเจ้าสงครามติดต่อกัน เหมือนกับรนหาที่ตาย” เตชัสกล่าว “ลูกพี่ ในช่วงที่พี่สลบไป เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น”

“เรื่องอะไร?” รพีพงษ์ถาม

“ธนเทพที่หาเรื่องพี่เมื่อก่อน ตายตอนที่อยู่เทือกเขากิสนาเพราะเขา และพ่อนรชัยของเขาโชคร้าย ได้ยินมาว่านรชัย นั่นโมโหธนเทพจนตาย วันต่อมาตระกูลวัชรากิจกุลทั้งตระกูล โดนล้างบาง ทุกคนเดาว่า เจ้าของเทือกเขากิสนาเป็นผู้ลงมือ เตชัสกล่าว เขายังไม่รู้ว่าเจ้าของเทือกเขากิสนา คือพ่อของรพี พงษ์

เพื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของเตซัส ยักคิ้วให้ เขามั่นใจว่านนท ภูเป็นคนลงมือ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่เชื่อก็คือ นนทภูกุมอำนาจ ไว้ แข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ใช้เวลาหนึ่งวัน ล้างบางตระกูลวัชรา กิจกุล

ดูๆแล้วหลังจากที่นนทภูสานต่อเทือกเขากิสนานั้น ทำให้ที่ ตรงนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

รพีพงษ์คิดว่าจะไม่บอกเตชัสว่าเจ้าของเทือกเขากิสนาคือพ่อ ของเขา และก็ไม่พาเตชัสออกไป เขาอยากให้เตชัสฝึกฝนอยู่ ที่เทือกเขากิสนานไปก่อนสักกี่ปี รอให้ความสามารถของเขา เพียงพอแล้ว ให้นนทภูปล่อยเขาออกไป

ณ เกาะทะเลสาบเทียม หลังจากที่รพีพงษ์ขึ้นเรือยอร์ชแล้ว นั้น ครั้งที่แล้วสองคนนั้นนอบน้อมต่อเขาอย่างดี อยากที่จะจับ เรือส่งรพีพงษ์ไป

รพีพงษ์เดินทางไปวิลล่า เดินไปถึงห้องของนนทภู เห็นนนทภู กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะจ้องไปที่เอกสารปีกนั้น

นนทภูเห็นรพีพงษ์มา ก็ยิ้มให้เขา แล้วกล่าว “ถ้าพักฟื้นดีแล้ว แกออกจากที่นี่ได้แล้ว พวกเรากับจิรเวชต้องชำระแค้น กัน พวกเขาไม่มีทางปล่อยพวกเราไปแน่ และพวกเราก็ไม่มี ทางให้เขาดูถูกเราได้ หลายปีมานี้ฉันรอเวลาที่จะล้างแค้นมา โดยตลอด คนที่จะล้างแค้นให้ฉันได้ ก็คือแก”

รพีพงษ์พยักหน้า หลังจากที่รู้ตัวตนของคุณปู่และพ่อของ ตนเองแล้วนั้น รพีพงษ์อยากล้างแค้น และเอาความแค้นนั้น เก็บมาเป็นของตัวเอง

นนทภูก็หวังที่จะให้เขาล้างแค้นให้ หลายปีมานี้ที่เขาสะสม พลังเอาไว้ขนาดนี้ ก็เพื่อรอให้รพีพงษ์เติบโตขึ้นมา เป็นเกราะ ป้องกันให้เขา

ล้างแค้นให้คุณปู่ เป็นความรับผิดชอบของผม ผมจะไม่มีทาง ถอย” รพีพงษ์กล่าว “แต่ ผมอยากรู้ พ่อมีเหตุผลอะไรที่ไปจาก เทือกเขากิสนาไม่ได้?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ