บทที่346 นายอย่าคิดไม่ตก
บทที่346 นายอย่าคิดไม่ตก
คนทั้งห้าที่ตามติดอยู่ด้านหลังอรรณพเห็นว่าอรรณพบินพุ่งออก มา ก็ตกตะลึงไปทันที พวกเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองไปรับ ตัวอรรณพไว้ เพียงแค่ยืนดูอรรณพล้มลงกับพื้นอย่างแรง
“นี่…..นี่มันเป็นไปได้ยังไง? พี่ใหญ่ถูกชกด้วยหมัดเดียวก็บินพุ่ง ออกมา?” มพิกาจ้องมองไปที่อรรณพอย่างมึนงง บนใบหน้าก็ แสดงถึงความตกใจ
ใบหน้าของพวกเขาที่เหลืออยู่ไม่กี่คนก็ไม่เชื่อเช่นกัน ว่าพี่ใหญ่ ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในสายตาของพวกเขา จะยืนหยัดได้ เกินในหนึ่งท่าต่อสู้ของรพีพงษ์
รพีพงษ์แข็งแกร่งแค่ไหน?
เกรียงชัยที่เมื่อกี้ยังเปรียบเทียบกับรพีพงษ์ ไม่ได้อยู่ในระดับ เดียวกันจริงๆ
สีหน้าของเกรียงชัยก็แข็งที่อเมื่อเห็นฉากนี้ ก่อนหน้านั้นมีความ ไม่พอใจ หยิ่งผยอง ชิงชัง ทั้งหมดตอนนี้มันพ่ายแพ้ไปหมดแล้ว
ความไม่พอใจทั้งหมดที่เขามีต่อรพีพงษ์ ล้วนมาจากความเชื่อที่ ว่ารพีพงษ์นั้นแข็งแกร่งไม่เท่าเขา เขารู้สึกว่ารพีพงษ์เป็นแค่คน ที่อายรุ่นราวคราวเดียวกับเขา แต่เป็นศิษย์น้องของจันทร์ไชย ก็ คงจะไม่เก่งกาจเท่าไหร่
ดังนั้นเป็นเหตุผลที่เขาต้องการต่อสู้กับรพีพงษ์ เพื่อพิสูจน์ความ แข็งแกร่งของตัวเอง
อย่างไรก็ตามตอนนี้หนึ่งหมัดของรพีพงษ์ก็ทำให้อรรณพพุ่ง บินออกมาในอากาศได้ เมื่อกี้เขาต่อสู้กับอรรณพ ใช้ทั้งตัวทั้ง ร่างกายทุกอย่าง ในที่สุดก็พ่ายแพ้
แต่อรรณพสามารถยืนหยัดได้เกินในหนึ่งท่าต่อสู้ของรพีพงษ์ ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างเขาและรพีพงษ์
“ทํา…..ทำไมเขาถึงได้มีเก่งกาจขนาดนี้? หรือนี่จะเป็นเหตุผล ว่าทําไมอาจารย์ถึงเชื่อมั่นในตัวเขามากมายขนาดนี้?”เกรียงชัย แสดงออกมาถึงความผิดหวังบนใบหน้า หมัดที่กำแน่นก็คลาย ออกทันที และเขาก็รู้สึกว่าทั้งร่างของตัวเองไร้เรี่ยวแรง ที่ก่อน หน้านั้นมีทัศนคติเหล่านั้นต่อรพีพงษ์ ก็กลายเป็นเรื่องตลก
“โอ้พระเจ้า นี่ก็สุดยอดเกินไปแล้ว ไม่แปลกใจที่เป็นอาจารย์อา ของพวกเราจริงๆ ทําไมฉันรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาจะทรงพลังมากกว่าอาจารย์ล่ะ?” ผู้ฝึกที่อยู่ด้านข้างเกรียง ชัยโหขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ถิรมันก็มองไปที่รพีพงษ์อย่างทอดถอนใจ โชคดีที่ก่อนหน้านี้ตัว เองฟังคําเตือนของจันทรไชย ไม่ได้ไปหาเรื่องรพีพงษ์ ไม่อย่าง นั้นก่อนหน้านั้น เขาก็คงจะล้มลงด้วยหมัดของรพีพงษ์ไปนาน แล้ว
รพีพงษ์จ้องมองไปที่มพิกาที่เหลือทั้งห้า และกล่าวว่า: “พวก เธอจะสู้ต่ออยู่หรือเปล่า? ถ้าไม่อยากสู้ ก็สามารถยอมแพ้ไ
มพิกากัดฟัน แล้วพูด: “อยากให้พวกเรายอมแพ้ ไม่มีทาง พวกเราลุยพร้อมกัน ใครจะแพ้ใครจะชนะยังไม่แน่นอน!”
ชายสี่คนที่อยู่ข้างๆเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ และวิ่งพุ่งเข้าหา รพีพงษ์อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามจุดจบไม่ดีอย่างที่มพิกาคิด ชายสี่คนที่เหลือ ลงเอยแบบเดียวกันกับอรรณพ ก็ไม่มีใครที่สามารถยืนหยัดได้ เกินในหนึ่งท่าต่อสู้ของรพีพงษ์ได้
ในที่สุด มพิกา วิ่งพุ่งไปตรงหน้ารพีพงษ์ หลังจากที่เธอเห็น ศิษย์ ของตัวเองทั้งหมดล้มลง ในใจก็รู้สึกถึงความหวาดกลัว ก่อนที่ลงมือกับรพีพงษ์ ก็รีบพูดทันที: “ฉันไม่รู้แล้ว ฉันยอมแพ้!
เมื่อรพีพงษ์เห็นทิมพิกาพูดแบบนี้ ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอีก แล้วหันกลับไป เดินไปหาจันทร์ไชย เขาไม่ได้เอาทีมพิกาอยู่ใน สายตาเลย มีเธอหรือไม่มีจุดจบก็เหมือนกัน
“ไร้ยางอายจริงๆ ท้าทายให้คนอื่นต่อสู้ ยังไม่ยอมแพ้อีก ตอน นี้เห็นว่าสู้ไม่ไหว กลัวว่าจะถูกทุบตี ก็รีบยอมแพ้ทันที ศิษย์พี่ของ เธอเอาเธอมาด้วย โชคร้ายจริงๆ”ถิรมันจ้องมองไปที่ฆิมพิกาแล้ว พูด
สีหน้าของฆิมพิกาก็แดงก่ำ รู้สึกว่าขายหน้ามาก หลังจากที่ ได้ยินคำพูดของถิรมัน หันหน้าไปมองเขาทันที และพูดว่า: “ฉัน เป็นผู้หญิงนะ!”
“ผู้หญิงแล้วยังไงล่ะ เวลาต่อสู้ ไม่มีใครสนใจหรอกว่าเธอจะเป็น ผู้ชายหรือผู้หญิง”ถิรมันพูดอย่างดูถูก
เมื่อจันทร์ไชยเห็นว่ารพีพงษ์จัดการกับคนของมวยแปดสุดยอด ก็ยิ้มและก้าวไปข้างหน้า และกล่าวว่า “แพ้ชนะก็รู้แล้ว ในเมื่อ พวกเธอแพ้ อย่างนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องสู้แล้ว ถ้าหากพวกเธอ ยังอยากมาท้าทายฉันแทนอาจารย์ของพวกเธอ รอจนกว่าความ แข็งแกร่งของพวกเธอจะถึงจุดที่หนึ่งหมัดสามารถทำให้อาจารย์ ของพวกเธอลอยขึ้นไปในอากาศได้ ไม่อย่างนั้นมาแล้วก็จะเสีย เวลา”
เมื่อพิมพิกาฟังคำพูดของจันทร์ไชยแทบอยากจะหาช่องโหว่ เพื่อเข้าไป รอให้หนึ่งหมัดของพวกเขาสามารถทำให้อาจารย์ ลอยขึ้นไปบนอากาศได้ก่อน ถึงตอนนั้นอาจารย์ของพวกเขาก็ คงจะถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ เห็นได้ชัดว่าจันทร์ไชยกำลังเยาะ เย้ยความอ่อนแอของพวกเขา
อย่างไรก็ตามเธอไม่มีอะไรจะพูด เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นอ่อนแอเกินไป ที่สำคัญรพีพงษ์ เป็นเพียงแค่ศิษย์น้องของจันทรไชย ว่าไปตามสถานการณ์ ความแข็งแกร่งของจันทร์ไชยนั้นยังแข็งแกร่งกว่ารพีพงษ์
“วันพระไม่มีหนเดียว ไม่ช้าก็เร็วสักวันพวกคุณจะต้อง เสียใจ! หมพิกากล่าวพร้อมกับกําหมัดไว้แน่ๆ
“เดินดีๆไม่ส่ง”จันทร์ไชยพูดสั้นๆเพียงคำ
“ด้วยสภาพตอนนี้ของพวกเขา คงจะไม่สามารถเดินออกไป ได้”ถิรมันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพิมพิกาได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบเดินไปที่อรรณพ แล้วพูด: “พี่ ใหญ่ พวกพี่รีบลุกขึ้นมา แม้ว่าเราจะแพ้ แต่เราก็ไม่สามารถให้ พวกเขาดูถูกได้ เดินออกไปสําหรับพวกเราแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายๆ
อรรณพฤมหน้าท้องของตัวเองจ้องไปที่พิมพิกา กัดฟันแล้วพูด: “เธอแม่งก็พูดได้ไม่เหมือนกับพวกเรา เธอลองไปให้มันต่อยดูสัก หมัด ดูสิว่ายังจะเดินออกไปได้อย่างง่ายๆมั้ย”
เขาถูกยั่วให้เกิดความโมโหที่ในเวลาแบบนี้ซิมพิกายังมีหน้ามา พูดจาแดกดันอีก อดไม่ได้ ตะโกนใส่หน้ามพิกา
มพิกาถูกอรรณพตะโกนใส่เช่นนี้ ก็รู้สึกละอายขึ้นมาทันที หน้าแดงก่ำจนแทบจะหยดออกมาเป็นน้ำ
จันทร์ไชยเหลือบมองที่ถิรมัน แล้วพูดว่า: “นายไปจัดการเรียก คนมาหามพวกเขาออกไป
ถิรมันก็พยักหน้าทันที และเยาะเย้ยแล้วพาคนกลุ่มหนึ่งไปหาม อรรณพพวกเขาทั้งหลายขึ้นมา
มพิกาก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะว่าให้เธอไปหามอรรณพพวกเขา ทั้งห้าคนออกไป เธอก็ทำไม่ได้จริงๆ
หลังจากที่มวยแปดสุดยอดจากไปอย่างสิ้นหวัง รพีพงษ์หัน กลับไปมองเกรียงชัย แล้วถาม: “นายยังอยากจะสู้กับฉันมั้ย?”
ร่างกายของเกรียงชัยสั่นเทาทันที จากนั้นเขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “อา…อาจารย์อา ผมหุนหันพลันแล่น ไปหน่อย ไม่สมควรไปท้าทายคุณ ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ หวัง ว่าอาจารย์อาจะให้อภัย ให้อภัยกับความทุ่มบ่ามก่อนหน้านั้นของ ผมด้วย”
คําพูดของเขามาจากความจริงใจทั้งหมด หลังจากที่รู้ความ แข็งแกร่งของรพีพงษ์ เขาก็นับถือรพีพงษ์อย่างสมบูรณ์
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วไม่ได้พูดอะไร แต่หันไปมองจันทร์ไชย แล้วพูด: ไม่เตรียมต้อนรับฉันหน่อยเหรอ?”
จันทร์ไชยยิ้มอย่างเต็มใจ และกล่าวว่า: “ต้อนรับอย่างดีแน่นอน ฉันไม่อยากให้สํานักของฉันถูกทําลาย
จากนั้นเขาก็หันกลับมาเกรียงชัย ให้เกรียงชัยพาลูกศิษย์ไป ฝึกฝนบูโดต่อ ครั้งนี้เกรียงชัยไม่ได้มีรัศมีหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ และกลายเป็นคนเก็บตัว การมาของรพีพงษ์ในครั้งนี้ สามารถพูด ได้ว่าทําให้เกรียงชัยเข้าใจว่าเหนือฟ้ายังมีฟังอย่างแท้จริง และ ผลประโยชน์ที่เขาได้รับในครั้งนี้ก็มีมากเช่นกัน
พรสวรรค์ของเขาไม่ได้อ่อนแอ เชื่อว่าหลังจากทำใจให้นิ่งสงบ ลง ความสําเร็จในอนาคตของเขาจะไม่แย่ไปกว่าจันทรไชยใน ตอนนี้
ในห้องของจันทร์ไชย
รพีพงษ์และจันทร์ไชยนั่งตรงข้ามกัน โดยมีนําชาอยู่บนโต๊ะ และจันทรไชยกำลังชงชาอย่างช้าๆ
“ทำไม ในที่สุดก็คิดได้แล้วเหรอ? ครั้งนี้วางแผนจะไปที่ตระกูล ลัดดาวัลย์เพื่อแย่งตำแหน่งนายใหญ่คืนมาแล้วเหรอ?”จันทร์ไชย ยิ้มแล้วถาม
บนใบหน้าของรพีพงษ์แสดงรอยยิ้มที่ปล่อยวาง แล้วพูดว่า “เมื่อก่อนฉันเคยมีความหวังอันริบหรี่สำหรับแม่ที่ไม่แยแส แต่ โชคไม่ดีที่เธอบอกฉันด้วยการกระทำ ว่าไม่มีความหวังใดๆเหลือ อยู่ ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นเลือดเนื้อและจิตใจของพ่อ ไม่ควรตก อยู่ในเงื้อมมือของคนโหดร้ายเช่นนี้ ดังนั้นฉันต้องเอาคืนกลับมา
“ครั้งนี้ นายมา คือมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากฉันเห รอ? “จันทร์ไชยถาม
“คำว่าช่วยเหลือคำนี้คงจะไม่เหมาะสม ต้องบอกว่า เป็นงานที่ ต้องการทําให้สําเร็จรพีพงษ์ก็ยิ้มตามขึ้นมา
จันทรไชยสายหัวอย่างช่วยไม่ได้ และพูดว่า “ทําอะไรนายไม่ ได้จริงๆ ดูเหมือนว่าจะมีแต่อาจารย์ผู้อาวุโสที่ข่มนายได้
ลำบากศิษย์ แล้วนะ”รพีพงษ์ยกน้ำชาขึ้น แล้วคารวะให้จันทร์ ไชย จากนั้นก็ดื่มมันลงไปทั้งหมด
“บอกแผนการครั้งนี้ของมา ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็ม “จันทรไชยกล่าว
จากนั้นรพีพงษ์ก็เล่าแผนการทั้งหมดของตัวเองให้จันทร์ไชย หลังจากที่จันทร์ไชยรู้ว่ารพีพงษ์ได้ตรานายใหญ่ของตระกูลลัด ดาวัลย์และควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของตระกูลลัดดาวัลย์ และรู้ว่าเรื่องครั้งนี้ไม่ยากอย่างที่คิด
บางทีถึงเวลามันอาจเป็นเพียงให้เขาออกหน้าแทนเท่านั้น
วีธราก็ตายแล้ว คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์ ก็มีโยษิตาและลูกน้องทั้ง หลายของเธอที่เหลืออยู่ในเกียวโต หลังจากได้ตราสัญลักษณ์ นายใหญ่และรหัสบัญชี โยษิตาก็ไม่มีอะไรจะข่มขู่รพีพงษ์ได้
เขามาหาจันทรไชย ก็เพราะว่าวันที่กลับเข้าไปที่ตระกูลลัด ดาวัลย์ เพื่อให้คนของตระกูลลัดดาวัลย์เข้าใจว่า เขามีความ แข็งแกร่งและอำนาจที่จะสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์เท่านั้นเอง
“ทีบ้านอาจารย์อาวุโสช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ในบรรดาศิษย์พี่น้อง มีเพียงคนเดียวที่รู้ที่อยู่ของอาจารย์ น่าจะเป็นนายนะ หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับแผนการที่จะยึดตระกูลลัดดาวัลย์คืน
จันทร์ไชยก็ชวนคุยกัน
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “อาจารย์ชินกับความอิสระมา นาน ฉันจะไปรู้ที่อยู่ของท่านได้ยังไง บางทีรอเวลาที่ท่านอยาก พบพวกเรา ถึงจะมาหาพวกเราด้วยตัวเอง
จันทรไชยสายหน้าอย่างผิดหวัง ตอนแรกเขาคิดว่ารพีพงษ์จะรู้ ที่อยู่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนั้น แม้แต่ลูกศิษย์ที่อาจารย์ชื่นชอบ ที่สุดก็ไม่รู้ที่อยู่ อย่างนั้นพวกเขาต้องการจะหาอาจารย์ที่โผล่มา แวบๆพริบตาเดียวก็หาย มันคงจะยากจริงๆ
“ไม่พูดเรื่องอาจารย์แล้ว ความแข็งแกร่งอาวุโสนั้นทรงพลัง มาก ที่สำคัญมีเพื่อนอยู่ทั่วทุกสารทิศ ตอนนี้ท่านอยู่ เป็นอิสระ มากกว่าพวกเรา ครั้งนี้ที่ฉันมา นอกจากให้พี่ช่วยเหลือ ยังมีอีก หนึ่งเรื่องที่ต้องการจะถามพีรพีพงษ์กล่าว
“หื้อ? เรื่องอะไร?”จันทร์ไชยสีหน้าแสดงถึงความสงสัย
“พี่รู้มั้ยว่าเทือกเขากิสนาคือที่ไหน?”รพีพงษ์กล่าว
ตอนที่เขาอยู่ที่เมืองริเวอร์ ให้ธฤตญาณตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับ เทือกเขากิสนาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่มีวี่แววอะไร ทำให้เขารู้สึก ว่าคำว่าเทือกเขากิสนานลึกลับมาก
จันทร์ไชยเป็นคนรอบรู้ บางทีเขาอาจจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับ เทือกเขากิสนา
หลังจากที่จันทร์ไชยได้ยินคำถามของรพีพงษ์ สีหน้าก็เปลี่ยน ไปทันที อุทานว่า: “ทำไมนายถึงรู้จักเทือกเขากิสนา นายคงไม่ ได้อยากไปที่นั่นใช่มั้ย? นายอย่าคิดไม่ตก สถานที่แบบนั้น ไม่ใช่ สิ่งที่คนจะไปได้”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ