บทที่ 502 แกไม่รู้ว่าฉันเป็นใครเหรอ
บทที่ 502 แกไม่รู้ว่าฉันเป็นใครเหรอ
“ให้ตายเหอะ สั่งสอนให้โง่นี่ให้หนักเลยนะ กล้ามาแอบอ้างว่า เป็นพ่อตาของรพีพงษ์ ไม่เจียมกะลาหัวบ้าง รพิพงษ์เป็นนาย ใหญ่แห่งตระกูลลัดดาวัลย์เชียวนะ พ่อตาของรพีพงษ์ต้องเป็น คนที่สูงส่งสิ จะเป็นขอทานตัวเหม็นหึงแบบแกได้ยังไง!
นักเลงที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเตะศักดาไปหนึ่งที จากนั้นจึงก่นด่า ออกมา
“ฉะ ฉันเป็นพ่อตาของรพีพงษ์จริงๆ พวกนายรีบปล่อยฉันนะ ถ้ารพิพงษ์รู้เรื่องนี้ เขาไม่ปล่อยพวกนายไปแน่ เขาต้องจัดการ พวกนายแทนฉันแน่นอน!” ศักดายกมือขึ้นมากันไว้ที่ใบหน้า ของตัวเอง แล้วตะโกนใส่นักเลงพวกนั้น
หัวหน้านักเลงแสยะยิ้ม แล้วพูดว่า “เลิกตอแหล ฉันจะบอก ให้นะ แก๊งกุเร็นของพวกเราเป็นของพี่รพีพงษ์ เขาคือลูกพี่ของ พวกเรา ถ้าแกเป็นพ่อตาของพี่รพีพงษ์จริง ทำไมพวกเราจะ ไม่รู้ล่ะ”
“พวกนายพาฉันไปเจอรพีพงษ์สิ ขอแค่ฉันเจอเขา เรื่องนี้จะ ได้กระจ่าง” ศักดารีบพูด
หัวหน้านักเลงตบที่หน้าของศักดา แล้วก่นด่าออกมาว่า “คิด ว่าฉันไม่รู้เหรอว่าแกจะทำอะไร แกคิดว่าพี่รพีพงษ์เป็นใครถึงจะเจอเขาได้ตามอำเภอใจ แกอย่ามาทําเป็นมีความ เกี่ยวข้องกับ รพีพงษ์ พวกฉันไม่ตกหลุมพรางของแกหรอก ถ้าวันนี้แกเอาเงินสองหมื่นมาให้ฉันไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะออก ไปจากที่นี่!”
“ลูกพี่ ไอ้นี่คงไม่ได้หนีออกจากโรงพยาบาลประสาทใช่ไหม เห็นมันใส่เสื้อขาดๆ แถมยังแอบอ้างว่าเป็นพ่อของภรรยาพีรพี พงษ์ มันจะเอาเงินสองหมื่นมาได้เหรอพี่” นักเลงที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาถาม
คนที่เป็นหัวหน้าจ้องเขม็ง แล้วพูดว่า “มันมีเท่าไรก็เอาเท่านั้น แต่วันนี้เราต้องได้เงิน ถ้ามันเอาเงินมาให้เราไม่ได้ เราก็หักขา มัน!”
ศักดามีสีหน้าสิ้นหวัง ตอนนี้เขาไม่มีเงินสักบาท หลังจากที่ เขาโดนศศินัดดาไล่ออกจากบ้าน เขาก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านอีก เลย เขาใช้เงินที่เหลือติดตัวดำรงชีวิตอยู่ในเมืองริเวอร์ไม่กี่วัน
เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่าจะกลับบ้าน แต่เมื่อคิดถึงใบหน้าอัน ดุร้ายของศศินัดดา เขาก็กลัวขึ้นมา ตอนนี้เขาเป็นศัตรูกับศศิ นัดดาอย่างเปิดเผยแล้ว ถ้าเขากลับไปอย่างอ่อนแอ ศศินัดดา ต้องจัดการเขาอย่างสาหัสแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงวางแผนไปหารพีพงษ์ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นพ่อตา ของรพีพงษ์ รพีพงษ์คงไม่ทอดทิ้งให้เขาอดยาก แต่ต่อมาเมื่อ เขาไปถามว่ารพีพงษ์อยู่ที่ไหน ก็พบว่ารพีพงษ์ได้ออกจาก เมืองริเวอร์ไปแล้ว
เขาคิดหน้าคิดหลัง สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจมาหารพีพงษ์ที่ เกียวโต ถึงเขาจะต้องจากบ้านเกิดที่ใช้ชีวิตอยู่มาหลายปี แต่ ก็ยังดีกว่าต้องเจอผู้หญิงหน้าตาดุร้ายอย่างศศินัดดา
เขาก็เลยใช้เงินก้อนสุดท้ายที่มีติดตัว ซื้อตั๋วรถไฟมาเกียวโต เขามาเมืองที่ไม่รู้จักเพียงคนเดียว ส่วนมือถือเขาขายมันแลก ข้าวไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีช่องทางติดต่อรพีพงษ์ พอดีกับตอนนี้ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้โครงการแผนฟื้นฟูเมือง เก่า จนเป็นที่โด่งดัง ศักดาได้ยินคนพูดกัน ทำให้เขามีความ หวังขึ้นมา
แต่ทว่าเขายังไม่รู้ว่าจะไปหารพีพงษ์อย่างไร เขาไปคฤหาสน์ ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์มาสองสามครั้ง แต่ที่นั่นมีแต่คนส่งของ ไปให้อย่างไม่ขาดสาย คนที่ต้อนรับอยู่หน้าประตูจึงไม่มีเวลา มาสนใจเขา เขามีสารรูปเช่นนี้ คนที่นั่นไม่ไล่เขาออกมาก็ดีแค่ ไหนแล้ว
ในตอนนั้นเอง ศักดาได้ยินชื่อแก๊งกุเร็น ว่ากันว่าแก๊งนี้เป็น แก๊งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรพีพงษ์ ศักดาคิดว่าถ้าเจอ คนในแก๊งนี้ ก็น่าจะเจอรพีพงษ์
เขาเจอแก๊งนักเลงนี้ และพูดกับพวกนั้นว่าเขาคือพ่อตาของ รพีพงษ์ ให้พวกนั้นพาเขาไปเจอรพีพงษ์
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่คนพวกนั้นได้ยิน เขาบอกว่าตัวเองเป็นพ่อตาของรพีพงษ์ คนพวกนั้นพาเขา เข้ามารุมเตะต่อยในซอยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่ว่าเขาจะ อธิบายยังไง คนพวกนั้นก็ไม่เชื่อแม้แต่น้อย
“พวกนายปล่อยฉันเถอะ ขอร้องล่ะ พวกนายพาฉันไปเจอ รพีพงษ์หน่อย ถ้าเจอรพีพงษ์ เขาต้องให้เงินพวกนายแน่นอน ศักดาโดนรุมซ้อมจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
“ไสหัวไป คนอย่างรพีพงษ์ไม่ใช่คนที่คนโง่ๆ แบบแกจะเจอ ได้ แกรีบคิดว่าในตัวแกมีของมีค่าอะไรบ้าง เอาออกมาเดี่ยว
หัวหน้านักเลงตะโกนใส่ศักดา เขาแอบคิดในใจว่า ถ้าเขา สามารถเจอรพีพงษ์ได้จริงๆ เขาจะมาขอเงินจากคนอื่นเหรอ แก๊งกุเร็นอะไรนี่ก็แค่แอบอ้างอำนาจของรพีพงษ์มาตั้งเป็นกลุ่ม เท่านั้น
ช่วงนี้ชื่อเสียงของรพีพงษ์ดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองเกียวโต คน จำนวนมากแอบอ้างชื่อเสียงของรพีพงษ์มาทำเป็นอวดเก่ง
หัวหน้านักเลงยกมือขึ้นอีกครั้ง เขากำลังจะตบไปที่หน้าของ ศักดา ขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนใครมาแตะไหล่ จึงหันไป มอง
เขาเห็นคนแปลกหน้า ดูไปแล้วก็ปกติไม่มีอะไรน่าประหลาด ใจ เสื้อผ้าที่ใส่ก็ทั่วไป ไม่รู้เหมือนกันว่าโผล่มาจากไหน
“แกเป็นใครวะ” หัวหน้านักเลงตะโกนใส่รพีพงษ์
พวกคนที่กำลังเตะต่อยศักดาอยู่ก็หยุดลง จากนั้นจึงหันไป มองรพีพงษ์
“พวกนายไม่ใช่กลุ่มนักเลงของรพีพงษ์เหรอ” รพีพงษ์จ้อง นักเลงคนนั้นแล้วเอ่ยขึ้น
“ใช่ แก๊งกุเร็นเป็นแก๊งใหญ่ที่ก่อตั้งโดยรพีพงษ์ ฉันคือลูกน้อง อันดับหนึ่งของรพีพงษ์ แกจะถามไปทำไมวะ” หัวหน้านักเลง ถามด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“งั้นเหรอ งั้นนายไม่รู้ว่าฉันเป็นใครเหรอ” รพีพงษ์หัวเราะออก มา
ขณะนั้น กดาก็มองมาทางรพีพงษ์ หลังจากที่เขาเห็นว่าเป็น รพีพงษ์ เขามีสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก “รพีพงษ์ รีบมาช่วยฉัน เร็ว คนแก๊งนี้จะหักขาฉันแล้ว ฉันมาตั้งไกล ไม่ใช่เพราะอยาก มาโดนคนหักขาหรอกนะ”
รพีพงษ์มองศักดา แล้วพยักหน้าให้เขาวางใจ
เมื่อแก๊งนั้นได้ยินสิ่งที่ศักดาพูด ก็พากันเบิกตาโต แล้วมองไป ยังรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
หัวหน้าแก๊งตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบพูดออกมาว่า “แกเรียก มันว่าอะไรนะ”
“รพีพงษ์ไง เขาคือรพีพงษ์ พวกนายเป็นลูกน้องของรพีพงษ์ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่รู้จักเขาล่ะ” ศักดาเห็นรพีพงษ์มา เขาจึง พูดอย่างไม่กลัว
“พูดอะไรไร้สาระ!” หัวหน้าแก๊งด่าออกมา “พี่รพีพงษ์ของพวก เราสูงส่งไม่เหมือนใคร เขาเป็นคนที่เก่งเหนือมนุษย์ คนทั่วไป ใช่ว่าจะเจอเขาได้ง่ายๆ แกบอกว่าไอ้คนจนๆ นี่คือรพีพงษ์เห รอ แกหลอกใครอยู่เหรอ”
จู่ๆ รพีพงษ์กับศักดาถึงกับพูดไม่ออก พวกเขาคิดไม่ถึงว่าคน พวกนี้จะพูดเสียใหญ่โต
“ฉันคือรพีพงษ์ เขาเป็นพ่อตาของฉัน พวกนายใช้ชื่อของฉัน มาอวดเก่งข้างนอก รู้ไหมว่าจะเจออะไร” รพีพงษ์ถามด้วยน้ำ
เสียงเย็นชา
หัวหน้าแก๊งมองรพีพงษ์แล้วแสยะยิ้มออกมา “ยังจะตอแหล อีก นี่พวกเรา ไอ้หมอนี่มันบอกว่าตัวเองคือรพีพงษ์ พวกนาย เชื่อหรือเปล่า”
“ลูกพี่ อย่ามาล้อเล่นน่า พีรพีพงษ์เป็นถึงระดับตำนานเชียวนะ ถึงจะไม่ใช่คนที่เก่งเหนือมนุษย์ แต่ก็นับว่าใกล้เคียง จะเป็นไอ้ คนจนๆ แบบนี้ได้อย่างไร”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า น่าขำจริงๆ คนจนๆ มาแอบอ้างว่าเป็นรพีพงษ์ ช่วง นี้คนอวดดีมันเยอะขึ้นทุกวัน”
“ผมว่า พวกเราเอามันมาจัดการด้วยเลยดีกว่า ไม่แน่เราอาจจะได้เงินจากมันสักหน่อย ดีกว่ามาฟังมันพูดไร้สาระ”
หัวหน้าแก๊งหรี่ตาลงแล้วจ้องไปที่รพีพงษ์ “ไอ้เด็กน้อย แกก็ เห็นจุดจบของไอ้แก่นั่นแล้วนิ เห็นแล้วก็รีบเอาเงินที่มีอยู่ออก มาให้ฉัน ไม่งั้นจุดจบของแกจะน่าสังเวชกว่าไอ้แก่นั่น!”
พูดพลาง หัวหน้าแก๊งก็กำหมัดขึ้นมา ราวกับโชว์พละกำลัง ของตัวเองให้รพีพงษ์เห็น
รพีพงษ์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ จากนั้นเขาก็ยื่นมือเข้าไปหา หัวหน้าแก๊งคนนั้น “ทนหน่อยนะ”
พูดจบ เขาก็เอามือจับไปที่แขนของหัวหน้าแก๊งคนนั้น เขาใช้ แรงเหวี่ยงตัวของมันลงกับพื้นอย่างแรง
พวกที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาเห็นดังนั้นก็ถึงกับตกใจ และจะรีบ เข้ามาทำร้ายรพีพงษ์
แต่เสียดายที่ฝีมือของพวกมันเทียบกับรพีพงษ์ไม่ได้แม้แต่ น้อย ใช้เวลาเพียงไม่นาน นักเลงพวกนั้นก็ลงไปนอนกองกับ พื้น
ศักดาลุกขึ้นจากพื้น เขามองนักเลงที่นอนอยู่บนพื้นอย่าง สะใจ จากนั้นจึงพูดว่า “พวกนายเก่งไม่ใช่เหรอ ทำไมรพีพงษ์ เพียงคนเดียวถึงจัดการพวกนายทั้งแก๊งได้ล่ะ พูดอวดเก่งอีก
พวกนักเลงนอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน พวกมันมอง รพีพงษ์อย่างหวาดกลัว
หัวหน้าแก๊งกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น มันตะโกนใส่รพีพงษ์ว่า “กะ แกอย่าคิดว่าตัวเองสู้พวกเราได้แล้วมันจะจบนะ แก๊งกุเร็นของ พวกเราไม่ได้มีแค่นี้ เมื่อถึงตอนนั้นเหล่าพี่น้องของแก๊งเราจะ มาที่นี่ และทําให้แกได้สํานึก!”
รพีพงษ์ได้ยินที่มันพูดก็แบะปาก แล้วหยิบมือถือออกมาโทร หาใครบางคน
ไม่ถึงห้านาที รถเก๋งสีดำเจ็ดแปดคันก็มาจอดอยู่ข้างซอย กลุ่มชายที่สวมสูทสีดำลงมาจากรถ พวกเขาสวมแว่นดำ ดู แล้วเหมือนคนที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
หัวหน้าแก๊งยังคงพูดอวดความเก่งกาจของแก๊งกุเร็นให้รพี พงษ์ฟัง และให้รพีพงษ์รีบขอโทษเขา
เมื่อเห็นกลุ่มชายสวมสูทสีดำเดินเข้ามา จู่ๆ เขาก็อึ้งไป
กลุ่มชายที่สวมสูทยืนอยู่ที่ต้นซอย พวกเขายืนแยกเป็นสอง แถว โค้งให้รพีพงษ์อย่างนอบน้อมแล้วพูดอย่างพร้อมเพรียงว่า “นายใหญ่!”
รพีพงษ์พยักหน้าให้คนพวกนั้น แล้วหันไปยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับกลุ่มนักเลงที่อยู่ข้างหลัง
หัวหน้าแก๊งตัวสั่นเทิ้ม เขาชี้นิ้วไปยังคนพวกนั้นแล้วพูดเสียง สั่นระรัวว่า “นะ นายคือรพีพงษ์จริงเหรอ”
“นายคิดว่าไงล่ะ” รพีพงษ์ย้อนถาม
ขณะนั้นเองคนในแก๊งก็รู้ทันทีว่าพวกเขาไปยั่วโมโหใครเข้า ให้แล้ว พวกนั้นตกใจจนพูดร้องขอชีวิตกับรพีพงษ์
คนที่เป็นหัวหน้าแก๊งถึงกับคุกเข่าลงต่อหน้ารพีพงษ์ แล้วก้ม หัวให้เขา
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคนพวกนั้น เขาหันไปพูดกับ นักสู้ของตระกูลลัดดาวัลย์ว่า “คนพวกนี้แอบอ้างใช้ชื่อเสียง ของฉันมาทำตัวอวดดีข้างนอก ช่วยฉันจัดการด้วย ข้างนอก คงจะมีคนที่ทําแบบนี้อีกเยอะ ฉันให้เวลาพวกนายภายในสาม วัน ต่อไปห้ามเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในเกียวโตอีก”
“ครับ!” กลุ่มคนเหล่านั้นพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง จนทำให้ แก๊งนักเลงตกใจถึงขั้นสุด
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ