บทที่ 288 เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของรพีพงษ์
บทที่ 288 เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของรพีพงษ์
ทุกคนพากันมองนายหญิงฝนทิพย์กับมนาคม คุกเข่าอยู่บน พื้นด้วยความหดหู่ เดิมวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของนายหญิง ฝนทิพย์ ทุกคนได้ยินว่าท่านนพลจะมาก็พากันนึกว่าตระกูล รัตนชัยนันท์จะได้ยกฐานะ
แต่ในพริบตาเดียวสองแม่ลูกกลับไปนั่งขอชีวิตอยู่บนพื้น เรื่องที่กลับตาลปัตรแบบนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับพวกเขา แต่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวไปด้วย
นฤพลมองนายหญิงฝนทิพย์กับฆนาคมแล้วพูดว่า “อ้อนวอน กับฉันมันไม่ได้ผลหรอก ขอโทษสองคนนั้นซะ”
นายหญิงฝนทิพย์กับมนาคมสีหน้าไม่เต็มใจ แต่เพราะนฤพล กดดัน ถ้าพวกเขาไม่ทำ ผ่านวันนี้ไปตระกูลรัตนชัยนันท์คงจะ หายไปจากเมืองกรีนโคล
“ลิตา สองสามปีที่ผ่านมาเป็นความผิดของแม่เอง แม่ขอโทษ แม่ไม่ควรทํากับลูกขนาดนี้ ลูกก็เป็นลูกของแม่เหมือนกัน แม่ ทําหน้าที่แม่ไม่ดีพอ จนทำให้ลูกเสียใจ ลูกเห็นแก่ที่แม่เลี้ยง ลูกมา ให้อภัยแม่เถอะ”
นายหญิงฝนทิพย์มองบุญสิตาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
จู่ๆ นํ้าตาของบุญสิตาก็ไหลออกมา เธอรอคอยคําขอโทษ ของแม่มาหลายปี ไม่ว่าแม่จะตั้งใจพูดมันออกมาหรือไม่ ขอ แค่เธอยอมขอโทษ สําหรับบุญสิตามินนคือการคลายปมในใจ แล้ว
ตอนนี้ธฤตญาณสามารถฆ่านายหญิงฝนทิพย์ได้ ถึงนาย หญิงฝนทิพย์จะไม่ดีกับเธอยังไง แต่เธอก็ยังเป็นแม่ของบุญ สิตา ดังนั้นคำขอโทษนี้ถือเป็นบทลงโทษให้กับคุณหญิงฝน ทิพย์แล้ว
*ธฤตญาณ ฉันก็ขอโทษนายเหมือนกัน ที่ฉันวางแผน ก หลังนายในปีนั้น ฉันอยากใช้อำนาจของนายมาทำให้ตระกูล แข็งแกร่ง ฉันสับสนและคิดน้อยไป ฉันไม่ควรทําแบบนั้น นาย ให้อภัยฉันเถอะ นายให้ท่านนฤพลไว้ชีวิตตระกูลเราเถอะ ฉัน จะคืนทุกอย่างที่แย่งมาจากนาย
นายหญิงฝนทิพย์มีสีหน้าไม่สู้ดี พูดพลางเอามือตบหน้าตัว
เอง
บุญสิตากับธฤตญาณเห็นเธอขอโทษจากใจจริง ความโกรธ ในใจก็หายไปไม่น้อย
“คุณสํานึกผิดคนเดียวยังไม่พอ ฆนาคมนายจะสํานึกผิดไหม ธฤตญาณมองฆนาคมแล้วพูดขึ้น
นายหญิงฝนทิพย์เห็นฆนาคมเอาแต่คุกเข่า ไม่ยอมอ้า ปากขอโทษ จึงพูดด้วยสีหน้าร้อนรน “คม จะนิ่งอยู่ทําไม รีบ ขอโทษบุญสิตากับธฤตญาณ ”
มนาคมสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดว่า “ให้ผมขอโทษพวกมัน ผม พูดไม่ออกหรอก
ธฤตญาณแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าแกยังไม่สํานึกผิด สินะ”
“ธฤตญาณ ฉันอุตสาดุกเข่าให้แกแล้ว ยังไม่พอหรือไง ไม่ทํา เกินไปหน่อยเหรอ” มนาคมพูดอย่างไม่พอใจ
“หึหึ ฉันทำเกินไปเหรอ ปีนั้นฉันเกือบตายคามือแก วันนี้ฉัน ให้แกแค่ขอโทษ แกว่าทําเกินไป ฉันคงเมตตาแกมากเกินไป สินะ” ธฤตญาณเอ่ยขึ้น “ท่านนฤพลครับ ฆนาคมมันไม่สำนึก ผิด ถ้าฆ่ามันเลยคงจะง่ายไป สู้หักแขนหักขามันดีกว่า ให้มัน เป็นคนพิการไปทั้งชีวิต ลองดูสิถ้ามันนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ แล้ว มันจะสํานึกผิดไหม
นฤพลพยักหน้าแล้วตบมือ ร่างของคนสองคนพุ่งเข้าไปหาฆนาคม
“หักแขนหักขามัน” นฤพลพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สองคนนั้นรีบจับฆนาคมแล้วลากเขาไปด้านหลัง
นาคมคิดไม่ถึงว่าน พลจะไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย เขา ลนลานขึ้นมา คนที่มาจับเขาคือคนของตระกูลธนาพัชร์กุล ถ้า คนพวกนั้นอยากหักแขนหักขาของเขาต้องไม่ได้พูดเล่นแน่
“ยะ อย่า ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรทำ กับแกอย่างนั้น แกให้พวกมันปล่อยฉันสิ ฆนาคมสีหน้าเต็มไป ด้วยความตื่นตระหนก
ธฤตญาณแบะปากแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ฉันเพิ่งให้โอกาสแก แต่ แกไม่เห็นค่าของมันเอง อย่ามาว่าฉันไม่ไยดี
ตอนนี้ฆนาคมสำนึกว่าตัวเองโง่แค่ไหน แค่ขอโทษเรื่องก็จบ ไม่ต้องมาถูกหักแขนหักขา ถ้าเขามีโอกาสอีกครั้งเขาจะรีบขอ โทษธฤตญาณ แต่ทว่าไม่มีโอกาสเสียแล้ว
นายหญิงฝนทิพย์เห็นฆนาคมถูกคนของตระกูลธนาพัชร์กุล จับตัวเอาไว้ เธอมีสีหน้าตื่นตระหนก แต่เธอไม่กล้าพูดอะไร ตอนนี้เธอมีชีวิตรอดก็ดีแค่ไหนแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจไป สนเรื่องของมนาคมอีก
คนของตระกูลธนาพัชรไม่พูดพร่ำทำเพลง หักแขนหักขา ของฆนาคมด้วยวิธีสุดพิเศษ
เสียงร้องอันน่าสังเวชของฆนาคมดังทั่วสวนหลังบ้าน คน จํานวนไม่น้อยมองเขาอย่างเห็นใจ แต่คนจํานวนไม่น้อยก็เห็น ว่าเขารนหาที่เอง สมควรแล้ว
เมื่อเห็นฆนาคมโดนหักแขนหักขา ธฤตญาณสูดหายใจลึก ราวกับว่ายกฏเขาออกจากอก
สองสามปีที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองริเวอร์ เขาพยายามทุกวันที่ จะไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่เมืองกรีนโคล แต่ในความเป็นจริงเขา ไม่มีทางลืมมันได้เลย
นี่เป็นปมที่อยู่ในใจเขามาตลอด เขาบาดเจ็บสาหัสและตก อยู่ในสถานการณ์ยากลำบากจนคิดว่าชีวิตนี้ตัวเองคงจะทำได้ เพียงขายเครปและไม่มีโอกาสได้เจอบุญสิตาอีก
แต่ทว่าสวรรค์ยังมีความยุติธรรมให้เขาได้เจอกับรพีพงษ์ใน ตอนที่เขาสิ้นหวังที่สุด รพีพงษ์ไม่เพียงแค่รักษาแขนของเขา จนหาย อีกทั้งยังให้ที่ยืนกับเขาในเมืองริเวอร์ซึ่งไม่แตกต่างจากเมืองกรีนโคลเลยแม้แต่น้อย
วันนี้รพีพงษ์กับเขากลับมาแก้แค้น นายหญิงฝนทิพย์คุกเข่า ต่อหน้าเขา มนาคมถูกหักแขนหักขา ไอศูรย์ก็ตายไปแล้ว บาดแผลในใจของเขาก็ค่อยๆ หายไปตามสิ่งที่คนพวกนี้ได้รับ การลงโทษ
เขาซาบซึ้งในตัวรพีพงษ์มาก มันไม่ใช่เรื่องที่จะอธิบายได้ ง่ายๆ เขารู้เพียงว่าการที่เขามายืนที่นี่ในวันนี้ได้ก็เพราะได้รับ ความช่วยเหลือจากคนหนุ่มที่ดูธรรมดาๆ คนนั้น
“ในเมื่อเรื่องจบแล้ว ทีนี้ผมจะได้กลับไปช่วยคุณดูแลลูกน้อง ที่เมืองริเวอร์แล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ” ธฤตญาณหันไปมอง รพีพงษ์แล้วยิ้มออกมา
รพีพงษ์กระโดดลงมาจากนาฬิกาเรือนใหญ่แล้วเดินเข้าไป หาธฤตญาณ เขายิ้มให้บุญสิตา
บุญสิตามองรพีพงษ์ด้วยความซาบซึ้งแล้วพูดออกมาว่า “ขอบคุณค่ะ”
“ไปกันเถอะ” รพีพงษ์เดินนำออกไป นฤพล ธฤตญาณและ บุญสิตาเดินตามหลังไปเช่นกัน
ทุกคนมองรพีพงษ์ที่เดินนําหน้าออกไปด้วยความตกตะลึง ขนาดท่านนฤพลยังต้องเดินตามเขา ชายหนุ่มคนนั้นน่ากลัว แค่ไหนกันนะ
ขณะนั้นทุกคนต่างพากันเดาว่ารพีพงษ์เป็นใคร เรื่องที่เกิดใน งานเลี้ยงวันเกิดของนายหญิงฝนทิพย์เป็นข่าวใหญ่ในเมืองกรี นโคล
คนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างรพีพงษ์ไม่ได้สนใจความเห็นของ คนอื่น หลังจากที่เขาช่วยธฤตญาณแก้แค้นเรียบร้อย สิ่งต่อไป ที่เขาต้องทำคือช่วยให้นฤพลเอาชนะการแข่งโกะ
หลังจากที่บุญสิตากลับมา ธฤตญาณเอาแต่ขลุกอยู่กับเธอ แทบจะทุกวินาที รพีพงษ์จึงไม่อยากเข้าไปเป็นก้างขวางคอ ดังนั้นก่อนวันแข่ง รพีพงษ์จึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย
วันนี้ตอนบ่าย รพีพงษ์นอนอยู่ในห้อง เขารู้สึกขี้เกียจ ยังมี เวลาก่อนแข่งอีกหนึ่งวัน เมื่อไม่มีธฤตญาณอยู่ด้วย เขาจึงไม่รู้ จะทำอะไรดี
ขณะนั้นเองรวินท์เดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าในมือ
รพีพงษ์เห็นเธอเดินเข้ามาก็เบิกตาโต เด็กคนนี้ไม่เห็นว่าเขา เป็นแขกจริงๆ เหรอ
“คุณเข้ามาไม่เคาะประตูล่ะ?”
“นี่บ้านของฉัน ทําไมฉันต้องเคาะประตูด้วยล่ะ?” รวินท์ทำ หน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ช่วยฉันดูเร็วว่าเสื้อตัวไหนสวย
รพีพงษ์มองรวินท์อย่างเหนื่อยใจ ที่เธอพูดก็ไม่ผิด นี่คือบ้าน ของเธอ เธอจะเดินไปไหนก็ได้
รวินท์ถือชุดกี่เพ้ามาสองชุด เธอลองเทียบไปเทียบมาแล้ว ถามว่า “คุณว่าชุดไหนสวยกว่ากัน
รพีพงษ์ปรายตามองแล้วพูดว่า “ตัวที่มีลายปักดอกไม้สีขาว ดูเรียบหรูและมีเสน่ห์
“โอ้ ฉันก็คิดว่าตัวนี้สวยเหมือนกัน ดูเหมือนว่ารสนิยมของ คุณกับฉันจะไม่ค่อยต่างกันนะ” รวินท์พูดด้วยสีหน้ามีความสุข
“เอ่อ ถ้าผมเลือกอีกตัว คุณก็คงจะพูดแบบนี้เหมือนกัน” รพี พงษ์พูดอย่างไม่อ้อมค้อม
รวินท์โกรธจนกระทืบเท้าฟีดฟัด แล้วพูดออกมาว่า “คุณ มัน ผู้ชายชื่อบื้อจริงๆ”
รพีพงษ์ยักไหล่ “ก็พูดความจริง”
รวินท์มีสีหน้าไม่พอใจแล้วพูดว่า “คุณรีบลุกขึ้นแล้วไปแต่งตัว เลย เดี๋ยวฉันจะไปเดินชอปปิงกับคุณ ฉันจะไปเปลี่ยนชุดละ
รพีพงษ์เบิกตาโต “ผมไม่เคยบอกว่าจะไปเดินชอปปิงกับคุณ นะ
“คุณเอาแต่นอนทั้งวัน คนโง่ดูออกเลยว่าคุณเบื่อ การที่ฉัน พาคุณออกไปชอปปิง ถือเป็นการให้เกียรติคุณมากแล้วนะ อย่ามาทําเป็นไม่รับความหวังดี” รวินท์เอ่ยขึ้น
รพีพงษ์ส่ายหน้าแล้วหัวเราะ แต่ว่าตอนนี้เขาก็เบื่อจริงๆ ไป ชอปปิงกับรวินท์ก็ไม่เห็นเป็นอะไร
“นอนนิ่งอยู่ทำไม รีบลุกขึ้นมาสิ ไปรอฉันข้างนอก ฉันจะ เปลี่ยนชุด” รวินท์เบิกตาโตมองรพีพงษ์
รพีพงษ์อึ้งไปแล้วพูดมา “ทำไมไม่กลับไปเปลี่ยนที่ห้องคุณ ล่ะ มาเปลี่ยนที่ห้องผมทำไม
“ฉันล็อกห้องแล้ว ทำไมฉันจะเปลี่ยนที่ห้องคุณไม่ได้ ทำไม คุณจะดูฉันเปลี่ยนชุดเหรอ งั้นก็ได้ แต่ว่าถ้าคุณดู คุณต้องรับผิดชอบฉันนะ ฉันไม่สนว่าคุณจะมีภรรยาแล้วหรือไม่
รวินท์พูดพลางยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อ หลังจากคืนนั้น รวิ นท์มีความกล้ามากขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ ถึงจะรู้ว่ารพี พงษ์มีภรรยาแล้ว แต่เธอก็อยากลองเชิงเขาดู
ในฐานะที่เป็นสาวงามที่เย็นชาในเมืองกรีนโคล คนที่จะดึงดูด ความสนใจของเธอได้มีน้อยมาก แต่ถ้าคนอย่างเธอเริ่มสนใจ ใครขึ้นมา เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก
รวินท์ปลดกระดุมได้ครึ่งหนึ่ง ไหล่สวยของเธอโผล่ออกมา เธอมองรพีพงษ์ด้วยสายตาขี้เล่น เธอเลียริมฝีปากแล้วพูดว่า “คุณแน่ใจเหรอว่าจะไม่ออกไป”
รพีพงษ์ลงมาจากเตียงอย่างหน่ายใจแล้วเดินออกไปข้าง
นอก
รวินท์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อกี้เธอใช้ความกล้า มากที่จะพูดคำนั้นออกไป ถ้ารพีพงษ์ไม่ออกไปจริงๆ คนที่ควร กลัวคงเป็นเธอ
ขณะนั้นเองเสียงของกระพันดังมาจากข้างนอก “รพีพงษ์ พ่อ มีเรื่องอยากคุยกับคุณแล้วก็พี่ด้วย
กระพันเดินเข้ามาเห็นรวินท์ปลดกระดุมออกครึ่งหนึ่งเผยให้ เห็นไหล่สวย ส่วนรพีพงษ์ก็กำลังลงจากเตียงแล้วเดินมายัง ประตู เหมือนเขากำลังเดินมาปิดประตู
“โอ้ พวกคุณ พัฒนากันเร็วเกินไปแล้วนะ” กระพันตบ หน้าอกตัวเอง “ไม่ได้ ผมต้องไปบอกพ่อ”
“กระพัน นายเข้าใจผิดแล้ว กลับมาเดี๋ยวนี้” รวินท์เห็นเช่นนั้น จึงรีบติดกระดุมให้เหมือนเดิม
กระพันยิ้มอย่างร้ายกาจ เขาไม่ฟังคำพูดของรวินท์ ไม่ว่ายัง ไงรวินท์ก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเขา จะให้เธอเอาเปรียบรพีพงษ์ ไม่ได้ ต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ ไม่งั้นรวินท์คงจะขายตัวเอง แล้วล่ะ นี่มันเสียหายต่อตระกูลเรามากเลยนะ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ