บทที่184 รพีพงษ์เป็นคนเคลียร์ปัญหา
บทที่184 รพีพงษ์เป็นคนเคลียร์ปัญหา
ในห้องส่วนตัวทุกคนล้วนนิ่งสงบ
ดรณ์ที่ก่อนหน้านี้โมโหอย่างเกรี้ยวกราด จู่ๆก็คุกเข่าแล้วก้มหัว นี่กลับทำให้ทุกคน งงเป็นอย่างมาก
“นี่…….นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ดุลยวัดมองไป ที่ดรณ์ที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้วยสายตาที่ตื่น ตระหนก แล้วกล่าว
“ไม่รู้สิ ทำไมออกไปครั้งเดียว แล้ว เปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ขนาดนี้” ใบหน้า บถามด้วยความสงสัย
อารียาเห็นดรณีพุ่งมาที่ตนเองแล้วก้ม หัว ก็ตกใจขึ้นมา เธอไม่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้น นึกถึงลักษณะเมื่อกี้ที่สงบของธีริทธิ์ แล้ว ยังพูดอีกว่าไม่มีอะไรแน่นอน รู้สึกว่าเขา ต้องรู้แน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วมองไปที่ธี ทธิ์
“นี่เกิดอะไรขึ้น?”
ธีริทธิ์เอามือถือยื่นให้กับอารียาด้วย ความภูมิใจ ให้อารียาได้เห็นบันทึก สนทนาของเขาและรพีพงษ์
หลังจากดูเสร็จแล้ว อารียาก็เข้าใจว่านี่ มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อสักครู่ที่ดรณ์ออกไป นั้น ต้องไปเจอรพีพงษ์แล้วเป็นแน่ ดังนั้น เมื่อกลับมาถึงได้เปลี่ยนเป็นคนล่ะคน แบบนี้
“ไม่พูดก็ไม่ได้ พี่เขยผมนี่เจ๋งจริงๆ มา ถึงอำเภอหยกของพวกเราแล้ว ยังมี ความสามารถมากขนาดนี้ ให้ดรถก้มหัว ขอโทษ” ธีริทธิหัวเราะพลางกล่าว
โมไนยคิดว่าดรณ์จะคลุ้มคลั่ง แต่เมื่อได้ เห็นฉากนี้แล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความ สงสัย
เขามองไปที่ดรณ์ แล้วถาม “เมื่อกี้แก ยโสโอหังอยู่ไม่ใช่หรอ ทำไมตอนนี้กลับ มาคุกเข่าขอโทษแล้วล่ะ?”
ดร รีบหันหน้าไปทางโมไนย แล้วกล่าว ขอโทษ “ลูกน้อง ฉันมีตาแต่หามี แววไม่ เมื่อกี้ที่ค่อยแกไป ฉันจะชดเชย ความผิดให้แกเดี๋ยวนี้แหละ
พูดแล้ว ดรณ์ก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง
ไปหลายฉาด
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่รพีพงษ์หวงแหนนั้น มี แค่อารียา เพราะอารียานั่งกินข้าวอยู่กับ คนพวกนี้ เขาคิดว่าคนพวกนี้เป็นเพื่อน ของท่านยุคทั้งหมด ดังนั้นก็ไม่กล้าทำผิด แม้แต่คนเดียว
โมไนยเห็นดร ชดเชยความผิดจริงๆ แล้วกล่าว “เมื่อกี้ที่แกออกไป ได้เจอกับ ท่านยุดแล้ว?”
ดร รีบพยักหน้า แล้วกล่าว “เจอกัน แล้ว ท่านยุดและเพื่อนของเขา ผมไม่รู้ จริงๆว่าพวกคุณกับเพื่อนของท่านยุคมี ความสัมพันธ์กันแบบนี้ โดยเฉพาะผู้หญิง ท่านนี้ ผมผิดไปแล้ว คุณยกโทษให้ผม ด้วย
ดรณ์กำลังมองอารียาด้วยความจริงใจ
โมไนยไม่รับรู้ความหมายของประโยคนี้ ดร.กล่าวมาเลย เพียงแค่ได้ยินว่าท่าน ยุดมาแล้ว ในใจก็มั่นใจอย่างมากว่าท่าน ยุคสั่งสอนดร เพราะเขา
อารียาเพ่งไปที่ดรณ์ ดีที่วันนี้ไม่มีอะไร เกิดขึ้น อารียาก็ไม่คิดจะทำอะไรดรณ์ แล้วพูดกับดรณ์ว่า “พอล่ะ แกไปเถอะ ต่อไปอย่าทําเรื่องแบบนี้อีก”
ดรณ์พยักหน้าทันที แล้วก้มหัวให้อารียา อีกครั้งก่อนออกไป รีบพาพรรคพวกจาก ไปจากห้องส่วนตัวนี้
สีหน้าของโมไนยดูไม่ดีขึ้นมาทันที เขา คิดว่าเพราะเขาดรณ์ถึงได้เกรงใจมาก ขนาดนี้ ตอนนี้อารียาท่าทีสูงส่งอวดเก่ง ให้ตร ออกไป แย่งซีนของเขาเสียอย่าง
“เหอะเหอะ ปราง ญาติๆของครอบครัว เธอก็ไม่ได้เป็นคนนอกนะ นี่ความจริงเพ ราะดรณ์เขาให้เกียรติผม เลยขอโทษเธอ ผมยังไม่พูดอะไรเลย แต่เธอกลับให้ตรณ์ ออกไป นี่ให้ความสําคัญตัวเองมากเกินไป แล้วเปล่า” โมไนยดูแคลน
เมื่อปรางทิพย์ได้ยินคำพูดของโมไนย แล้ว ก็รีบตาโตขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “ความหมายของคุณคือ เป็นเพราะคุณ ท่านยุค ถึงได้จัดการดร ?”
“ถ้าไม่งั้นหล่ะ หรือทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ ยังมีใครรู้จักกับท่านดอีกหรอ?” โมไนย กล่าว
“แต่ ตอนนั้นไม่ใช่ว่าคุณโทรหาท่านยุด ไม่ติดหรอ? ปรางทิพย์ถามอย่างสงสัย
โมไนยรู้สึกอับอายเล็กน้อย เขาก็ไม่รู้ เหมือนกันว่าทำไมท่านยุคถึงรู้ว่าเขาอยู่ ทีนี่ แต่ที่เขารู้คือ เป็นเพราะเขาท่านยุค ถึงได้มาจัดการดรณ์ นอกจากเขา ใน เหตุการณ์ก็ไม่มีใครรู้จักท่านยุดแล้ว
“ต้องเป็นตอนนั้นที่คนของท่านยุดเห็น ผมเดินเข้ามา ตอนนี้ดร มาหาเรื่อง ท่านยุดรู้เข้า ท่านยุคถึงได้เข้ามาจัดการ ปัญหา” โมไนยหาเหตุผลให้ตัวเองดูดี
เมื่อปรางทิพย์ได้ยินก็รู้สึกว่ามีเหตุผล อยู่บ้าง แล้วหันไปมองอารียา กล่าว “มี บางคนก็รู้สึกเข้าข้างตัวเองจริงๆ พึ่งบารมี คนอื่น แล้วยังทําเหมือนว่าตัวเองเป็นคน เคลียร์ปัญหาเองอย่างไรอย่างนั้น ตลก จริงๆ”
บจีและดุลยวัดทั้งสองก็คิดว่าการที่ท่าน ยุดมาเคลียร์ปัญหานี้ ก็เพราะให้เกียรติ โมไนย แล้วมองอารียาอย่างเหยียดหยาม
“อารี แกก็จริงๆเลยนะ ครั้งที่แล้วแกกับ รพีพงษ์ก็พึ่งบารมีของโมไนย ถึงได้ไม่ โดนท่านยดเอาเรื่อง ครั้งนี้ก็ก็พึ่งบารมีเขา อีก แต่แกกลับออกหน้าแทนโมไนย ครั้งนี้ แกต้องขอบคุณโมไนยสักหน่อยป่ะ?” บจี ก็กล่าวออกมา
อารียาขมวดคิ้วทันที ไม่พูดถึงเรื่องใคร งบารมีใครล่ะกัน เรื่องนี้ความจริงไม่เกี่ยว กับเธอเลย พูดไปแล้วเธอยังเป็นผู้ที่ถูก กระทำด้วยซ้ำ บจียังอยากให้เธอขอโทษ โมไนยอีก มันชักจะเกินไปแล้วจริงๆ
“ใครบอกว่าครั้งนี้พึ่งบารมีของเขา เมื่อ พวกแกไม่ได้ยินคนนั้นพูดเพื่อนของท่าน ยุดรหอ หรือเพื่อนของท่านยุคก็ตามมา ช่วยเคลียร์ปัญหาหรอ?” ธีริทธิ์ กล่าวอย่างไม่พอใจ
“เพื่อนของท่านยุดแล้วไง หรือผมจะ รู้จักเพื่อนของท่านยุดไม่ได้? งั้นแกพูดมา เพื่อนของท่านยุคคนนี้ทำไมต้องมาช่วย พวกเรา?” โมไนยดูธีริท อย่างเยาะเย้ย เห็นคนนั้นก้มหัวให้ อารีหรอ แล้วเขายัง พูดเน้นพี่อารีด้วยนะ ดังนั้นคนที่เคลียร์ เรื่องนี้ ต้องเป็นพี่เขยผมแน่ๆ
คนที่นั่งอยู่ได้ยินคำพูดของธีริทธิ์แล้ว ก็ ชะงักงัน แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา
ปรางทิพย์มองไปที่ธีริทธิ์เฉกเช่นมอง คนบ้าอย่างไรอย่างนั้น แล้วกล่าว “ธีริทธิ์ แกคงไม่ถูกไอ้สวะรพีพงษ์นั่นล้างสมอง แล้วหรอกนะ ทําไมตอนนี้ก็ชอบออกหน้า แทนเขาจัง แล้วแกคิดดูนะ ไอ้สวะนั่นมี สิทธิ์อะไรเป็นเพื่อนกับท่านยุด แกหยุดแถ ได้ล่ะ”
ดุลยวัตและบจีมองไปที่ธีริทธิ์อย่างไม่ พอใจ เมื่อก่อนทั้งสองครอบครัวช่วยกัน ดูถูกครอบครัวของศศินัดดา ตอนนี้หลัง จากที่ ริท ไปเมืองริเวอร์มาแล้ว กลับเริ่ม พูดเข้าข้างรพีพงษ์เสียอย่างนั้น พวกเขา คิดว่าธีริทธิ์กำลังเข้าข้างคนนอกอยู่
“ธีริทธิ์ นี่แกเป็นอะไรไปแล้ว
ทุกคนก็รู้ๆอยู่ว่ารพีพงษ์มันสวะขนาด ไหน ถึงแม้แกจะออกหน้าแทนเขา แต่ก็ ไม่ต้องเอาเรื่องแบบนี้ไปที่เขาป่ะ เขาให้ ท่านยุคมาเคลียร์ปัญหา? แกไม่รู้สึกตลก หรอ?” บจีพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ดุลยวัตก็กล่าวต่อ “ใช่ เรื่องนี้ที่เคลียร์ได้ ก็เพราะว่าให้เกียรติโมไนยต่างหาก พวก แกยอมรับความเก่งกาจของโมไนย มัน ยากขนาดนั้นเลยหรอ?”
ธีริทธิ์ กดาทันที ในใจคิดว่าพวกเขายัง คิดไปถึงความเก่งกาจของโมไนย ไม่มี ใครเทียบได้แล้วหรอ พ่อแม่ของธีริทธิ์ได้ยินเริทธิ์พูดแบบนั้น ก็รีบชักจาไปที่เขา ให้เขาอย่าออกหน้า แทนรพีพงษ์
ธีริทธิ์ไม่ใส่ใจ เขารู้ดีถึงความเก่งกาจ ของรพีพงษ์ คนพวกนี้มองไม่เห็น ก็เพียง แค่พวกเขาโง่ดักดานเท่านั้นเอง
“ซึ่งเถอะนั่งเถอะ ไม่อยากพูดขอบคุณก็ ชั่ง ปราง ผมว่าต่อไปครอบครัวคุณพบปะ ญาติแบบนี้ให้น้อยๆลงหน่อยก็ดีนะ เป็น พวกอกตัญญูทั้งนั้น ถึงแม้คุณจะช่วยพวก เขา พวกเขาก็ไม่มีทางซาบซึ้งใจหรอก” โมไนยกล่าวอย่างดูแคลน
ศศินัดดาทนดูต่อไปไม่ไหว แล้วก็เสียง ดังไปที่โมไนย “แกว่าใครอกตัญญู เค้ามา ขอโทษลูกสาวฉัน ถ้าเห็นแกศักดิ์ศรีของ แก ทําไมไม่ก้มหัวให้แก คนที่จะเคลียร์ ปัญหาให้ลูกสาวฉันได้ ทำไมจะเป็นเพี ปัญหาเหลูกสาวฉันเต ทาเมจะเบนรพ พงษ์ไม่ได้ ฉันบอกพวกแกเอาไว้นะ ตอน นีรพีพงษ์เก่งกาจมาก”
อารียาชะงัก เธอคิดไม่ถึงว่าศศินัดดา จะแก้ต่างให้รพีพงษ์ ใบหน้าเต็มไปด้วย ความแปลกใจ
ศศินัดดารู้สึกว่าครอบครัวบ และโมไนย นี่พูดจาไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่ล่ะ ดังนั้นจึง ได้พูดแบบนี้ออกมา ปกติเธอจะไม่แก้ต่าง ให้รพีพงษ์
“เหอะ หน้าไม่อาย ยังจะออกหน้าแทน ไอ้สวะอีก ไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกแกคิด อะไรอยู่” บจีบ่นพึมพำ
ดุลยวัดขมวดคิ้ว แล้วตะโกน “พอแล้ว หยุดพูดเรื่องนี้สักทีได้ไหม พวกเรายังจะ กินข้าวอีกไหม? ทุกคนล้วนเงียบสงัด โมไนยเรียก พนักงานมา แล้วสั่งอาหารทั้งสาม ครอบครัวทานข้าวมื้อนี้ด้วยบรรยากาศที่ เงียบสงัดและเสียหน้า
ตอนกลางคืนกลับถึงบ้าน ครอบครัวของ ศศินัดดาก็ไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวขอ งบ เมื่อล้างหน้าเสร็จก็แยกย้ายกันเข้า ห้องนอนขอบตนเอง
บจีและตุลยวันทั้งคู่ค่าครอบครัวของศศิ นัดดาว่าหน้าไม่อาย อยู่บ้านของเขา แล้ว ยังกล้าใส่อารมณ์อีก
หลังจากปรางทิพย์และโมไนยทั้งคู่ทาน ข้าวเสร็จแล้วก็ได้เดินเล่นอยู่ชั้นล่างด้วย กัน ดูท่าทีเหมือนกับไม่ค่อยสบายใจ
ญาติของครอบครัวคุณจริงๆเลยนะ ไม่ พูดขอบคุณก็ ง แต่ยังพูดตลอดว่าไอ้ สวะนั่นเป็นคนเคลียร์ปัญหาให้ได้ น่าเบื่อ จริงๆ” โมไนยพูดอย่างไม่พอใจ
“ไอ้หยา สามี คุณก็อย่าไปคิดอะไรมาก ครอบครัวพวกเขาก็แบบนี้แหละ อยู่ที่ เมืองริเวอร์นั้นถูกรังแกจนชาแล้ว ถึงได้ มาใส่อารมณ์กับพวกเรา” ปรางทิพย์กล่าว
“คุณกำลังจะบอกว่า พวกเขาอยู่ที่เมืองริ เวอร์โดนรังแกงั้นหรอ? พวกเขาไม่ใช่ว่า อยู่ที่วิลล่าแล้วหรอ? โมไนยถาม
“ชิ วิลล่าอะไร ใครจะรู้ว่าธีริทธิ์ไปเอารูป มาจากที่ไหน รูปจริงหรือเท็จก็ไม่มี ใครรู้ พวกเขาทั้งครอบครัวอยู่ที่เมืองริ เวอร์นั้น ไม่ได้มีหน้ามีตาทางสังคมเลย อารียายังแต่งกับไอ้สวะรพีพงษ์นี่ ได้ยิน มาว่าท่านนกทีปีนั้น ดูถูกครอบครัวของ พวกเขามาก ถ้าพวกเขาอยู่วิลล่าได้ก็ แปลกแล้ว” ปรางทิพย์กล่าว โมไนยดูแคลน แล้วกล่าว “แบบนี้ยังกล้า จะเป็นคู่แข่งกับผมอีก ดูๆแล้วมีปัญหา จริงๆ คิดว่ากูโมไนยร้งแกง่ายๆหรอ?”
“ใช่ปะ ฉันรู้สึกว่าพวกเขาเริ่มเกินไปล่ะ มี วิถีชีวิตที่ไม่ดีแท้ๆ แต่กลับเสแสร้งว่าอยู่ดี กินดีเสียอย่างนั้น รถคันนั้นไม่แน่ก็อาจเช่า มานะ” ปรางทิพย์พูดต่อ
ขณะนี้ปรางทิพย์ได้มองไปรอบๆ แล้ว กล่าว “สามี ฉันมีวิธีที่จะทดสอบว่า ครอบครัวเขาชีวิตมีความสุขดีไหม
“วิธีไหน?” โมไนยกล่าว
“อยากรู้ว่าครอบครัวกินดีอยู่ดีไหม ก็ไป ห้างสรรพสินค้ากับพวกเขาก็รู้แล้ว พรุ่งนี้ ฉันจะเรียกอารียาและรพีพงษ์ไปด้วยกัน พวกเราไปเดินที่ห้าง ถึงเวลานั้นคุณซื้อ กระเป๋าหรืออะไรก็ได้ให้ฉัน ดูว่ารพีพงษ์ จะขอให้อารียาไหม ถ้าไม่ซื้อ แสดงว่า พวกเขาเสแสร้งออกมา” ปรางทิพย์กล่าว
โมไนยยิ้มแล้วพยักหน้า แล้วกล่าว “วิธีที่ ใชได้ งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปห้างกัน
“แต่แบบนี้ก็ต้องให้สามีเสียเงินสักหน่อย แหละ” ปรางทิพย์พูดอย่างออดอ้อน
โมไนยยิ้มขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “นี่ไม่ เห็นจะเป็นอะไร เพียงแค่ให้พวกเขารู้ว่า พวกเขาเทียบกับผมไม่ได้ ถึงแม้ต้องจ่าย กี่แสน ผมก็ไม่แคร์”
ปรางทิพย์รีบจับไปที่แก้มของโมไนย หนึ่งครั้ง
แล้ววันนี้อารียานั่นก็กล้าแย่งซีนผมไป แล้วยังไม่ขอบคุณผมอีก มันน่าโมโหจริงๆ เรื่องนี้ ผมยอมไม่ได้” โมไนยกล่าว “สามี หรือคุณอยากสั่งสอนอารียา?” ปรางทิพย์ถาม
“ไม่เลว คุณรู้จักหมาป่าคําไหม?” โมไนย หลับตาแล้วพูด
ปรางทิพย์ตาลุกวาว แล้วกล่าว “หมาป่า คําคือลูกพี่ที่มีชื่อเสียงของอำเภอหยก ของเรานี่ คุณอยากได้หมาป่า มาสั่ง สอนอารียา? นี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง ถึงแม้ พวกเขาจะน่ารังเกียจ แต่ไม่จำเป็นต้องทํา พวกเขาจน…….
โมไนยหัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วกล่าว “คุณไม่ต้องกังวลมากไป ผมรู้ว่าพวกเขา เป็นญาติของครอบครัวคุณ ทำรุนแรงเกิน ก็ไม่ได้ แล้วผมเองก็เชิญ หมาป่าดำด้วยตัวเองไม่ได้ ผมรู้จักลูกน้อง ของเขาหลายคน ตอนนั้นผมได้ติดต่อไป หาพวกเขาแล้วบ้าง พรุ่งนี้พวกเขาจะไป หาเรื่องรพีพงษ์และอารียา มากสุดก็แค่ ลวนลามอารียา ต่อยรพีพงษ์สักยกก็แค่ นั้น”
ปรางทิพย์ถอนหายใจออกมา ยิ้มพลาง กล่าวว่า “นี่โอเคอยู่ ก็น่าจะให้พวกเขาเสีย เปรียบบ้าง จะได้ตื่นสักที”
โมไนยหัวเราะแล้วโอบเอวของปราง ทิพย์ไว้ อีกมือนึงก็แกว่งไปมาไม่หยุด
“คืนนี้คุณไม่ต้องกลับแล้ว ไปโรงแรมกับ ผมเถอะ”
ปรางทิพย์หน้าแดงขึ้นมาทันที แล้วกล่าว
“ไอ้หยา น่าเกลียด”
แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งคู่เดินไปที่
โรงแรมแถวนั้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ