บทที่306 ฟันต่อฟัน
บทที่306 ฟันต่อฟัน
ไทล์เห็นรพีพงษ์ไม่เห็นคำพูดของเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่ น้อย คาดไม่ถึงยังบอกให้พวกเขาไสหัวไป ชั่วพริบตาเดียว ใบหน้าก็อึมครึมลงมาแล้ว
“ไอ้พวกไม่รู้จักดีเลว ยังกล้าบอกให้พวกฉันไสหัวไป ดูแล้วแก คงยังไม่สำนึกถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ พรรคพวก เข้าไปพร้อม กัน ให้มันได้สัมผัสถึงความหมดหวังสักหน่อยว่าเป็นยังไง” ไทล์ หวาดเสียงเย็นชา
คนกลุ่มหนึ่งรีบเดินเข้าไปที่รพีพงษ์ทางนั้น แต่ละคนล้วนเริ่มกำ หมัดมือ ดูลักษณะต่างอยากจะต่อยรพีพงษ์สักหน่อย
กันตาเห็นว่าในเวลานี้รพีพงษ์ยังคงเสแสร้งขนาดนี้อยู่ บนหน้าก็ เผยยิ้มเยาะออกมา พูดพึมพำ “เจ้าคนไร้สมองคนนี้ หรือว่าดูความ เก่งกาจของพวกเขาคนกลุ่มนี้ไม่ออกรึไง มาถึงเวลานี้แล้ว ยังจะ มาปากแข็งอยู่ได้ นี่ไม่ใช่หาที่ตายเหรอ”
ตอนแรกคนเหล่านั้นที่อยู่ล้อมรอบยังจำรพีพงษ์ไม่ได้กัน คิด ว่ารพีพงษ์กล้าที่จะไม่สนใจคนพวกนี้อยู่ในสายตา แสดงว่าต้อง มีฝีมือบางอย่างแน่นอน แต่พอหลังจากที่ได้ยินคำพูดของกัน ตา จึงมองรพีพงษ์เช่นนี้อีกที จากนั้นต่างรู้สึกว่านี่รพีพงษ์ไม่รู้จัก ความเป็นความตายเลย
รพีพงษ์มองพวกไทล์ที่เดินเข้ามาทางตนเองตรงนี้ มุมปากก็ โค้งเส้นรัศมีวงกลมเล็กน้อยขึ้น พึ่งลงจากเครื่องบินมา เขากำลัง อยากจะยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย พวกของไทล์หลายคนนี้มา เป็นกระสอบทรายฝึกฝีมือของเขาพอดี
ปิยังกูรให้คนลักพาตัวอารียาเพื่อข่มขู่เขา เรื่องนี้เพียงพอที่จะ ทำให้ปิยังกูรขึ้นรายชื่อบัญชีดำของรพีพงษ์ได้แล้ว ตอนนี้ปิยังกูร ยังคงดื้อด้านไม่สำนึก ทั้งยังส่งคนมาดักเขาที่สนามบิน งั้นเขา ย่อมต้องทำให้ปิยังกูรเข้าใจว่าที่เมืองริเวอร์ พลังนิดหนึ่งของปิยั งกูร ในสายตาของรพีพงษ์นั้น เดิมทีไม่คุ้มค่าให้พูดถึง
รพีพงษ์เอากระเป๋าที่สะพายไว้บนหลังของตนเองวางลงมา จาก นั้นขยับแขนของตนเองนิดหน่อย ท่าทางที่เตรียมต่อสู้หลังจาก เก็บพลัง
กันตาจ้องรพีพงษ์ที่ทำท่าทางเหมือนเตรียมตัวก่อนลงสนาม แข่ง อดไม่ไหวหัวเราะขึ้นมา เอ่ยปากบอกว่า “เจ้าหมอนี่ยังมั่นใจ ในตัวเองมากเสียจริง คาดไม่ถึงยังมาทำอบอุ่นร่างกาย อย่างเขา ที่แขนขาเล็กแบบนั้น เดาว่าแม้แต่หมัดเดียวของคนอื่นเขาก็ยังรับ ไม่ไหวเลยมั้ง”
หลังจากที่ไทล์รอให้คนล้อมรพีพงษ์เอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วย การถากกาง เห็นได้ชัดว่าคิดว่าเวลานี้รพีพงษ์ทำการอบอุ่น ร่างกายก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ตอนที่พวกของไทล์ทั้งหมดคิดจะลงมือ มีพนักงานรักษาความ ปลอดภัยกลุ่มหนึ่งจากที่ไม่ไกลออกไปนักวิ่งเข้ามาทันใด คนที่ เป็นผู้นำของพนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มนี้คือหลานชาย ของหัวหน้าตระกูลกุลสวัสดิ์ ปวเรศ
สนามบินแห่งนี้ ตระกูลกุลสวัสดิ์เป็นคนนำทีมก่อสร้าง ตระกูล กุลสวัสดิ์มีหุ้นจำนวนมากของสนามบินอยู่ มีคนของตระกูล กุลสวัสดิ์ไม่น้อยที่ดำรงตำแหน่งภายในสนามบิน ปวเรศก็เป็น หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของสนามบิน
เวลานั้นเขากำลังนั่งดื่มชาในห้องทำงาน มีคนเข้ามาบอกกับเขา ว่าที่โถงใหญ่สนามบินมีคนกลุ่มหนึ่งความคิดไม่บริสุทธิ์ ดูเหมือน จะมาก่อความวุ่นวาย บอกว่าอยากสั่งสอนคนคนหนึ่ง เพื่อจุดมุ่ง หมายของความปลอดภัย พวกเขาจึงเริ่มอพยพฝูงชน
คนของพวกเขาไปดำเนินการเจรจาต่อรองกับคนกลุ่มนั้นแล้ว แต่เดิมทีคนกลุ่มนั้นไม่เห็นพวกเขาในสายตา ดังนั้นจึงวิ่งเข้ามา ขอคำแนะนำจากปวเรศว่าควรทำอย่างไรดี
ปวเรศคิดว่านี่เป็นเพียงปัญหาทั่วไป จึงบอกคนเหล่านั้นให้ส่งคน ไปเพิ่มอีก จากนั้นจับคนพวกนี้เอาไว้ก่อนก็ได้แล้ว
จากนั้นปวเรศก็ค่อยๆ เปิดวงจรปิดที่โถงใหญ่สนามบินขึ้น อยาก ดูหน่อยว่าสรุปเป็นใครที่กำลังก่อเรื่องที่นี่
หลังจากที่เขามองเห็นรพีพงษ์ปรากฏตัวอยู่ในภาพของกล้อง วงจรปิด ก็ตกใจจนร่างกายสั่นเทาไปหมด รีบลุกขึ้น ตามพนักงาน รักษาความปลอดภัยไปที่โถงใหญ่สนามบิน
งานเลี้ยงตระกูลกุลสวัสดิ์ในตอนแรกนั้น ปวเรศก็อยู่ใน เหตุการณ์ด้วย คืนวันนั้นที่กุมุทโดนเตะหักขาไปเพราะรพีพงษ์ ส่วนกุนลโรจน์หัวหน้าตระกูลกุลสวัสดิ์ยิ่งเคารพนอบน้อมต่อรพี พงษ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ลูกชายของเขาเองโดนเตะหักขา แต่ ยังไม่กล้าเหลวไหลสักนิดเดียว
คืนวันนั้นปวเรศยังคิดจะผูกสัมพันธ์กับรพีพงษ์สักหน่อย น่า เสียดายที่เดิมทีรพีพงษ์ไม่สนใจเขา
แต่ถึงเป็นเช่นนี้ ปวเรศยังคงเข้าใจ รพีพงษ์ไม่ใช่คนที่เขา สามารถหาเรื่องได้ ต่อไปหากเจอแล้ว จะต้องสร้างความสัมพันธ์ ที่กับรพีพงษให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสร้างความประทับ ใจที่แย่อะไรม รพีพงษ์ได้
สนามบินเมืองริเวอร์เป็นสิ่งที่ตระกูลนำทีมก่อสร้าง เรื่องนี้คน ไม่น้อยต่างรู้กัน ถ้าวันนี้รพีพงษ์เจอความยุ่งยากเข้า หากเขาไม่ ออกหน้า รอถึงตอนที่รพีพงษ์รู้แล้ว ไม่แน่ว่าวันไหนที่รพีพงษ์ไม่ สบายใจแล้วมาหาเรื่องเขา งั้นเขาก็จบเห่สิ
ดังนั้นไม่ว่าจะช่วยเหลือได้หรือไม่ เขาก็ต้องออกหน้า
“พวกแกกลุ่มนี้จะทำอะไร ที่นี่เป็นสนามบิน ยังไม่ถึงขั้นที่พวก แกมาทำป่าเถื่อนที่นี่ หรือว่าพวกแกยังอยากลงมือกับคุณรพีที่นี่ ไง?” หลังจากปวเรศวิ่งมาถึงรพีพงษ์ทางนี้ ก็ตะคอกใส่พวกของ ไทล์กลุ่มนี้อย่างเดือดดาล
หลังจากนั้นเขาหันหน้ามองทางรพีพงษ์ด้วยความเคารพ เอ่ย ปากบอก “คุณรพีครับ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ผมมาช้าไป ทำให้คุณตกใจแล้ว”
รพีพงษ์กับพวกของไทล์ต่างตกใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ พนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบินยังเข้ามายุ่งเรื่องนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ทำให้พวกของไทล์กลุ่มนี้ตกใจไม่ใช่ พนักงานรักษาความปลอดภัยเหล่านี้เข้ามายุ่งเรื่องนี้ แต่เห็นได้ ชัดว่าคนเหล่านี้เข้ามาช่วยรพีพงษ์ คนที่นำทีมมายังเรียกรพีพงษ์ ว่าคุณรพีอีกด้วย
“คุณรพี คุณน่าจะจำผมไม่ได้ ผมคือหลานชายของหัวหน้า ตระกูลกุลสวัสดิ์ครับ ครั้งก่อนที่งานเลี้ยงของตระกูลกุลสวัสดิ์ ผม กับคุณยังเคยเจอหน้ากันครั้งหนึ่ง เพียงแต่ว่าคุณเป็นผู้ทรงเกียรติ คงจะลืมไป อาจจะจำผมไม่ได้แล้ว” ปวเรศอธิบายกับรพีพงษ์สัก หน่อย
รพีพงษ์เข้าใจทันทีว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ที่แท้เป็นคนของตระกูลกุลสวัสดิ์ มิน่าถึงเข้ามายุ่งเรื่องนี้
หลังจากผู้คนโดยรอบมองเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัย เหล่านี้ ต่างตกใจอยู่บ้าง โดยเฉพาะตอนนั้นมีพนักงานรักษา ความปลอดภัยไม่กี่คนมองเห็นไทล์คนกลุ่มนี้เขาก็หลบไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทีมคนนั้นยังเคารพนอบน้อมต่อรพีพงษ์ เช่นนี้ ทําให้พวกเขานึกไม่ถึงพอสมควร
“ทําไมยานพวกนี้ถึงมาช่วยรพีพงษ์เจ้าสวะคนนี้? หรือว่าพวก เขาไม่ควรดูเรื่องสนุกอยู่ด้านข้างเหรอ? เรื่องของรพีพงษ์เจ้าสวะ แบบนี้ เป็นใครก็น่าจะไม่อยากยุ่งถึงจะถูก” พอกันตามองเห็นหลัง จากที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเหล่านั้นเข้ามา ชั่วขณะนั้น ก โกรธเคืองอยู่บ้าง เหมือนว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเหล่านี้ ทําเรื่องดีๆ ของเธอพังแล้ว
ไทล์จ้องปวเรศไปทีหนึ่ง พูดเสียงเย็นชา “ฉันขอเตือนพวก นาย ดีที่สุดอย่ามายุ่งเรื่องพวกนี้ อย่าคิดว่าพวกนายคนเยอะกว่า สําหรับพวกฉันแล้ว ยังไม่พอต่อยเลยด้วยซ้ำ พวกนายดูอยู่ด้าน ข้างนิ่งๆ พวกฉันจัดการเจ้าสวะนี้เสร็จแล้วก็จะไป
หลังปวเรศได้ยินคำพูดของไทล์ รีบถลึงตาใส่พวกเขาทันที พูด เสียงเย็นชา “พวกแกถือว่าเป็นใครกัน ถึงกล้ามากําเริบนี่ ที่นี่เป็นสนามบิน ฉันเป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของ สนามบิน มีฉันอยู่ ฉันจะดูสิว่าใครจะกล้าแตะคุณรพี
ไทล์อื่นๆ ปาก แสดงกล้ามเนื้อของตนเองให้ปวเรศดูไปตรงๆ สักหน่อย พูดเสียงเย็น “นายมั่นใจว่าจะยุ่ง? หมัดนี้ของฉันต่อยลง ไป นายก็เป็นหัวหน้ายามไม่ได้แล้ว ต่อไปนายคงได้แต่ไปนอนอยู่ บนเตียง
ปวเรศตกใจกับกล้ามเนื้อของไทล์ไปยกหนึ่ง เวลานี้เขาถึง สังเกตพวกของไทล์กลุ่มนี้อย่างละเอียดหน่อย พบว่าคนเหล่านี้ ล้วนไม่ใช่พวกที่หาเรื่องได้ง่ายๆ เวลานี้ในใจนึกหวาดผวาอยู่บ้าง
แต่อยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ เขาไม่กล้าหวาดกลัว ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะ ต่อยเป็นแค่ไหน ต้องหาเรื่องได้มากกว่ารพีพงษ์เป็นแน่
“พวกนายรอดูอยู่ด้านข้างก่อนเถอะ พอดีฉันอยากจะขยับกระดูก กล้ามเนื้อด้วยหน่อย พวกเขามาถึงที่ด้วยตัวเองแล้ว ฉันจะเกรงใจ ได้ยังไง คนพวกนี้มอบให้ฉันเถอะ” รพีพงษ์เอ่ยปาก
ปวเรศหันหน้ามองทางรพีพงษ์ เอ่ยปากบอก “คุณรพีครับ คน พวกนี้ดูไปแล้วเหมือนจะต่อยเป็นมาก ถ้าคุณคนเดียว เกรงว่าจะ เสียเปรียบเอานะครับ
“เพียงแค่ดูเหมือนเท่านั้นแหละวางใจเถอะ อยากลงมือจริง ต่อ ให้พวกเขารวมกันเข้ามาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก” รพีพงษ์ยิ้ม บอก
เห็นรพีพงษ์พูดขนาดนี้ ในใจปวเรศมีความสงสัยอยู่บ้าง แต่ไม่ กล้าพูดอะไรมาก จึงเอ่ยปากบอก “งั้นคุณรพีระวังตัวเองด้วยนะ ครับ ถ้าสถานการณ์ไม่ดี ผมจะรีบพาคนเข้าไปช่วยคุณ
รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นมองทางไทล์คนกลุ่มนี้ แล้วเอ่ยปาก บอก “ลงมือเถอะ ฉันไม่อยากเสียเวลานี้อีกแล้ว”
ไทล์เห็นรพีพงษ์ยังไม่ใช้ความช่วยเหลือของคนเหล่านี้ด้วย ภายในใจรู้สึกว่ารพีพงษ์ต้องสมองป่วยแน่ คาดไม่ถึงคิดเพ้อเจ้อ ว่าคนเดียวจะมาต่อยกับพวกเขาหลายคนขนาดนี้ กลัวเพียงว่าจะ ได้รีบไปเกิดใหม่
ปวเรศพาพนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งไปยืนที่ด้าน ข้าง เหลือพื้นที่ออกมาให้รพีพงษ์ ขอเพียงสถานการณ์ไม่ดี เขา จะรีบพาพนักงานรักษาความปลอดภัยเหล่านี้พุ่งเข้าไปทันที
ไทล์ไม่ได้เสียเวลาอีก หลังจากกุมหมัดแน่น ทำเสียงฮึดฮัด “เข้าไปหมด ใช้ความเร็วไวที่สุดต่อยให้เจ้าหนุ่มนี้ให้พิการ ทำให้ ยามพวกนั้นดูหน่อย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยืนอยู่ด้านข้างก็ไม่มีทางขัดขวางพวกเราได้
คนกลุ่มหนึ่งรีบพุ่งเข้าไปที่รพีพงษ์ทางนั้น บนหน้ามีรอยยิ้ม เหยียดหยาม
รพีพงษ์ยืนอยู่ที่เดิม ตอนที่ฝูงชนพุ่งมาตรงหน้าตนเอง ก็ย้าย ร่างกายไปอย่างรวดเร็ว มาถึงตรงหน้าคนหนึ่งที่รูปร่างเล็กที่สุด อยู่ในหลายคนนั้น แสยะยิ้มให้เขาทีหนึ่ง และต่อยไปบนแขนของ เขาหมัดหนึ่ง เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น พอคนคนนั้นขาอ่อน เท้า ของรพีพงษ์แตะเข้าไปด้วยความว่องไว หัวเข่าของคนคนนั้นก็พัง แล้ว
เรียกว่าภาพรวมดูแข็งแกร่ง แต่ก็มีจุดที่อ่อนแอ ซึ่งพอทำลาย ภาพรวมก็พังทลายแล้ว รพีพงษ์กำจัดคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มนี้ ทิ้งก่อน ทำลายขบวนของพวกเขา เรื่องต่อไปนี้ก็ง่ายขึ้นมากแล้ว
ไทล์มองเห็นคนทางนี้ของตนเองยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาเข้า มา ก็ถูกหักแขนขาไปแล้ว ชั่วขณะนั้นในใจเกิดความหวาดผวา ครู่หนึ่ง ที่แท้เจ้าหมอนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่พวกเขาจินตนาการ ขนาดนั้น
ผู้คนโดยรอบต่างก็ตกใจในการกระทำของรพีพงษ์เช่นกัน เจ้า หนุ่มที่ดูเหมือนทั้งผอมทั้งอ่อนแอ กลับครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่ เช่นนี้ไว้อย่างคาดไม่ถึง
หนึ่งในนั้นที่ไม่อยากเชื่อคือกันตา เธอคิดว่ารพีพงษ์เป็นพวก สวะมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะครอบครองความสามารถ ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทำเอาเธอมองตาค้างไปเลย
ปวเรศก็นึกไม่ถึงว่าการลงมือของรพีพงษ์จะน่าตกใจเช่นนี้ แต่ นอกจากตื่นตะลึงแล้ว เขายิ่งเพิ่มความเลื่อมใสต่อรพีพงษ์มากขึ้น โดยเฉพาะรพีพงษ์สามารถทำให้ตระกูลกุลสวัสดิ์เห็นความสําคัญ ขนาดนี้ ความสามารถเกินคนทั่วไปเรียกว่าเป็นสิ่งสมควร
ความจริงความสามารถของพวกของไทล์หลายคนนั้นเก่งกาจ กว่าอันธพาลทั่วไป แต่ว่าระดับของพวกเขายังคงเพียงแต่จํากัด อยู่ในเมืองริเวอร์สถานที่เล็กๆ แห่งนี้ ไม่ได้รับการฝึกฝนที่ยอด หมีควายตายตัวหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรให้น่าโอ้อวด เยี่ยมที่สุด ต่อให้
จากความสามารถของรพีพงษ์ ขอเพียงมีพลังและความเร็ว เพียงพอ ด้านทานหมีควายตัวหนึ่งเพียงคนเดียวล้วนไม่ใช่เรื่อง ยาก
ช่วงเวลาไม่ถึงห้านาที พวกของไทล์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่โดนรพี พงษ์วางไว้ที่พื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหักแขนหักขา ลุกไม่ขึ้นอีก ประเภทนั้น
ไทล์เป็นคนสุดท้ายที่ถูกรพีพงษ์จัดการ รพีพงษ์ยื่นมือมากดไทล์ไว้ที่พื้น ยิ้มบอก “ฉันบอกพวกแกแล้วใช่มั้ย? มาดักฉันที่ สนามบินเป็นตัวเลือกที่ผิดพลาด
หน้าไทล์เต็มไปด้วยความประหม่า พรรคพวกเหล่านั้นของเขา ถูกหักแขนขาหมดแล้ว ปัจจุบันนี้เขาก็โดนรพีพงษ์กดไว้ที่พื้น ย่อมหนีไม่พ้นชะตากรรมอันนี้
เขามองไปที่ปวเรศทางนั้นที่หนึ่ง เอ่ยปากตะโกน “พวกนายยัง ยืนค้างที่นั่นทำอะไรกัน พวกนายเป็นยามของสนามบินนี้ เจ้าหมอ นี้มาคลุ้มคลั่งอยู่ตรงนี้ พวกนายไม่ควรจะสนใจหน่อยเหรอ?”
ปวเรศได้ยินคำพูดของไทล์ รีบยักไหล่ให้เขาพลางยิ้มบอก เป็นแกที่บอกให้ฉันอย่ายุ่งมากเอง แน่นอนว่าฉันฟังแกแล้ว
หน้าไทล์เต็มไปด้วยความหมดหวัง เพียงแต่ว่าเสียใจในเวลานี้ก็ สายไปเสียแล้ว
“สิ่งที่ฉันชอบที่สุดก็คือฟันต่อฟัน ตอนนั้นพวกแกบอกว่าต่อ ไปให้ฉันใช้ชีวิตอยู่บนเตียง กลัวว่าพวกแกยังไม่เคยประสบกับ สภาพอะไรแบบนี้เลยมั้ง แต่ว่าไม่ต้องรีบ ฉันจะให้โอกาสพวกแก ได้ประสบค
รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดประโยคหนึ่ง จากนั้นใช้แรงหักแขนของไทล์ไป จากนั้นเขาก็ขึ้นมาตรงขาของไทล์สักหน่อย เวลานี้ พวกของไทล์กลุ่มนี้ล้วนกลายมาเป็นคนพิการแล้ว
ปวเรศเห็นรพีพงษ์จัดการคนพวกนี้หมดแล้ว รีบวิ่งเข้ามาที่รพี พงษ์ทางนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มบอกว่า “คุณรพี คุณนื่องอาจ ห้าวหาญจริงๆ เลย คนพวกนี้อยู่ในมือคุณ คาดไม่ถึงไม่มีแรงสู้ กลับสักนิด ทำให้คนเลื่อมใสจริงๆ ครับ”
รพีพงษ์หัวเราะให้เขาแล้วเอ่ยปากบอก “ขอให้นายช่วยสักอย่าง ได้มั้ย?”
ปวเรศพยักหน้าทันที บอกว่า “คุณรพีพูดมาได้เลยครับ ขอเพียง ผมทำได้ จะช่วยแน่นอน”
“ช่วยฉันยกคนพวกนี้ส่งไปที่หน้าประตูอาคารTG เชื่อว่ามีคน กำลังรอพวกเขากลับไปอยู่ล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยปาก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ