แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่161 จดหมายที่พ่อทิ้งไว้



บทที่161 จดหมายที่พ่อทิ้งไว้

ได้ยินคําพูดของโยษิตา รฟ์พงษ์อึ้งไปสักพัก เขา เข้าใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มาก ด้วยความหยิ่ง ทะนงของเธอ แม้จะทําความผิด ไม่เคยจะขอโทษ ใคร

ดังนั้นเมื่อโยษิตาบอกว่าต้องการจะขอโทษตนเอง ทำให้รพีพงษ์รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย

“มีจุดหมายอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่จําเป็นต้องเส แสร้งขนาดนี้ คุณเป็นคนแบบไหน ผมรู้ดีทุกอย่าง” รพีพงษ์กล่าว

ใบหน้าโยษิตาแสดงออกถึงความเสียใจ แล้วกล่าว ว่า “รพีพงษ์ ฉันรู้ว่าในใจของแกเต็มไปด้วยความ เกลียดชังฉัน แต่หลังจากครั้งนั้นแล้ว ฉันคิดทบทวน อย่างมาก และได้รู้ถึงความผิดของตนเอง ฉันเลย อยากที่จะขอโทษแกจริงๆจากใจ”

แต่สังเกตจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ฉันพบ ว่าการที่จะพาแกกลับไปเกียวโตนั้น ซึ่งการให้ผล ประโยชน์กับแกก็ดีหรือใช้วิธีอย่างอื่นกับแกก็ดี ใช้ไม่ได้ผลอย่างสิ้นเชิง แบบนี้มีแต่จะเพิ่มความไม่ พอใจของแก เท่านั้น

“เรื่องราวเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฉันทำไม่ถูกต้อง ดังนั้นฉัน ขอโทษแก่ตรงนี้ หวังว่าแกจะให้อภัยฉัน”

ท่าทีของโยษิตาดูจริงใจพอสมควร ดูจากลักษณะ แล้วเหมือนว่าจะกลับตัวกลับใจแล้วอย่างใดอย่างนั้น

“เหอะเหอะ ผมไม่ได้อยากจะรับคําขอโทษจากคุณ แล้วก็ไม่เชื่อด้วยว่าครั้งที่แล้วหลังจากที่ผมตบคุณ ไปหนึ่งครั้ง น คุณจะไม่เก็บไปใส่ใจ โยษิตา ความ เลวทรามของคุณผมก็เจอมาแล้ว คุณไม่ต้องมา แสดงละครกับผมตรงนี้” รพีพงษ์กล่าว

แต่ไหนแต่ไรรพีพงษ์ก็ไม่เคยคิดที่จะเชื่อในคำพูด ของโยษิตาแต่อย่างใด แผนการชั่วร้ายของผู้หญิง คนนี้คนธรรมดายากที่จะเข้าถึง หากเชื่อแบบปิดหู ปิดตาล่ะก็ มีแต่จะหาเรื่องให้ตัวเองเท่านั้น

โยษิตาไม่โกรธ แต่ความรู้สึกที่ทรมานบนใบหน้า ยิ่งมีมากขึ้น เธอขมวดคิ้วอย่างหนัก หากเป็นคนอื่น เกรงว่าจะได้รับการให้อภัยไปนานแล้ว
“รพีพงษ์ ไม่ว่าแกจะยกโทษให้ฉันหรือไม่ ฉันก็หวัง ว่าแกจะกลับไปเกียวโตกับฉัน อาการไม่สบาย ขณะนี้ของแม่แกเริ่มหนักขึ้น กลัวว่าจะอยู่ต่อได้อีก ไม่นาน หรือแกไม่มีความรู้สึกต่อเธอแม้สักครึ่งเลย หรอ?” โย ตากล่าวอีก

รพีพงษ์ปืนปากแล้วปืนปากอีก แล้วกล่าว “เริ่มจาก ในปีนั้นตอนที่เธอและคุณร่วมมือกันไล่ผมออกจาก ตระกูลลัดดาวัลย์ ผมและเธอก็ไม่มีสายสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันอีก”

โยษิตากัดปากแล้วกัดปากอีก แล้วกล่าวต่อว่า “งั้น ถ้าฉันบอกแกว่า กลับไปครั้งนี้ แม่แกจะบอกคุณ เกี่ยวกับเรื่องบางอย่างของพ่อแกล่ะ?”

แต่เดิมนั้นรพีพงษ์มีลักษณะที่เฉยๆ แต่เมื่อได้ยิน โยษิตากล่าวถึงพ่อของเขา เขาก็นั่งตัวตรงขึ้นทันที

คุณพูดอะไร? มีข่าวคราวของพ่อผมแล้วหรอ?” ดวงตาทั้งสองของรพีพงษ์กำลังเพ่งไปที่โยษิตา น้ำ เสียงเร่งรีบ

ตอนนี้เขาอาจจะไม่สนเรื่องแม่ที่ป่วยคนนั้นที่เกี่ยว โต แต่ถ้าเกี่ยวกับฟอของตน เขาสนใจเป็นอย่างมาก

ในปีนั้นฟอเขาหายไปอย่างลึกลับพอดี โยษิตาและ แม่ของรพีพงษ์จึงมีโอกาสยึดอำนาจของตระกูลสัต ดาวัลย์ ไม่งั้นรพีพงษ์ก็คงไม่โดนไล่ออกจากตระกูล ลัดดาวัลย์

ตอนแรกที่พ่อของรพีพงษ์ยังอยู่นั้น ปกป้องรพีพงษ์ อย่างดี ไม่ว่าอะไร ก็จะให้เขาดีที่สุดเสมอ

แล้วก็ด้วยเหตุผลที่พ่อปกป้องเขาดีเกินไป ปีนั้นที่ โยษิตาวางแผนจะไล่เขาออกไปนั้น เขาไม่ได้เตรียม ตัวเตรียมใจใดๆไว้เลย เขาถูกเล่นงานอย่างไม่มีชิ้น

หลายปีที่อยู่เมืองริเวอร์อย่างอดทนอดกลั้นนี้ ทําให้นิสัยของรพีพงษ์เปลี่ยนไปเป็นเยือกเย็นอย่าง ปัจจุบันนี้

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา รพีพงษ์ตรวจหาเบาะแสใน การหายตัวไปของพ่อเขาตลอดมา เขาไม่เชื่อว่า หัวหน้าครอบครัวตระกูลลัดดาวัลย์ จะหายตัวไป อย่างลึกลับ อีกทั้งดูจากความสามารถของพ่อเขา ด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าจะเสียชีวิตง่ายดายขนาดนี้
หากพ่อของรพีพงษ์เสียชีวิตแล้วจริงๆ ผู้ที่สามารถ ทำเรื่องแบบนี้ได้ ก็คงมีก็แต่แม่ของรพีพงษ์เท่านั้น

ถึงแม้มีความสามารถมาก ก็ไม่สามารถต้านทาน ความเลวร้ายของคนรอบข้างได้ แม่ของรพีพงษ์ เพียงแค่วางยาลงไปในอาการเท่านั้น ก็สามารถปริ ชีพของฟอรพีพงษ์ได้อย่างง่ายดาย

รพีพงษ์ไม่ใช่ไม่เคยนึกถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ หลังจากพ่อเขาหายไปไม่นาน แม่ของเขากับโยษิตา ก็วางแผนสมมุติว่าเขาจะฆ่าแม่เพื่อยึดอำนาจ

ดังนั้นรพีพงษ์คิดว่าการหายไปของพ่อเขา ต้องมี ความเกี่ยวข้องกับแม่ของเขาและโยษิตาเป็นแน่

แต่ระหว่างการสืบสวนในช่วงหลายปีมานี้ กลับไม่มี หลักฐานอันใดที่จะมาสนับสนุนได้เลยว่าแม่เขาเป็น คนฆ่า นี่เป็นจุดที่ทำให้รพีพงษ์สงสัยมากที่สุด

หากไม่ใช่เพราะไม่มีหลักฐาน เกรงว่าเมื่อสองปี ก่อนนั้นรพีพงษ์ ก็โดนไล่ฆ่าไปแล้ว

“ก่อนที่พ่อของแกจะหายตัวไป ความจริงแล้วได้ทิ้ง จดหมายไว้หนึ่งฉบับ เนื้อหาในจดหมายนี้มีเพียงแม่ของแกที่ได้อ่านแล้ว เมื่อวานฉันเล่าเรื่องของแก ให้เธอฟัง ไม่ว่ายังไงแกก็ไม่กลับไปกับฉัน เธอจึงได้ พูดเรื่องจดหมายนี้ออกมา

“อาการไข้ของแม่แกอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว จดหมาย ฉบับนี้มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าอยู่ไหน หากแกอยาก อ่านจดหมายฉบับนี้ ก็ต้องกลับเกียวโตกับฉัน

โยษิตากำลังเพ่งมองรพีพงษ์แล้วกล่าว

รพีพงษ์ ขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก ไม่คาดคิดว่าปีนั้น ก่อนที่พ่อเขาจะหายตัวไป ยังทิ้งจดหมายเอาไว้อีก หนึ่งฉบับจริงๆ

“ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณกำลังหลอกผมอยู่หรือเปล่า? เกรงว่านี่จะเป็นแค่เพียงตัวล่ออย่างหนึ่งให้ผมกลับ ไปเท่านั้น ผมถึงขั้นสงสัย ว่าการหายตัวไปของพ่อ ผมนั้น จะเกี่ยวข้องกับพวกคุณด้วย” รพีพงษ์พูด อย่างเสียงต่ำ

โยษิตาหัวเราะหนึ่งครั้ง แล้วกล่าวว่า “ในปีนั้นตอน ที่พ่อแกอยู่ในตระกูลลัดดาวัลย์มีภาพพจน์เป็น อย่างไรแกน่าจะรู้ดีที่สุด แล้วจากความสามารถของเขา บวกกับการครอบๆตัวเขาเหล่านั้นอีก ถึงแม้ ฉันกับพี่สาวจะมีวิชาค้ำฟ้า ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไร เขาได้เลยนะ”

“งั้นถ้าพวกคุณวางยาพิษล่ะ? แบบนี้ถึงแม้เป็นผู้ที่มี ความสามารถมากมายขนาดไหน เกรงว่าก็ต้องโดน อยู่ดีไหม?” รพีพงษ์ถาม

“ในปีนั้นเมื่อตอนแกสิบห้าปี พ่อแกก็ได้แยกห้อง นอนกับพี่สาวแล้ว แล้วอาหารของพ่อแกก็มีคนที่ ทําให้โดยเฉพาะ พวกเราไม่มีแม้กระทั่งโอกาสใน การที่จะลงมือกับเขาเลยนะ” โยษิตากล่าว

รพีพงษ์คิดแล้วคิดอีก นึกออกว่าแท้ที่จริงแล้ว อ ของเขากับแม่ได้แยกกันนอนมาตั้งนานแล้ว ถึงแม้ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่จริง

“ตอนนี้แม่ของแกกำลังไม่สบายหนัก ตระกูลลัด ดาวัลย์ต้องการผู้นำ บางทีแกอาจจะคิดว่าฉันโลก อยากได้ตำแหน่งนี้ แต่เฝ้ามองพี่สาวในช่วงหลายปี มานี้เพราะเรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์ทำให้ร่างกาย ทรุดลงไป ฉันจึงไม่มีความรู้สึกใดๆกับตำแหน่งนี้อีก ต่อไปตอนนี้ฉันไม่มีความจําเป็นใดๆที่จะต้องโกหกแก ” ทั้งนั้น ถ้าพวกเราอยากทำอะไรแกจริงๆ เพียงแค่จัด นักฆ่าฝีมือดีของตระกูลสัตดาวัลย์สักกี่คนก็ได้แล้ว ทําไมต้องทําอะไรเหนื่อยยากขนาดนี้

โย ต าอธิบายอย่างอดทน

รพีพงษ์รู้สึกว่าคำพูดของเธอไม่ใช่ว่าจะไม่มี เหตุผล แต่แค่รู้สึกตลอดเวลาว่ามันมีบางอย่างที่ แปลกๆ แต่ก็คิดไม่ออกว่าตรงไหนที่มันไม่ชอบมาพา กล

“ถ้าผมกลับไปกับคุณ ก็จะสามารถดูจดหมายนั้น ได้?” รพีพงษ์กล่าว

“ไม่เลว หากหลังจากกลับไปแล้วแกคิดว่าจดหมาย นั้นปลอม ก็กลับมาได้เลย ตามความสามารถแก ตอนนี้ น่าจะไม่กลัวพวกการ์ดของตระกูลลัดดาวัลย์ แล้วล่ะมั้ง?” โยษิตากล่าว

รพีพงษ์เริ่มลังเล ในเรื่องจดหมายที่พูดมาทั้งหมด ของโยษิตา เขาก็สนใจมันอยู่

ช่วงหลายปีมานี้เขาค้นหาการหายตัวไปของพ่อมาโดยตลอด แม้จะมีเพียงหลักฐานเล็กน้อย ก็ไม่ อยากที่จะพลาดมันไป

“ฉันกลับไปช้าสุดได้เมื่อไหร่?” รพีพงษ์ถาม

ได้ยินคำถามนี้ของรพีพงษ์ ดวงตาของโยษิตาลุก วาว นี่เขาตอบรับในการกลับเกียวโตแล้ว

“ร่างกายของพี่สาวอดทนได้มากสุดหนึ่งเดือน ขีด เส้นตายสุดท้ายไว้ที่ หลังจากหนึ่งเดือน” โยษิตา กล่าว

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แล้วกล่าว “งั้น ผมจะกลับไปกับคุณสักครั้ง หากพวกคุณหลอกผม ล่ะก็ ถึงแม้เป็นตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต ผมก็ จะให้พวกคุณได้ลิ้มลองรสชาติของความเสียใจ

โยษิตากล่าวอย่างหนักแน่น “ฉันคงไม่โง่ขนาดเอา เรื่องแบบนี้มาล้อเล่นหรอก”

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ยืนขึ้น ตอนนี้เขาคิดอะไร บางอย่างออก แล้วกล่าว “ถ้าคุณมีเวลาให้ไปเอา ของที่ตาสีทองมอบให้กับตระกูลฉัตรมงคลในตอน แรกนั้นกลับมาด้วย ของโบราณพวกนั้นอยู่ในมือของตระกูลฉัตรมงคล ก็มีแต่เสียดายของ”

โบ กาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แล้วกล่าว ไม่มี ปัญหา”

จากนั้นรพีพงษ์ก็ออกไปจากโรงแรมซินหล่อเฮาส์

หลังจากรพีพงษ์ออกไปไม่นาน โยษิตาที่นั่งอยู่ที่ โต๊ะดื่มกาแฟไปหนึ่งอีก ใบหน้าสะท้อนรอยยิ้มเจ้า เล่ห์ออกมาก

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรออก

“พี่สาว ตารพีพงษ์นั่นติดกับดักแล้ว หลังจากหนึ่ง เดือน ก็จะกลับไปกับฉัน

เสียงตื่นเต้นจากอีกฝั่งของโทรศัพท์กล่าวขึ้นมาว่า “ดีมากเลย แบบนี้จักรพันธ์ของฉันก็มีหวังแล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ