บทที่317 ลำบากมากแค่ไหนก็คุ้ม
บทที่317 ลำบากมากแค่ไหนก็คุ้ม
“รพีพงษ์ นายคิดจะเตรียมงานแต่งหนึ่งให้ฉันจริงเหรอ?” ระหว่างทางกลับไป อารียาถามรพีพงษ์อย่างตื่นเต้นอยู่บ้าง
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว งานแต่งในตอนแรกไม่ว่าสำหรับคุณหรือผม ก็เป็นความเสียใจอย่างหนึ่ง ถ้ามีโอกาส ผมจะต้องจัดพิธีแต่งงาน ที่อลังการให้คุณแน่นอน” รพีพงษ์ตอบกลับ
บนหน้าอารียาเผยความเขินอายนิดๆ ออกมา ภายในสายตา เผยความรู้สึกจริงใจนิดๆ ออกมา ไม่ว่ารพีพงษ์จะจัดเตรียมพิธี แต่งงานให้เธออีกหรือไม่ ขอเพียงมีคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ภายใน ใจอารียาก็พึงพอใจแล้ว
เธอยื่นมือไปจับมือของรพีพงษ์ไว้ กุมแน่นมาก เหมือนกลัวร พงษ์จะหนีไป
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อไป กุมมือของอารียาไว้ เดินเข้าไปทาง ดงเย็นด้วยกันกับเธอ
ด้านในคฤหาสน์ ศศินัดดามองเห็นรพีพงษ์และอารียาทั้งสองคน จูงมือกันกลับมา ชั่วขณะนั้นใบหน้าเปลี่ยนไปเป็นอึมครึมขึ้นมา อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“อารี แม่บอกลูกไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ให้ลูกอย่าอยู่ใกล้เจ้าสวะคนนี้ เกินไป ครั้งนี้เขาไปหาเรื่องบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเข้า ถ้า บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สคนอื่นเขาอยากมาหาถึงที่บ้านจริง จะพลอยทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วยนะ” ศศินัดดาขมวดคิ้วเอ่ย ปากบอก
รพีพงษ์ยิ้มให้ทางศศินัดดา บอกว่า “แม่ครับ แม่ไม่ต้อง กังวลเรื่องของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สอีกแล้ว บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สล้มละลายแล้ว พวกเขาคงไม่มาหาเรื่อง เดือดร้อนให้ผมอีก
ศศินัดดาตะลึง จากนั้นเผยสายตาที่เหยียดหยามออกมาทางร พงษ์ บอกว่า “นายอยู่ที่นี่มาหลอกลวงใครกัน เป็นไปได้ยังไงที่ บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สจะล้มละลายกะทันหัน นายพูดคำ โกหกไม่เป็น ยังอยากจะหลอกฉันอีกเหรอ?”
“แม่ รพีพงษ์ไม่ได้หลอกแม่นะ บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สลั มละลายจริงๆ” อารียาเอ่ยปากบอก
“อารี ทำไมลูกถึงเลียนแบบเจ้าสวะคนนี้หลอกแม่ด้วยกันแล้ว บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สนั่นเป็นธุรกิจที่ไม่เป็นสองรองใคร ในเมืองริเวอร์ของพวกเรา……
ศศินัดดาทำท่าทางที่ไม่เชื่อถือมาก แต่ว่าเวลานี้ข่าวในโทรทัศน์ กำลังรายงานเรื่องนี้แล้ว
“รายงานด่วนวันนี้ ธุรกิจชื่อดังในเมืองของเรา บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส ล้มละลายเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเป็นผู้นำของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน เมืองริเวอร์ ช่วงสองสามปีนี้เติบโตรวดเร็วและรุนแรง เพียงแต่ ไม่รู้ว่าทำไมถึงประกาศล้มละลายกะทันหัน……
หลังจากศศินัดดาได้ยินการรายงานในข่าว ดวงตาทั้งสองข้าง ถลึงจนกลมโตสุดๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง พูดว่า “คาด…….คาดไม่ถึงว่าล้มละลายจริงๆ
“ก็บอกแม่แล้วว่ารพีพงษ์ไม่ได้หลอกแม่ แม่ยังไม่เชื่ออีก ตอนนี้ บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สล้มละลายไปแล้ว เวลานี้แม่ไม่ต้อง กังวลว่ายังจะมีใครมาหาเรื่องวุ่นวายให้พวกเราแล้วสินะ” อารียา เอ่ยปากบอก
ศศินัดดาตกใจสักครู่หนึ่ง หลังผ่อนคลายลงมา หันหน้ามองทาง รพีพงษ์ พึมพำว่า “ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าหมอนี้ไปได้โชคดีอะไรมา ถึง บังเอิญให้บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สล้มละลายได้
รพีพงษ์หัวเราะแต่ไม่พูด สรุปว่าดวงดีหรือไม่ มีเพียงในใจรพี พงษ์เองทีรู้ชัดเจน
“ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่โชคดีของนาย นี่เป็นดวงซวยที่มหาศาลของนาย เป็นเพราะมาเกี่ยวข้องกับนายเข้า ดังนั้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เมค์สถึงเจอโชคร้ายที่ใหญ่เช่นนี้ คาดไม่ถึงแย่ จนทั้งบริษัทล้มละลายหมด ลูก พวกเรายิ่งให้เจ้าหมอนี่อยู่ที่บ้าน นี้ต่อไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาโชคร้ายมหาศาลมาให้พวก เรานะ” ศศินัดดาพูดอย่างตื่นตระหนก
เดิมทีรพีพงษ์ยังคิดว่าเพราะเรื่องที่บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ สลัมละลายในครั้งนี้ ศศินัดดาจะคิดเชื่อมโยงไปถึงบางอย่าง พอ คาดเดาความสามารถบางอย่างของรพีพงษ์ได้ แต่เขาประเมิน การตอบสนองของศศินัดดาต่ำเกินไป
ที่แท้ตอนที่ใครคนหนึ่งมั่นใจจากกันบึงหัวใจว่าใครสักคนไม่ ดี ถึงแม้ใช้ความพยายามมาแค่ไหน ก็โดนเหตุผลสารพัดทำให้ เข้าใจผิด
อารียามองศศินัดดาด้วยความจำใจเช่นกัน ยื่นมือดึงรพีพงษ์เดิน เข้าไปในห้องแล้ว
“ไม่ต้องสนใจเขา เขามีอาการจิตระแวง เดี๋ยวฉันต้องพาเขาไป หาหมอสักหน่อยแล้ว” อารียาเอ่ยปากบอก
“ยัยลูกตัวแสบคนนี้ ลูกบอกว่าใครมีอาการจิตระแวงกัน ที่แม่พูด เป็นความจริงนะ ศศินัดดาโกรธทันที
เข้ามาในห้อง อารียาปิดประตูสนิท ดวงตาสองข้างมองรพีพงษ์ อย่างจริงจัง ถามว่า “รพีพงษ์ นายบอกฉันมา บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เมค์สล้มละลาย นายทำใช่หรือไม่?”
รพีพงษ์หัวเราะให้อารียาแล้วบอกว่า “เป็น……..เพื่อนผมทำ
“เพื่อนนายอีกแล้ว?” ใบหน้าอารียาเต็มไปด้วยความสงสัย จ้อง รพีพงษ์ไว้ “รพีพงษ์ นายพูดความจริงกับฉัน เดิมทีนายไม่มีเพื่อน อะไรจริงๆ ถูกมั้ย นายเป็นคนทำเรื่องพวกนี้เองคนเดียวตั้งแต่เริ่ม แรกเลย”
ผ่านเรื่องราวหลายครั้งขนาดนี้ อารียาเริ่มสงสัยรพีพงษ์ขึ้นมา ทุกครั้งรพีพงษ์บอกว่าเป็นเพื่อนตัวเองช่วยจัดการ อารียาเคยเจอ ธฤตญาณและเธียรวิชญ์ แต่ว่าตอนที่พวกเขาสองคนพูดกับพี พงษ์ เดิมทีไม่เหมือนกำลังพูดคุยกับเพื่อน แต่กลับเหมือนกำลัง ช่วยรพีพงษ์ทำงาน
โดยเฉพาะไม่มีเพื่อนคนไหนถึงขั้นที่สามารถทำให้ผู้นำธุรกิจ แห่งหนึ่งล้มละลายเพื่อเพื่อนได้
ก่อนหน้านี้นานมาแล้วอารียาเคยสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าที่ปากร พงษ์บอกว่าคนพวกนี้เป็นเพื่อนของเขา ไม่สู้บอกว่าคนเหล่านั้น เป็นลูกน้องของเขา โดยเฉพาะอารียายังไม่เคยเห็นงานของรพี พงษ์อันไหนที่เพื่อนเหล่านั้นของเขากล้าไม่ช่วย
เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้รพีพงษ์ไม่ยอมพูด อารียาก็ไม่เคยถาม
มาก
แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ความสัมพันธ์ของอารียาและรพีพงษ์ ถึงขั้นที่เป็นสามีภรรยาปกติ เธอรู้สึกว่าตนเองมีหน้าที่ช่วยแบ่ง เบาความลับบางอย่างของรพีพงษ์ ในฐานะภรรยาของรพีพงษ์ และเธอไม่สามารถไปทำเรื่องที่หักหลังรพีพงษได้อย่างเด็ดขาด
รพีพงษ์กระแอมเบาๆ สองที ถึงแม้ว่าอารียาจะรู้สถานะคน ตระกูลลัดดาวัลย์ของเขา ความลับบางอย่างของเขาบอกอารี ยาไปก็ไม่เป็นอะไร แต่สําหรับการปกป้องของอารียา เขายังไม่ มากเกินไป อยากให้อารียา
“เป็นไปได้ยังไง ผมคนเดียวจะทำเรื่องมากมายขนาดนั้นได้ยัง ไงกัน เป็นเพื่อนเหล่านี้ของผมที่หวังดี” รพีพงษ์เอ่ยปาก
อารียาหรี่ดวงตาขึ้น ก้าวมาด้านหน้าทันที แนบไปที่ร่างกายของ รพีพงษ์ บนหน้าเผยรอยยิ้มหยอกล้อออกมา มือข้างหนึ่งได้ขึ้น มาบนหน้าอกของรพีพงษ์
“จริงเหรอ? ทำไมฉันรู้สึกว่าใครบางคนกำลังโกหกอยู่ล่ะ?” อารี ยาเขย่งเท้าขึ้น ขยับเข้าใกล้ข้างหูของรพีพงษ์ เป่าไอร้อนออกมา ทีหนึ่ง ลิ้นน้อยยังเลียๆ ทีปลายหูของรพีพงษ์อีก
รพีพงษ์ถูกอารียาทำแบบนี้จนร่างกายสะดุ้งโหยงอย่างแรง เขา นึกได้ที่ไหนกันว่าอารียายังมีด้านที่สวยยั่วยวนมีเสน่ห์ขนาดนี้ ด้วย
“คุณ……….อย่าทําแบบนี้สิ” รพีพงษ์คอแห้ง กลืนน้ำลายอีก หน่ง สักพักถึงพูดประโยคหนึ่งออกมา
“ฉันอยากฟังใครบางคนพูดความจริงล่ะ ถ้าไม่พูดล่ะก็ วันนี้ฉัน จะไม่เกรงใจแล้วนะ ได้ยินว่ากว่านายจะถึงหนึ่งเดือนก็ยังอีกสอง สามวัน แต่ว่าคนอื่นเขาทนไม่ไหวอยู่บ้างแล้วล่ะ”
อารียาเลียริมฝีปาก มือข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนขยับเข้าไปด้านล่าง
รพีพงษ์รับการยั่วเย้าแบบนี้ได้ที่ไหนกัน สําหรับเขาในตอนนี้ แล้ว นี่คือการทรมานแบบนี้เลย
“คุณเมียผู้หญิงใหญ่ ปล่อยผมไปเถอะ ผมพูด ผมพูดแล้ว คุณ อย่าทําแบบนี้เลย” รพีพงษ์รีบร้อนเอ่ยปาก
อารียาเห็นรพีพงษ์พูดขนาดนี้ หัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที ออก ห่างจากรพีพงษ์นิดหน่อย น้าเสียงก็เปลี่ยนมาเป็นปกติขึ้นแล้ว “ธ ฤตญาณบอสใหญ่ของเมืองริเวอร์ในปัจจุบันนี้ สรุปเกี่ยวข้องอะไร กับนาย?”
“ฝืนใจ……ถือว่าเป็นลูกพี่เขามั้ง” รพีพงษ์เอ่ยปาก
ถึงแม้ว่าจะทำใจเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว แต่หลังจากอารียาได้ยินคําพูดของรพีพงษ์ ภายในใจยังมีคลื่นความหวาดกลัวพุ่ง ขึ้น
ธฤตญาณในฐานะบอสใหญ่ของเองริเวอร์ ตอนนี้สามารถพูดได้ ว่าเป็นผู้อยู่จุดสูงสุดในอำนาจ อิทธิพลและอำนาจที่เขาควบคุม ทั้งหมด โดยพื้นฐานไม่แตกต่างอะไรกับตระกูลกุลสวัสดิ์
และรพีพงษ์เป็นลูกพี่ของธฤตญาณอย่างคาดไม่ถึง นี่พอจะ อธิบายถึงความเก่งกาจของรพีพงษ์ได้
“งั้นครั้งนี้นายทำให้บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สลัมละลายได้ ยังไง เกี่ยวข้องกับเธียรวิชญ์คนนั้นหรือเปล่า?” อารียาถามต่อ
รพีพงษ์พยักหน้าแล้ว
“เธียรวิชญ์เป็นประธานของบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป นายกับเขา เกี่ยวข้องอะไรกัน?” อารียาเบิกดวงตาโต
“ถือว่าเป็นเจ้านายอยู่เบื้องหลังเขา รพีพงษ์บอกไป
อารียาตกอกตกใจ เดิมทีเธอยังคิดว่ารพีพงษ์จะบอกว่าเธียรวิชญ์ เป็นหุ้นส่วนประเภทนี้ แต่ว่ารพีพงษ์บอกว่าเขาเป็นเจ้านายเบื้องหลังของเธียรวิชญ์ งั้นก็หมายความว่าทั้งบริษัทซัน บับเบิลกรุ๊ป ล้วนเป็นของรพีพงษ์
มิน่าเจ้าหมอนี้ถึงเจรจาโครงการของบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปได้ ที่แท้เขาเป็นประธานของบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป จะมีโครงการอะไร ที่เจรจาไม่ได้ล่ะ
อารียาคิดว่าตนเองพยายามมาพอแล้วโดยตลอด ตอนแรกยัง รังเกียจที่รพีพงษ์ไม่พยายามก้าวหน้า เธอนึกถึงท่าทีที่ตนเองมี ต่อรพีพงษ์ในตอนแรก ก็รู้ว่าน่าตลกอยู่บ้าง
แต่นึกถึงว่ารพีพงษ์ที่เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต สามารถทำผลงานแบบนี้ออกมาได้ คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“งั้นหลายปีมานี้นายมักจะออกไปคนเดียว เพราะกำลังพัฒนา อิทธิพลของตัวเองใช่มั้ย?” อารียาถาม
รพีพงษ์พยักหน้าแล้ว
สายตาที่อารียามองทางรพีพงษ์เปลี่ยนไปเป็นปวดใจขึ้นมา กะทันหัน ช่วงเวลาหลายปีมานี้รพีพงษ์อยู่ในบ้าน มีงานบ้านกอง ใหญ่ที่ต้องทำ ทำเสร็จเขายังต้องออกไปวุ่นเรื่องของตนเอง แค่ คิดก็รู้ว่าบนตัวเขารับแรงกดดันมากแค่ไหน
แต่ทว่ารพีพงษ์กลับไม่เคยบ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเผชิญ หน้ากับความเย็นชาของเธอและศศินัดดา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคย พูดถึงความไม่เป็นธรรมใดๆ
นึกถึงตรงนี้ แวบหนึ่งเบ้าตาของอารียาแดงแล้ว เธอรู้สึกว่า ตนเองติดหนี้บุญคุณรพีพงษ์ ที่จริงช่างมากเหลือเกิน
เธอกอดรพีพงษ์เอาไว้ เอ่ยปากขึ้น “รพีพงษ์ หลายปีนี้ลำบาก นายแล้วนะ”
รพีพงษ์ยื่นมือมากอดอารียาไว้เช่นกัน ยิ้มตอบ “เพื่อคุณแล้ว ลําบากมากแค่ไหนก็คุ้มค่า
วันต่อมา หน้าประตูอาคารTG
ธาตุกรเดินมาถึงตรงนี้ อยากเข้าไปหาไตรวิทย์สักหน่อย ดูว่า เรื่องของไตรวิทย์กับอารียาเป็นอย่างไรบ้าง
เขาไม่ได้ดูข่าว ดังนั้นจึงยังไม่รู้เรื่องที่บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สปิดกิจการแล้ว ภายในใจตอนนี้ยังคิดว่าอารียาต้องโดนไตร วิทย์จัดการเรียบร้อย บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลจะจบเห่คงอีก ไม่ไกลแล้ว
หลายวันมานี้เขาไม่ได้ติดต่อไตรวิทย์เลย ที่บ้านยากจนจนไม่มีอะไรจะกินแล้ว เขาออกไปทำงานชั่วคราวมาสองวัน เวลานี้ ถึงว่างมาที่บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สสักหน่อย
ตอนค่ำเมื่อวานนี้หลังพ่อเขากลับไปหัวฟัดหัวเหวี่ยงใหญ่โตอยู่ ที่บ้าน ด่าทอรพีพงษ์กับอารียาสารพัด เพราะโศรวิทย์ดื่มเหล้าเมา ถามเรื่องราวอะไรไม่ได้ความ จึงคิดเพียงว่าพ่อเขากำลังระบาย ความเคียดแค้นที่มีต่อรพีพงษ์
เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีกลับมาให้ครอบครัวตนเอง เขาเลยมาที่ บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สแต่เช้า เพื่อที่จะได้ฟังข่าวอารียา และรพีพงษ์จบเห่ลงเร็วหน่อย
เขาเดินเข้าไปด้านในอาคารTG สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอยู่ บ้างคือภายในอาคารนี้หนาวเย็นผิดปกติ พอเข้ามาที่โถงใหญ่ คาดไม่ถึงไม่มีคนสักคนเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งในโถงใหญ่วังเวง ไม่เหมือนกับบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สที่คึกคักแบบนั้นในสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง
เวลานี้มีไม่กี่คนย้ายของเดินลงมาจากด้านบน ธายุกรรีบเดิน เข้าไป เอ่ยปากถาม “ที่นี่มีอะไรแล้วเหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนมา เงียบสงัดขนาดนี้? พวกนายย้ายของทำอะไร?”
คนนั้นมองธายุกรทีหนึ่ง บอกว่า “นายไม่ดูข่าวรึไง? บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เมค์สประกาศล้มละลายแล้ว ของพวกนี้ก็เอาไป ขายน่ะสิ”
ชั่วขณะนั้นธาตุกรตะลึงค้าง พึมพำว่า “ลัม……มละลายแล้ว? เป็นไปได้ยังไง ประธานปิยังกูรกับคุณชายไตรวิทย์อยู่ที่นี่มั้ย? ฉัน อยากเจอพวกเขา
คนนั้นยื่นๆ ปาก บอกว่า “ประธานคุณชายอะไรกัน บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สลัมละลาย พวกเขาสองคนก็ไม่มีความ สำคัญแล้ว ตอนนี้กลัวว่าสองคนนั้นคงกลับไปทำนาที่บ้านเกิด แล้วมั้ง”
พูดจบ ไม่กี่คนนี้ก็ไม่สนธาตุกรอีก ย้ายของไปแล้ว
ธาตุกรยืนเหม่อลอยกลางโถงใหญ่ที่ว่างเปล่าอยู่คนเดียว เห็น ได้ชัดว่าเปล่าเปลี่ยวและกระอักกระอ่วนพอสมควร
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ