แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่417เวทีประลองแข่งขัน



บทที่417เวทีประลองแข่งขัน

บทที่417เวทีประลองแข่งขัน

รพีพงษ์และคนในห้องหมายเลขสิบสาม อยู่ที่ภายใต้การนํา ของยอดฝีมือเทือกเขากิสนา เดินออกไปข้างนอก

ตอนที่แข่งขันกัน นอกจากคนที่จะขึ้นเวทีประลอง ทุกคนที่อยู่ ในห้องเหล่านี้ต้องไปดูการแข่งขัน นี่เป็นหนึ่งในโอกาสออกไป หายใจสำหรับผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ห้องใต้ดิน

เทือกเขากิสนาจัดการแบบนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อให้ผู้คนใน แต่ละห้องสามารถเผชิญหน้ากัน เพื่อบรรยากาศบนเวที

ระหว่างทางออก รพีพงษ์ได้เห็นสถานการณ์ในห้องอื่นๆ ห้อง เหล่านี้ส่วนใหญ่เหมือนๆกันหมด แต่เนื่องจากผู้คนที่อาศัย อยู่ในห้องนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นสถานการณ์รูปแบบของกลุ่ม เล็กๆก็แตกต่างกันไป

แต่ละห้องจะมีหน้าจอแสดงผล ซึ่งสามารถใช้เพื่อชม การแข่งขันด้านนอกได้ เพื่อให้ผู้คนที่นี่สามารถเข้าใจ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของห้องอื่นๆได้

เมื่อเดินผ่านห้องเหล่านี้ ทุกคนที่อยู่ข้างในต่างจ้องมองทุก คนในห้องหมายเลขสิบสามด้วยสายตาที่ยินดีกับความโชค ร้าย ภายใต้สายตาของคนเหล่านี้หลายคนในห้องหมายเลข สิบสามก้มหน้าโดยไม่รู้ตัว
“ขยะในห้องหมายเลขสิบสามทุกคน ออกไปเพื่อทนโดน ทำร้ายเหรอ ครั้งนี้พวกนายตั้งใจว่าจะตายกี่คนบนสนาม ประลองล่ะ?”

“ฉันเตือนพวกนายยอมแพ้เลยดีกว่า ห้องหมายเลขสิบสาม ของพวกนายได้รับการยอมรับจากเทือกเขากิสนาว่าเป็นห้อง ที่อ่อนแอที่สุด ไม่ว่าจะเจอใครก็ตาม พวกนายก็ไม่มีทางชนะ ไก่อ่อนเอ๊ย!”

แค่กลุ่มตุ๊ดแต๋ว ดูท่าทางน้อยใจของพวกนาย ตอนนี้เป็นผู้ “ หญิงยังเก่งกว่าพวกนาย ไม่รู้จริงๆว่าคนอย่างพวกนายเข้ามา ที่เทือกเขากิสนาได้ยังไง”

เมื่อทุกห้องแข่งขันกันอย่างดุเดือดกับทุกห้อง ดังนั้นเมื่อมี โอกาส พวกเขาจะหัวเราะเยาะคนในห้องอื่นๆ

ห้องหมายเลขสิบสามในฐานะห้องที่อ่อนแอที่สุด จึงเป็นเป้า หมายของทุกคนที่รายล้อมอยู่

“เยสเข้ คนนั้นคือคนที่เข้ามาพร้อมกับพวกเราไม่ใช่เหรอ ที่ เตะหมาป่าตายทีเดียว เขาส่งแบ่งให้ไปอยู่ห้องหมายเลขสิบ สาม โชคร้ายจริงๆ ตอนนี้ดูเหมือน เก่งกาจก็ไม่มีประโยชน์ ดวงไม่ดี เตะใครตายหนึ่งทีก็ไม่มีประโยชน์”ซินโตที่อยู่ห้อง เก้าจ้องมองรพีพงษ์ที่กำลังเดินผ่านไป พร้อมด้วยใยหน้าที่ ทอดถอนใจ
คนที่เหลือที่เข้ามาพร้อมกับรพีพงษ์ต่างก็หัวเราะเยาะ ใน ความคิดของพวกเขา ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างรพีพงษ์ถูกแบ่ง ไปอยู่ห้องที่อ่อนแอที่สุด นั้นก็เป็นเรื่องตลก

รพีพงษ์ไม่สนใจต่อการดูถูกเหยียดหยามของคนเหล่านั้น เขารู้สึกว่า หลังจากวันนี้ไป ทุกคนก็จะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อ ห้องหมายเลขสิบสาม

ไม่นานทุกคนก็มาถึงหน้าลิฟต์ขนาดใหญ่ อยู่ที่นี่ พวกเขาเห็น คนในห้องหมายเลขเจ็ด คนเหล่านั้นถมึงทึงจ้องมองไปที่คนใน ห้องหมายเลขสิบสาม ด้วยสายตาเหยียดหยาม

ดูจากรัศมีเพียงอย่างเดียว เห็นได้ชัดว่าคนของห้อง หมายเลขเจ็ดนั้นมีระดับที่สูงกว่าคนในห้องหมายเลขสิบสาม คนห้องหมายเลขเจ็ดมองไปแล้วจะมีแข็งแกร่งกว่าด้วย

“คนที่ยืนอยู่แถวหน้าก็คือหัวหน้าของห้องหมายเลขเจ็ด ชื่อ เล่นว่าสวิส แข็งแกร่งมาก คนคนนี้เมื่อต่อสู้ขึ้นมาก็เหมือน มีด แสดงความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ออกมา ในห้องทั้งหมด ความแข็งแกร่งของคนคนนี้เรียงอยู่แถวหน้า แต่ว่าเขาไม่ น่าจะขึ้นเวที ไม่อย่างนั้น พวกนายห้าคนที่ขึ้นเวทีคงจะไม่ สามารถมีชีวิตรอดลงจากเวทีประลองได้”จงจินตน์กระซิบ แนะนําที่ข้างหูของรพีพงษ์

รพีพงษ์มองไปที่สวิส รู้สึกว่าคนคนนี้ยืนอยู่ที่นี่ ก็ทำให้คน รู้สึกถึงรัศมีทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ถ้าคิดอย่างรอบคอบ มันจะ รู้สึกเหมือนใบมีด
“ขยะทุกคนในห้องหมายเลขสิบสาม เดี่ยวตอนที่ขึ้นเวทีพวก แกก็คุกเข่าลงเรียกลูกพี่พวกเราว่าคุณปู่สิบครั้ง พวกเราก็ สามารถทำให้พวกแกอย่างเวทนาน้อยลง ไม่อย่างนั้น พวกแก จะต้องตายด้วยความเจ็บปวดและทรมาน”ชายคนหนึ่งที่ยืน อยู่ข้างๆสวิสเยาะเย้ย

จงจินตน์กัดฟันแน่ ตอบกลับว่า: “อย่าทระนงตนไปหน่อยเลย ยังไม่ได้ขึ้นเวที ผลจะเป็นอย่างไรยังไม่แน่ ถึงเวลาก็อย่าขาย ขี้หน้าของตัวเองละกัน”

“ตลกสิ้นดี จงจินตน์ สมองแกคงจะไม่ใช่ว่า เข้าใช่มั้ย หรือว่าแกคิดว่าไก่อ่อนอย่างพวกแกจะสามารถเอาชนะพวก เราได้? ที่สําคัญครั้งนี้พวกเราจะทำให้พวกแกประหลาดใจ ครั้งใหญ่ เดี๋ยวขึ้นเวทีพวกแกก็รู้เอง”ชายคนนั้นพูดต่อ

หัวใจของจงจินตน์กระตุก ไม่รู้ว่าความประหลาดใจของชาย คนนี้หมายถึงอะไร แต่เขามองไปที่สวิสโดยไม่รู้ตัว และลาง สังหรณ์ที่ไม่ดีก็ผุดขึ้นในใจ

สวิสก็เหลือบมองทุกคนอย่างดูถูก แล้วก็ทำท่าทางยกนิ้วโป้ง กลัวหัวลงใส่จงจินตน์และคนอื่นๆ จากนั้นก็หันกลับมาเข้าไป ในลิฟต์

คนที่เหลือก็เดินตามเข้ามา ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความ

มั่นใจ

“อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ หลังจากวันนี้ ฉันจะทำให้อาหารของพวกนายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”รพีพงษ์กล่าว

อย่างไรก็ตามไม่มีใครตอบสนองเขา ในความคิดของพวก เขา คำพูดของรพีพงษ์เป็นเพียงการปลอบโยนพวกเขา

จงจินตน์ยิ้มอย่างละอายเล็กน้อย แต่เดิมต้องการทำให้ บรรยากาศมีชีวิตชีวา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อลิฟต์ลงมา รพีพงษ์และคนอื่นๆเข้าไป ในลิฟต์ ลิฟต์ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้น รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าอุณหภูมิสูง ขึ้น

พวกเขาเดินออกจากลิฟต์ ตามยอดฝีมือของเทือกเขากิสนา ไปด้านหน้า และไม่นานก็มาถึงด้านหน้าของเวทีประลอง

รพีพงษ์เหลือบมองไปรอบๆ และพบว่ามันเป็นการก่อสร้าง แบบโคลอสซี่ เวทีประลองตรงกลางยกขึ้น สามารถมองเห็น ท้องฟ้าได้ด้านบนได้โดยตรง ในเวลานี้ผู้คนมากมายในแต่ละ ชั้นกำลังจ้องมองไปที่เวทีประลอง คนเหล่านี้น่าจะเป็นบุคคล ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกที่มาเพลิดเพลินที่เทือกเขากิสนา

คนของห้องหมายเลขสิบสามและห้องหมายเลขเจ็ดยืมอยู่ ทั้งสองข้างของเวทีประลอง รอให้กรรมการประกาศเริ่มการ แข่งขัน

เหนือบนเวทีประลอง มีหน้าจอแสดงผล ซึ่งแสดงให้เห็น สถานการณ์การเดิมพันของทั้งสองฝ่าย ในเวลานี้ฝ่ายห้องหมายเลขเจ็ดมีเดิมพันถึงมากกว่าห้าร้อยล้าน แต่ห้อง หมายเลขสิบสามมีเดิมพันเพียงหนึ่งร้อยล้าน สิ่งนี่ยังทำให้รพี พงษ์ประหลาดใจ

ในความรู้สึกของเขา ไม่ควรมีใครเดิมพันว่าห้องหมายเลขสิบ สามจะชนะถึงจะถูก ที่สําคัญวางเดิมพันเพียงตัวเลขจํานวน หนึ่ง ทำให้รพีพงษ์รู้สึกน่าจะเป็นคนหนึ่งคนที่วางเดิมพัน ก็ไม่รู้ ว่าคนที่วางเดิมพันเป็นใคร

ในขณะเดียวกันเขาก็แอบลิ้นจุกปาก นี่เป็นเพียงการแข่งขัน ธรรมดา แต่กลับมีการเดิมพันจำนวนขนาดนี้ นี่เป็นสวรรค์ของ คนรวยจริงๆ หนึ่งถึงสองร้อยล้านในสายตาของพวกเขามัน เป็นแค่เศษเงินในกระเป๋าเท่านั้นเอง

ผ่านไปไม่นาน หลังจากเวทีที่ร้อนระอุพร้อมกับพิธีกรใน เสื้อผ้าที่เปล่งประกายระยิบระยับ ผู้คนทั้งสองฝั่งที่เข้าร่วม การแข่งขันก็เดินไปที่เวทีประลองทีละคน

รพีพงษ์ขึ้นไปเป็นคนสุดท้าย หลังจากยืนอยู่บนเวทีประลอง เหลือบมองดูคนที่อยู่ตรงข้ามตัวเอง พบว่าคนที่อยู่ตรงข้าม ลูกพี่ของห้องหมายเลขเจ็ด สวิส

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ตอนนั้นจงจินตน์บอกกับเขาว่าการแข่ง แบบนี้ไม่ให้ลูกพี่ขึ้นเวที แต่ว่าตอนนี้สวิสกลับยืนอยู่บนเวที ทําให้เขาประหลาดใจ

คนในห้องหมายเลขสิบสามก็ระเบิดอารมณ์ออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อจ้องไปที่สวิสที่อยู่บนเวทีประลอง สีหน้าแสดงออกมาถึงความสิ้นหวัง

“สวิสขึ้นเวทีด้วย จบเห่ ครั้งนี้จบเห่แน่ๆ ฝ่ายพวกเราไม่มี ความหวังที่จะชนะได้เลย”

“พระเจ้าจงใจไม่ต้องการให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป ต้องมีคนบาง ใช้เงินเพื่อให้สวิสขึ้นเวทีแน่ๆ ห้องหมายเลขสิบสามพวกเราก็ เลยโชคร้ายขนาดนี้?”

“แม่ง นี่มันบีบบังคับให้ห้องหมายเลขสิบสามพวกเราถึงทาง ตัน”

กลุ่มคนดูค่อนข้างตื่นเต้น

จงจินตน์ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง เพียงแค่นั้นในเวลา นี้เขาก็เพิ่งเข้าใจแล้วว่าที่ชายคนนั้นบอกว่าประหลาดใจคือ อะไร ตามกฎแล้วลูกพี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเวที เพียงแต่ว่า ถ้ามีคนออกเงิน ก็สามารถให้ใครก็ได้ขึ้นเวทีประลอง เพียงแต่ ว่าเป็นเรื่องที่พบเจอได้น้อย ยังไงเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขา จะเจอกับมัน

เนื่องจากความแข็งแกร่งของห้องหมายเลขสิบสามนั้นเป็นที่ รู้จักกันดี ไม่จําเป็นถึงขนาดต้องให้ลูกพี่ขึ้นเวที เมื่อลูกพี่ขึ้น เวที อย่างนั้นการแข่งขันนี้ก็ไม่มีความคาดหวังอะไร

ทุกคนในห้องหมายเลขเจ็ดจ้องมองฝ่ายห้องหมายเลขสิบสามอย่างมีความสุข ดูไปแล้วผ่อนคลายมาก

“คนสุดท้ายที่ขึ้นมาของพวกเขาคือคนมาใหม่ใช่มั้ย ไม่เคย เห็นมาก่อนเลย ห้องหมายเลขสิบสามคือจะไม่ชนะแล้วใช่มั้ย ให้คนใหม่ขึ้นเวที

“ตลกสิ้นดี ห้องหมายเลขสิบสามเป็นพวกไร้ประโยชน์จริงๆ ให้ผู้ใหม่ขึ้นเวทีเมื่อกี้อาจจะกลัวจะฉี่ราดกางเกงแล้ว

“ผู้มาใหม่คนนี้ดูเหมือนจะเป็นมือใหม่นะ ความสามารถใน การรนหาที่ตายของห้องหมายเลขสิบสามทําให้คนนับถือ จริงๆ”

“ทุกคน ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขัน ฉันมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ เมื่อกี้นี้เองคุณชายจากตระกูลนันทพิวัฒน์ออกเงินสอง ร้อยล้าน เพื่อซื้อชีวิตของทุกคนที่พ่ายแพ้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็ คือ วันนี้ เพียงฝ่ายคนที่ชนะเท่านั้นจึงจะสามารถก้าวลงจาก เวทีประลองได้ พวกเราหวังว่าผู้ประลองทุกคนจะพยายาม อย่างเต็มที่ และนำการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมมาให้ทุกคน!”เสียง ของพิธีกรดังก้องไปทั่วหอแข่งขันศิลปะการต่อสู้กิสนา

ฝ่ายห้องหมายเลขสิบสามนอกจากรพีพงษ์ ทุกคนแสดง ความสิ้นหวังอย่างสุดซึ้ง
แต่ฝ่ายห้องหมายเลขเจ็ด เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ใน สายตาของพวกเขา รพีพงษ์และคนอื่นๆ กลายเป็นคนตายแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ