บทที่ 262 นางแม่มด
ระหว่างทางกลับดงเย็น
รพีพงษ์ อารียา ธีรศานติ์และจารุณี ทั้งสี่คนนั่งอยู่ บนรถฮัมเมอร์รุ่นพิเศษ รถคันนี้เป็นรถที่คนเตรียม ไว้หลังจากที่ธีรศานติ์มาถึงเมืองริเวอร์
หอการค้าสมน.มีอยู่ทุกทั่วประเทศ ถึงแม้พวกเขา จะไม่ได้มีมรดกล้ำค่าเหมือนตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ อิทธิพลด้านธุรกิจพวกเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร
อาจกล่าวได้ว่าตราบใดที่มีธุรกิจก็จะมีหอการค้า สมน.เพราะธุรกิจไปได้สวย หอการค้าสมน.จึงไม่ กลัวตระกูลลัดดาวัลย์
แต่ทว่าเศรษฐกิจหลักของเมืองริเวอร์อยู่ในกำมือ ของบริษัทซันบีบเบิล กรุ๊ป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยาก มาก หอการค้าสมน.จะเข้าถึงที่นี่ บวกกับเมืองริ เวอร์เป็นเมืองเล็ก ธีรศานติ์จึงไม่ได้ให้ความสำคัญ กับที่นี่ จึงทําให้หอการค้าสมน.ไม่ค่อยมีชื่อเสียงใน เมืองริเวอร์
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของหอการค้า สมน.ในเมืองริเวอร์ก็ไม่ควรมองข้าม อย่างน้อยก็ แข็งแกร่งกว่าบริษัทตระกูลฉัตรมงคลที่เข้ามาดูแล โครงการของบริษัท แป๊บเบิล กรุ๊ป เพราะฉะนั้น การเตรียมรถดีๆ ให้ธีรศานติ์จึงเป็นเรื่องง่าย
ขณะนั้นเองจารุณีมองทั้งสามคนด้วยความโกรธ ภาพนั้นเหมือนลูกแมวที่กำลังโกรธและหาท่าดุร้าย
เมื่อกี้เธอเถียงกับทั้งสามคนอยู่นาน การที่นอนด้วย กันไม่ได้หมายความว่าจะท้อง ธีรศานติ์อธิบายให้ เธอฟังว่าเป็นฉากในละครที่เขาจงใจถ่ายข้ามไป ใน ความเป็นจริงการที่จะท้องไม่ใช่เรื่องที่ง่ายขนาดนั้น อีกทั้งการนอนด้วยกันแค่คืนเดียวก็ไม่จำเป็นต้อง แต่งงานกับเขาด้วยเช่นกัน
แต่จารุณีไม่เชื่อคำพูดของธีรศานติ์ ให้ตายยังไง เธอก็จะตามรพีพงษ์ไป แล้วให้ธีรศานติ์กลับเกียวโต
ธีรศานติ์เหนื่อยใจ ทําได้เพียงบอกให้คนขับรถไป ส่งรพีพงษ์กับอารียา
ระหว่างทางธีรศานติ์รู้สึกผิดจึงอธิบายให้รพีพงษ์กับอารียาฟังว่าทำไมจารุณีถึงเป็นเช่นนี้
ภรรยาของธีรศานต์จากไปก่อนวัยอันควร ก่อนที่ ภรรยาของเขาจะจากไป ได้สั่งเสียให้เขาดูแลจา รุณีให้ดี นี่คือสิ่งที่เธอไม่สามารถปล่อยวางได้
ธีรศานติ์รักภรรยามาก จารุณีเป็นความคิดถึงเดียว ที่ภรรยาของเขาหลงเหลือไว้ให้ ดังนั้นเขาจึงดูแลจา รณีเหมือนสมบัติอันล้ำค่า
เขากลัวว่าโลกภายนอกจะทําร้ายจารุณี จึงซื้อ คฤหาสน์ให้จารุณีโดยเฉพาะ ให้เธอใช้ชีวิตอยู่ใน คฤหาสน์ตั้งแต่เล็กจนโต โดยไม่ให้ออกไปไหน
เมื่อเธอเริ่มโตขึ้น ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตในคฤหาสน์ มันไม่มีสีสันและน่าเบื่อ เธออยากออกไปเจอโลก ภายนอก แต่ธีรศานติ์ไม่อนุญาต เพราะฉะนั้นเธอจึง ทำได้เพียงแต่ดูทีวีอยู่ในคฤหาสน์
วันเวลาผ่านไป เธอคิดว่าเรื่องราวในละครมันมีอยู่ ในชีวิตจริง จนทําให้เธอเข้าใจว่าโลกภายนอกก็เป็น เช่นนี้
บวกกับการที่ธีรศานติ้งานยุ่งมาก ไม่มีเวลามาอยู่กับลูกสาว จึงไม่เห็นความผิดปกติของเธอ หลาย ครั้งที่จารุณี อคําพูดในละครโดยไม่สงสัยเลย แม้แต่น้อย
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจารุณีในวัยสิบเก้าปีถึงยัง ไร้เดียงสาขนาดนี้
ต่อมาจารุณีทนไม่ได้กับการใช้ชีวิตอันน่าเบื่อใน คฤหาสน์ เธอจึงเลือกหนีออกจากบ้าน จับพลัดจับ ผลูมาเจอกับจักรพันธ์ พอดีกับทีวีธราแอบหว่านล้อม อใจกรฤทธ์ จึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น
รพีพงษ์หนีออกมาในวันนั้น เดิมทีกรฤทธ์จะส่งจา รุณีไปให้วิธรา ใครจะไปรู้ว่าจะเจอรพีพงษ์กับประดิ พุทธิ์หนีออกมา เขาจึงทำได้เพียงขังจารุณีไว้ในรถ แล้วไปจัดการกับรพีพงษ์และประดิพุทธิ์
กรฤทธ์คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะแพ้รพีพงษ์ ยิ่งไปกว่า นั้นคือประดิพุทธิ์ไปขโมยรถและหนีไปกับรพีพงษ์ แถมรถคันนั้นเป็นรถของกรฤทธิ์
จับพลัดจับผลูรพีพงษ์พาจารุณีมาถึงเมืองริเวอร์ สุดท้ายก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น“ฉันไม่สน ไม่ว่าใครจะพูดยังไง หนูก็จะไปกับรฟี พงษ์” จารุณีเอ่ยขึ้น
“นี เขามีภรรยาแล้วนะ ตอนนี้กฎหมายให้มีแค่ผัว เดียวเมียเดียวนะ ถ้าลูกอยากมีความรัก ฟอจะหา คนที่เหมาะสมให้ลูก อย่าไปสร้างความวุ่นวายให้ร พงษ์เลย ไม่งั้นพี่สาวคนนี้จะโมโหนะ” ธีรศานต์เอ่ย ขึ้นด้วยความลําบากใจ
“ไม่เอา หนูต้องการรพีพงษ์ ไม่ชอบใครทั้งนั้น” จา รุณีพูดอย่างแน่วแน่ ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับรพีพงษ์ ทำให้เธอมีความรู้สึกพิเศษขึ้นมา เธอไม่เคยรู้สึก อย่างนี้มาก่อน ไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดจากการได้นอน เตียงเดียวกับรพีพงษ์ด้วย
ธีรศานติ์เหนื่อยใจ เขาคิดว่าหลังจากที่ส่งรพีพงษ์ กับอารียาถึงบ้านแล้ว ค่อยคิดวิธีพาจารุณีกลับเกี่ยว โต
กลางคฤหาสน์ดงเย็น
ศศินัดดากับศักดากำลังนั่งอยู่บนโซฟา คนที่นั่งอยู่ ตรงข้ามทั้งคู่เป็นชายที่มีผมหงอกแซมอยู่ เขาสวม ชุดเป็นทางการ มีเลขาสาวสวยยืนอยู่ข้างหลัง ชายคนนี้ อนดินทร์ เป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลาย องคลนัตตา เขารู้ว่าศศินัดดาอยู่ที่ดงเย็นจากการ ติดต่อเพื่อนเก่า จึงแวะมาเยี่ยม ติดตา
รพีพงษ์เพิ่งขับรถออกไป นคินทร์ก็มาถึงที่นี่พอดี ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนเก่ามาถึง ศศินัดดาคงจะนั่งแท็กซี่ ตามรพีพงษ์ไปแล้ว
“นัดดา คิดไม่ถึงว่าเธอจะอยู่ที่ดีๆ แบบนี้ ดูท่าว่า ลูกสาวกับลูกเขยของเธอคงจะมีหน้าที่การงานดี นคินทร์พูดแล้วยิ้มออกมา
นคินทร์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในบรรดาเพื่อนของศศิ นัดดา เขามีชื่อเสียงในเมืองริเวอร์ การที่เขาแวะมา เยี่ยมศศินัดดาในวันนี้ก็เพราะว่าศศินัดดาเริ่มมีหน้า มีตา เขาคิดว่าการที่เธอได้อยู่ที่ดงเย็น มันไม่ใช่ เรื่องธรรมดา จึงแวะมาสร้างความสัมพันธ์กับเธอ
“อย่าไปพูดถึงลูกเขยสาะนั่นเลย มีแต่ชื่อเสียใน เมืองริเวอร์ คฤหาสน์นี่เป็นเงินของลูกสาวฉันไม่ เกี่ยวกับไอ้สวะนั่นสักนิด” หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์โดน ไล่ออกมาจากตระกูลลัดดาวัลย์ ศศินัดดาก็ปฏิบัติ กับเขาเหมือนก่อน
พูดขนาดนี้ สองสามปีมานี้รพีพงษ์ไม่เอาไหนเลย ล่ะสิ ฉันคิดว่าพวกเธออยู่ที่ดีๆ ขนาดนี้ เพราะไอ้หนุ่ม นั่นกลับตัวกลับใจแล้วซะอีก” นคินทร์พูดแล้วขมวด
“ไอ้สวะแบบนั้นจะกลับตัวกลับใจได้ยังไง นอกจาก กินแล้วนอน มันก็ไม่มีอะไรดีแล้ว ช่วงนี้ยังบ้าระห่ำ มากด้วย มันไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาแล้ว เมื่อกี้มัน ยังให้ยัยเด็กนั่นผลักฉันด้วย เอาฉันเกือบจะหัก น่า โมโหมาก” ศศินัดดาพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วย ความหงุดหงิด
นคินทร์ได้ยินดังนั้นจึงเอามือตบโต๊ะ “มันบ้าไป แล้ว กล้าทำขนาดนี้ได้ยังไง ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ได้ ยังไง นัดดา เธอวางใจเถอะ เธอจัดการมันไม่ได้ ฉันจะช่วยเธอเอง สองสามปีมานี้ฉันมีหน้ามีตาใน เมืองริเวอร์ ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบหอการค้า สมน.สาขาเมืองริเวอร์ จัดการคนไร้ค่าแค่คนเดียว ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก
“หอการค้าสมน. ฉันได้ยินมาว่าหอการค้า สมน.เป็นกลุ่มที่มีอำนาจมากในเกียวโต คิดไม่ถึงว่า จะมีสาขาที่เมืองริเวอร์ งั้นตอนนี้นายก็เก่งมากเลย ล่ะสิ” คนที่อยู่อีกข้างอย่างศักดาอึ้งไป นคินทร์ มอย่างได้ใจ “ธรรมดา ไม่ถึงขนาดนั้น แน่นอนว่าสาขาเมืองริเวอร์เทียบกับเกียวโตไม่ได้ แต่เมื่อฉันมีปัญหาอะไร ก็ให้คนฝั่งเกียวโตมาช่วย ได้ เรื่องทั่วไป จัดการได้ง่ายอยู่แล้ว”
ศศินัดดาไม่รู้ว่าหอการค้าสมน.คืออะไร จึงเอ่ยถาม “หอการค้าสมน. คืออะไร ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยิน มาก่อน”
“คุณไม่สนใจเรื่องธุรกิจ คงไม่รู้ถึงอิทธิพลของหอ การค้าสมน. ในเกียวโตหอการค้าสมน.มีชื่อเสียง เทียบเท่ากับตระกูลลัดดาวัลย์’ นคินทร์พูดอธิบาย
ศศินัดดาตกใจแล้วพูดว่า “งั้นต้องมีอำนาจมาก ใน เมื่อตำแหน่งของนายสูงขนาดนี้ งั้นนายช่วยฉันสั่ง สอนยัยเด็กที่ผลักฉันหน่อยได้ไหม คิดแล้วก็โมโห เด็กขนาดนั้นกล้ามาลงไม้ลงมือกับฉัน”
“ไม่มีปัญหา ฉันล่ะไม่ชอบพวกเด็กวัยรุ่นที่ไม่ เคารพผู้ใหญ่ เธอวางใจเถอะ ถ้าพวกนั้นกลับมา ฉัน จะสั่งสอนพวกนั้นแทนเธอเอง กล้าลงไม้ลงมือกับ ผู้ใหญ่ บ้าไปแล้วจริงๆ”
ศศินัดดาหัวเราะออกมาทันที “งั้นรบกวนนายด้วยนะ
ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์และคนอื่นๆ มาถึงดงเย็น
ธีรศานต์จําเป็นต้องโทรไปที่เกียวโต เมื่อถึงหน้า
คฤหาสน์เขาจึงให้ทั้งสามคนเข้าไปก่อน
รพีพงษ์กับอารียาพาจารุณีเข้าไปในคฤหาสน์ ศศิ นัดดา ยังนั่งคุยกับนคินทร์เห็นรพีพงษ์กับจารุณี กลับมา ก็รีบลุกขึ้นทันที
“รพีพงษ์ ไอัสวะ แกไปหาอารี เพื่อให้อารชายแก สินะ แกอย่าคิดว่าการที่อารีกลับมาแล้วฉันจะปล่อย แกไว้นะ!” ศศินัดดาพูดลั่น “แล้วยังยัยเด็กนี่อีก แก ยังกล้ามาบ้านฉันอีกเหรอ แกผลักฉันตอนนั้นฉันยัง เจ็บไม่หาย แกรีบมาขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้น เรื่องนี้ไม่จบนะ!”
สีหน้าของอารียาเต็มไปด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าเกิด อะไรขึ้น เธอหันไปถามรพีพงษ์ เขาอธิบายให้เธอฟัง คร่าวๆ หลังจากที่เธอได้ฟังก็ขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง
“แม่ เมื่อครูรพีพงษ์รีบไปช่วยหนูจริงๆ ถ้าวันนี้รพี พงษ์ไปช่วยหนูไม่ทัน แม่อาจจะไม่ได้เจอหนูอีกก็ได้”
ศศินัคคาไม่ฟังเหตุผล เธอหันไปหาจารุณี “ถึงมัน จะรีบไปช่วยลูก งั้นยัยเด็กนี่ก็ไม่ควรมาผลักฉัน มัน เป็นใครถึงกล้ามาผลักฉันบ้าไปแล้วจริงๆ
จารุณีหงุดหงิดกับเรื่องก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินศศิ นัดดาพูดเช่นนี้ จึงค่าออกไปว่า “ลูกสาวของคุณ เกือบจะโดนคนฆ่า คุณยังยืนขวางประตูไม่ให้เรา ออกไป แถมยังขอเงินจากร พงษ์อีก ฉันเพิ่งเคย เห็นแม่ที่เลือดเย็นแบบคุณครั้งแรกเลยนะ เพื่อเงิน แม้แต่ชีวิตของลูกตัวเองยังไม่ต้องการ นางแม่มด หน้าไม่อายจริงๆ”
ศศินัดดาสีหน้าเปลี่ยนไป เธอกัดฟันกรอดแล้ว พูดว่า “นังเด็กนี่ แกว่าใครเป็นนางแม่มด ลูกฉันจะ ตกอยู่ในอันตรายอย่างที่แกพูดได้ยังไง พวกแกแค่ หาข้ออ้าง แกรีบมาขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้น เพื่อนเก่าของฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ เขาเป็นคนมีชื่อ เสียงนะ เขาอยากจัดการแกน่ะเป็นเรื่องง่ายมาก
“ให้ฉันขอโทษนางแม่มดแบบแกเหรอ เหอะ ฝันไป เถอะ” จารุณีพูดพลางแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ศศินัดดา
ศศินัดดาโกรธจนหน้าค่าหน้าแดง เธอรีบหันไปหา นคินทร์ที่นั่งอยู่บนโซฟา “เพื่อนรัก นายเห็นความ อวดดีของยัยเด็ก แล้วหรือยัง นายรีบจัดการมันให้ ฉันหน่อย
นคินทร์ค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟา แล้วจ้องจารุณีจาก นั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “เธอเป็นลูกของใคร ทำไมถึงทำตัว ไม่ได้รับการอบรมแบบนี้ พ่อแม่ไม่สอนเหรอว่าควร ปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ยังไง รีบขอโทษเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะ สั่งสอนเธอเอง”
“ชิ นายเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสอนฉัน พ่อแม่จะ สอนฉันยังไง มันเกี่ยวอะไรกับนาย ไม่รู้ว่าอะไรถูก ผิดก็มาพูดมั่วๆ พ่อฉันน่ะมีอำนาจมาก นายกล้าบอก ว่าลูกของเขาไม่มีใครสั่งสอนงั้นเหรอ ระวังตัวไว้ เหอะ” จารุณีพูดด้วยความหงุดหงิด
“ไร้สาระ ถ้าแน่จริงก็เรียกพ่อแม่ของเธอมาสิ ฉัน จะถามเขาต่อหน้า ดูสิว่าเขาจะกล้าจัดการฉันไหม คิดว่าจะกลั่นแกล้งคนอย่างฉันได้ง่ายๆ งั้นเหรอ ฉัน เป็นผู้รับผิดชอบสาขาของหอการค้าสมน.เชียวนะ พ่อแม่ของเธอเจอฉันคงจะตกใจจนพูดไม่ออก! นคินทร์หงุดหงิดเล็กน้อย ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่ง ของหอการค้าสมน. เขามีความเย่อหยิ่งในตัวเอง เขาจะทนให้ยัยเด็กนี่ตะโกนใส่หน้าได้อย่างไร
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ