บทที่357 ตัวซวย
บทที่357 ตัวช่วย
“ใครบอกว่าฉันมีแฟน”จารุณีจ้องไววิทย์ แววตาเย็นชาราว
แข็ง
ไววิทย์คิดไม่ถึงว่าจารุณีจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ จึงตกตะลึง หันไป มองกรภัทร์ เปิดปากพูด กร…….กรภัทร์บอกน่ะสิ”
จารุณีมองกรภัทร์ พูดเสียงเย็นชา ถ้าคุณยังชี้ซ้ำวพูดอีก ฉันจะสั่ง คนให้มาเย็บปากคุณ
กรภัทร์ตัวสั่นงันงก ไม่รู้ว่าทำไมจารุณีถึงต้องโกรธขนาดนี้ ด้วย จึงรีบแก้ตัว”ณี คราวที่แล้วคุณมากินข้าวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ โรงแรมผมไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกอีกว่าเขาเป็นผู้ชายของคุณ ผม ก็เลยคิดว่า…….
“เขาไม่ใช่ผู้ชายของฉันสักหน่อย เขาเป็นไอ้ฉิบหาย ไอ้บ้า ไอ้ คนหลอกลวง ไอ้โจรขโมยหัวใจ ! “พอพูดถึงรพีพงษ์ จารุณีก็ ของขึ้น คำด่าที่หัดมาจากหนังซีรีย์ก็พรั่งพรูออกมาหมด
คนสองสามคนพอเห็นจารุณีพูดแบบนี้แล้ว จึงต่างสบตาซึ่งกัน และกัน ไววิทย์เอ่ยปากถามณี คุณถูกผู้ชายคนนั้นหลอกเหรอ”
“คุณสิโดนหลอก ฉันจารุณีฉลาดขนาดนี้ จะโดนหลอกได้ไง เขา ต่างหากที่ตาบอด มองไม่เห็นสิ่งดีๆในตัวฉัน โมโหจะตาย”จารุณี บ่นกระปอดกระแปด
หลายคนคิดว่าจารุณีโดนชิงรักหักสวาท มีแต่คนที่โดนหลอก เอาความรักไปเท่านั้นถึงจะด่าออกมาได้ขนาดนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าจา รณีแค่ระบายความไม่สบอารมณ์ออกมาเท่านั้น ถึงได้ดารพีพงษ์ ขนาดนี้
“ณี ที่จริงที่พวกเราให้คณเรียกไอ้นั่นออกมา ก็เพราะจะช่วยดู ให้ ในเมื่อมันหลอกคุณ พวกเรายิ่งปล่อยมันไปไม่ได้ คุณเรียกมัน ออกมาดีกว่า บอกมันว่าให้มันมากินข้าว พวกเราซ้อมให้สักยกดี มั้ย”ไววิทย์ถือโอกาสนี้เปิดปากพูด
เดิมทีจารุณีคิดจะปฏิเสธไววิทย์ อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเธอ กำลังโมโหเพราะอะไร แต่พอเธอคิดๆดู เธอถึงขั้นประเคนตัวเอง ไปถึงขอบเตียงรพีพงษ์แล้ว รพีพงษ์ยังไม่รู้สึกอะไรเลย คิดมา ถึงตรงนี้ เธอก็โมโห รู้สึกว่าถ้าให้พวกไววิทย์สั่งสอนรพีพงษ์ซะ บ้าง ตัวเองก็ได้สะใจหน่อย
เธอจึงถามไววิทย์ออกมาคําหนึ่ง คุณแน่ใจเหรอว่าจะสั่งสอน
ได้”
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมคิดวิธีไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ จะต้องจัดการมัน อย่างเจ็บแสบแน่ แค่คุณเรียกมันออกมาก็พอ ไววิทย์พูดอย่างมั่นใจ
จารุณีพยักหย้า หยิบมือถือออกมา โทรหารพีพงษ์ ในใจพลาง คิดว่า ถ้ารพีพงษ์ไม่รับโทรศัพท์เธอนะ เธอจะบุกไปคิดบัญชีกับ รพีพงษ์ถึงบ้านเลย
ดีที่หลังจากมือถือดังขึ้นเพียงที ปลายทางก็รับสายขึ้น
“คุณรีบมาหาฉันเดี๋ยวนี่เลยนะ ถ้าไม่มาภายในครึ่งชั่วโมง ฉัน จะ…….ฉันจะ……จารุณีคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรมาปร พงษ์ดี เอาเป็นว่าคุณต้องรีบมาแล้วกัน ! ”
พูดจบ เธอจึงวางสาย
หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที เธอก็รู้สึกว่าราวกับลืมอะไรไป
กรภัทร์จ้องเขม็งไปที่จารุณี ถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “เขารู้ว่า พวกเราอยู่ที่ไหนหรือเปล่าล่ะ
จารุณีสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที ถึงได้นึกขึ้นได้ว่าตัวเอง ไม่ได้บอกรา ว่าอยู่ที่ ไหน
“คุณคิดว่าฉันเซ่อนักเหรอ ฉันก็แค่ไม่อยากพูดกับเขามากเกินไป ก็แค่นั้นเอง เดี๋ยวฉันก็ส่งโลเกชั่นทางข้อความไปให้เขาเองแหละว่าอยู่ที่ไหน”จารุณีโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง
กรภัทร์รีบพยักหน้าเอาใจ โดยไม่กล้าพูดอะไร
คฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์
รพีพงษ์ก๋าลังนั่งอยู่ในใจกลางห้องโถง กําลังประจันหน้ากับ หานคหาผู้ที่ทําหน้าตาให้
ความเคารพอย่างสูง ชายผู้นี้อายุราวๆห้าสิบเห็นจะได้ ผมก็เริ่ม ขาวโพลนแล้ว
ชายคนนี้เป็นประธานบริษัทของบริษัทอสังหาริมทรัพย์BG มีชื่อ ว่าเทพฤทธิ์ วันนี้มาคุยเรื่องการให้ความร่วมมือทางด้านธุรกิจ กับรพีพงษ์ ประจวบเหมาะกับที่ได้รู้เรื่องการขึ้นเป็นประมุขของ ตระกูลลัดดาวัลย์ จึงรู้สึกว่ารพีพงษ์นั้นช่างคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือ เกิน
รพีพงษ์กำลังหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา สีหน้ากลืนไม่เข้าคาย ไม่ออก ที่จารุณีโทรมาเมื่อครู่ เธอตะคอกให้เขาไปหาเธอ แต่ก็ไม่ ได้บอกมาว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
ดีที่อีกไม่กี่นาทีต่อมา จารุณีก็ส่งโลเกชั่นมาให้เขา แล้วส่งอิโมจิ โมโหแนบท้ายมาด้วย
รพีพงษ์เห็นอิโมจิตัวนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าจารุณีน่ารักไม่หยอก
คิดว่าสองวันนี้ตัวเองมัวแต่ง่วนอยู่กับเรื่องบ้านลัดดาวัลย์ จนลืม เรื่องของจารุณีไปโดยสิ้นเชิง คืนวันนั้นจารุณีร้องไห้ออกไปจาก ห้องของตนเองแท้ๆ
พอดีกับเรื่องของบ้านลัดดาวัลย์ก็จัดการไปพอประมาณแล้ว รพี พงษ์ก็ต้องการผ่อนคลายเล็กน้อย จึงคิดจะปลอบโยนจารุณี เขา จึงพูดกับท่านคทาและเทพฤทธิ์ว่า “ผมยังมีธุระต้องสะส่ง วันนี้คุย เท่านี้ก่อนนะครับ
เทพฤทธิ์แทบจะไม่กล้าขัดข้องอะไร จึงรีบพูดขึ้น ต้องรบกวน ท่านประมุขลัดดาวัลย์แล้วล่ะ วันนี้ผมโชคดีเหลือเกิน ได้ทราบ ข่าวดีของท่านประมุขนะ ลูกชายผมอายุพอๆกับท่านประมุขเลย หากมีโอกาสผมจะแนะนำให้รู้จักกันนะ ต่อให้ท่านประมุขจะเอา ไปเป็นลูกน้อง ก็ถือว่าเป็นเกียรติของพวกเราBGแล้วล่ะ”
รพีพงษ์พยักหน้าให้แล้วพูดขึ้นต่อไปมีอะไรฝากไว้ที่คุณ ท่านคทาก็ได้นะครับ ส่วนเรื่องที่ผมได้เป็นประมุขนั้น อย่างเพิ่ง แพร่งพรายออกไปนะครับ”
เทพฤทธิ์รีบพยักหน้า ไม่กล้าขัดใจ
จากนั้นรพีพงษ์จึงให้คุณท่านคทาจัดรถคันหนึ่ง แล้วออกจากบ้านไป
ไม่นานนัก จึงมาถึงโรงแรมที่จารุณีบอก รพีพงษ์ลงจากรถ ก็ให้ คนรถขับรถกลับไป
เขาเดินเข้าไปในโรงแรม หาห้องที่จารุณีบอก หลังจากผละ ประตูเข้าไป ก็สัมผัสได้ทันที ว่าบรรยากาศห้องนั้นแปลกๆไป
ในห้องนั้นนอกจากจารุณีแล้ว ยังมีกรภัทร์แห่งโรงแรมเคเอสโอ ส่วนคนอื่นๆที่เหลือรพี พงษ์ไม่รู้จัก
ตอนนี้นอกจากจารุณีแล้ว ทุกคนต่างก็ใช้สายตาราวกับศัตรูจ้อง มา รพีพงษ์ ทาให้พี พงษ์สกแปลกๆ
หากแต่เขานั้นไม่ได้สนใจ เขาเดินมุ่งหน้าตรงไปหาจารุณีอย่าง เดียว แล้วพูดขึ้น”ณี ขอโทษนะ สองวันนี้ผมมัวแต่ยุ่งกับเรื่องใน บ้าน ไม่ทันได้มาหาคุณ คุณคงไม่โกรธหรอกใช่ไหม
จารุณีเบ้ปากแล้วพูดขึ้น ใครจะไปโกรธคุณลงล่ะคะ คุณอย่า สำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย ฉันไม่มีอารมณ์ไปโกรธเคืองคุณ หรอกนะ”
รพีพงษ์ยิ้มให้ แต่ไม่ได้พูดอะไร พอได้ยินก็รู้ว่าจารุณีกำลังงอน
“ณี ที่ผมบอกว่าคืนนี้จะมีกิจกรรมสนุกๆเตรียมไว้ให้คุณด้วยน่ะ ในเมื่อคุณกินอิ่มแล้ว งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”กรภัทร์ยิ้มให้จา รณีแล้วเปิดปากพูด
“เอาสิคะ”จารุณีพยักหน้า จากนั้นจึงลุกขึ้นจากเก้าอีก
เธอหันหน้าไปมองรพีพงษ์แล้วพูดขึ้น”ที่ฉันให้คุณมาเนี่ย เพราะ อยากให้คุณรู้ว่า คุณหนูอย่างฉัน ไม่ใช่ไม่มีใครจีบ ทุกคนที่อยู่ใน นี้ ไม่มีใครที่ด้อยไปกว่าคุณเลย วันนี้คุณก็สนุกกับพวกเรา คุณจะรู้ เองว่า พวกเขาน่าสนใจมากกว่าคุณแค่ไหน”
“แบบนี้ดีที่สุด หวังว่าในบรรดาพวกเขาจะมีสักคนหนึ่งที่คุณ พึงใจ”รพีพงษ์ยิ้ม เขาพูดจากใจจริง ไม่มีใครอยากให้จารุณีได้พบ เจอคู่แท้มากไปกว่าเขาอีกแล้ว
จารุณีเห็นรพีพงษ์พูดแบบนี้ จึงรีบกำหมัด น้ำตาแทบจะทะลัก ออกมา แต่เธอฝืนกลั้นเอา ไว้
อีตานี่ ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลยเหรอ เขาดูไม่ออกเลยหรือ ไงว่าเธอจงใจ พูดแบบนี้ น่าเสียใจเหลือเกิน
ไววิทย์กับกรภัทร์และพรรคพวกจ้องตากัน แววตามีรอยยิ้มเย็นชา ไม่นานพวกเขาก็จะให้รพีพงษ์รู้เสียบ้างว่า ทำให้จารุณี โกรธ จะมีจุดจบอย่างไร
คนกลุ่มหนึ่งออกมาจากโรงแรม เดินไปทางบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง
รพีพงษ์เดินตามหลังจารุณีไป เพื่อที่จะขอโทษจารุณีสำหรับ เรื่องในคืนนั้น ส่วนจารุณีไม่ อยากยุ่งกับเขาสักหน่อย เธอเดินก้ม หน้าตลอดทาง โดยที่ไม่พูดอะไรเลย
ไววิทย์เห็นจารณีเป็นแบบนี้ ในจึงยิ่งโกรธแค้นชิงชังรพีพงษ์ ไอ้ เจ้า บังอาจทําให้จารณี เจ็บได้ถึงขนาดนี้ อภัยให้ไม่ได้แล้ว อีก ประเดี๋ยวจะต้องทําให้มันลิ้มรสความเสียใจเสียบ้าง
เมื่อมาถึงหน้าประตูบาร์เหล้า ไววิทย์ไม่ได้พาพรรคพวกเข้าไป ข้างในบาร์ หากแต่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูเล็กๆประตูหนึ่ง ประตูนั้น เชื่อมไปยังห้องใต้ดิน หน้าประตูมีชายฉกรรจ์กล้ามเป็นมัดๆเฝ้า อยู่ ไววิทย์ยัดเงินให้ชายฉกรรจ์คนนั้น เขาจึงรับเงินอย่างหน้าชื่น ตา บานแล้วปล่อยให้พวกเขาเข้าไป
มาถึงห้องใต้ดิน ทุกคนต่างได้ยินเสียงตะโกนร้องเรียกมา ไว วิทย์พาทุกคนเข้าไปข้างใน ไม่นานนัก พวกเขาจึงเห็นว่ามีเวที อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก รอบๆเวทีมีคนเต็มไปหมด ต่างกำลังโห่ร้อง ให้กับผู้เข้าแข่งขัน
จารุณีเห็นเวทีนั้น ดวงตาเป็นประกาย สำหรับการแข่งขันที่น่าตื่น เต้นแบบนี้ เธอเองก็สนใจไม่น้อยอยู่
“ที่นี่เป็นสนามมวยที่บ้านผมลงทุนไว้ ไม่กี่วันนี้พวกเราหานัก กฝีมือฉกาจมาได้คนหนึ่ง วันนี้มีการแข่งขันพอดี ก็เลยคิดว่านี คงจะชอบไววิทย์ยิ้มเปิดปากพูด
จารุณีรีบเดินรุดหน้าไปที่ขอบเวที ตอนนี้เธอกำลังเซ็งพอดี อยากจะหาที่ระบายสักหน่อย ไม่นานเธอก็เริ่มไปยืนโห่ร้องกับผู้ คนรอบๆเวที
รพีพงษ์ก็จ้องมองนักชกอยู่สักพัก รู้สึกว่านักชกที่เกียวโตจะ แกร่งกว่าที่เมืองริเวอร์มาก ฝีมือของนักชกทั้งคู่แทบจะเทียบเท่า ไตรทศอยู่แล้ว
ไม่นานนัก การแข่งขันจบลง จารุณีอารมณ์ดีขึ้นมาก
ตอนนี้ไววิทย์กับกรภัทร์สบตากัน จากนั้นดูเหมือนพวกเขาจะ ซุบซิบอะไรอยู่ข้างหูของจารุณี จารุณีหันหน้าไปมองรพีพงษ์ จาก นั้นจึงเดินตามพวกเขาเข้าไปในเวทีมวย
รพีพงษ์เห็นสถานการณ์จึงเดินตามเข้าไป ในตอนที่เดินไปถึงจุด ที่ไม่มีคน จารุณีบอกให้ รพีพงษ์รอสักครู่ เธอจะไปหารืออะไรกับ พวกไววิทย์สักหน่อย
รพีพงษ์เองก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ ก็ยืนรออยู่กับที่
ผ่านไปไม่นาน นักชกที่ชกชนะก็พาพรรคพวกมาล้อมตัวรพีพงษ์ เอาไว้ คนเหล่านี้เป็นนัก ชกมือหนึ่งของไววิทย์ พวกเขาได้รับคำ สั่งจากไววิทย์ ให้มาจัดการเก็บรพีพงษ์
ตอนนี้พวกไววิทย์กำลังมองมาทางนี้จากระยะไกล สีหน้าดูสม น้าหน้าและสะใจ
ส่วนจารุณีก็แอบห่วงอยู่ห่างๆ แม้ว่าเธออยากจะสั่งสอนรพีพงษ์ ระบายความแค้นก็เถอะ แต่ยังไงในใจก็ยังรักรพีพงษ์มากอยู่ดี
“ในคนเยอะแยะขนาดนั้นไปรุมเขาคนเดียว มันจะไม่มากไป หน่อยหรือคะ ถ้าเกิดเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร จารุณีเปิดปาก พูด
“ณี มันหลอกคุณไม่ใช่เหรอ คุณยังจะไปสนใจทําไมว่ามันจะเป็น ตายร้ายดียังไง อีกอย่างผมสั่งไปแล้ว แค่สั่งสอนเบาะๆ ไม่ทำให้ เกิดเรื่องหรอก”ไววิทย์ยิ้มพลางพูด
“ใช่แล้วล่ะณี เวลาแบบนี้อย่ามาคิดเผื่อคนพรรคนี้เลย มันหลอก คุณ ก็ต้องได้รับโทษ” กรภัทร์พูดเสริม
จารุณีคิดว่าก็ถูก ที่ตัวเองเรียกรพีพงษ์มา ก็เพราะอยากจะระบาย ให้หายแค้น ตัวเองไม่ ควรจะไปสงสารหนุ่มหลายใจพรรคนี้ หรอก
ตอนนี้มีชายคนหนึ่งวิ่งมาหยุดที่ด้านหน้าไววิทย์ แล้วพูด น”คุณชายครับ ท่านประธาน มาถึงแล้ว บอกว่าอยากพบ คุณชาย ท่านว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วย”
พูดจบ ชายคนนั้นก็ชี้นิ้วไปที่ระยะไกลออกไป เทพฤทธิ์กำลังจะ เดินมาพอดี
เทพฤทธิ์มาหาไววิทย์ แน่นอนว่าเป็นเรื่องประมุขใหม่ของ ตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าไววิทย์ได้ เป็นเพื่อนกับประมุขตระกูลลัด ดาวัลย์แล้วล่ะก็ สำหรับตระกูลตระกูลปิยศักดิ์แล้ว นับเป็นเรื่องดี เรื่องใหญ่เลยทีเดียว
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกต้องอยู่ที่นี่”เทพฤทธิ์ยิ้ม พอเห็นจารุณีก็ ทักทายด้วยตามมารยาท
ไววิทย์ก็ยิ้ม แล้วพูดขึ้น”พ่อครับ มาพอดีเลย รีบมาสิครับ ผม กำลังให้พวกนักชกจัดการไอ้ตัวซวยคนนึงพอดีเลย พ่อมีอะไรก็ รอให้ผมจัดการไอ้ตัวซวยให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากันนะครับ”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ