แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่547 ในบัตรนี้มีแสนล้าน



บทที่547 ในบัตรนี้มีแสนล้าน

บทที่547 ในบัตรนี้มีแสนล้าน

ชั้นสามของ Waldorf Astoria Hotels

ชลาธิปกำลังนั่งอยู่ใกล้ๆกระจกยาวถึงพื้น หันมองไปที่วิว ทิวทัศน์ภายนอก

ชั้นหนึ่งของที่นี่ได้ถูกเขาเหมาไว้หมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้อง เป็นกังวลว่าจะมีใครมารบกวนเขาและรพีพงษ์

ขณะนี้ด้านหน้าของชลาธิปได้ว่าสัญญาลับไว้ และบัตร ธนาคารใบหนึ่ง เขามีความเชื่อมั่นกับการคุยกับรพีพงษ์ในครั้ง นี้มาก

ผลประโยชน์มาก่อน เขาไม่เชื่อว่ารพีพงษ์จะเป็นยอดมนุษย์ เพียงแค่มีผลประโยชน์มากพอ รพีพงษ์จะต้องยอมทิ้งแน่ๆ ถ้า เขายังยืนหยัด นั่นแสดงว่ายังให้ผลประโยชน์ไม่พอ

เขามั่นใจกับการเตรียมพร้อมของตนเองในวันนี้มาก เชื่อว่า เพียงแค่ตัวเองหยิบบัตรนี้ออกมา รพีพงษ์จะต้องเปลี่ยนแปลง ความคิดเป็นแน่

ตระกูลลัดดาวัลย์มีเท่าไหร่ ชลาทิปรู้ดี เงินที่เขาเตรียมไว้ใน บัตรนี้ มากพอที่จะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์สูงขึ้นไปอีก
ระดับ เพียงแค่รพีพงษ์ไม่โง่ ก็ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน

ไม่นาน พนักงานสองคนพารพีพงษ์มาที่ชั้นสาม มาด้านหน้า ของชลาธิป

หลัฃจากที่รพีพงษ์พามาแล้วนั้น พนักงานสองคนก็เดินถอย ไป ชลาธิปหยิบเงินขึ้นมาสองกอง ยื่นให้พวกเขาทั้งสอง ทั้ง สองซาบซึ้ง หลังจากที่รับเงินแล้ว ก็รีบเดินออกไป

รพีพงษ์จ้องไปที่ชลาธิป พบว่าชายวัยรุ่นคนนี้เต็มไปด้วย ความมั่นคง เหมาะสมกับนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ที่ สำคัญที่สุดคือ ขนตาของชลาธิปและอารียา ค่อนข้าง คล้ายคลึงกัน นี่ทําให้รพีพงษ์มั่นใจ ว่านายใหญ่ของตระกูล ธนธดาคนนี้ ต้องเป็นพ่อแท้ๆของอารียาแน่นอน

ชลาธิปก็ดูไปที่รพีพงษ์ เป็นวัยรุ่นที่ไม่มีความพิเศษใดๆ ธรรมดาทั่วไป ชลาธิปเหยียดหยาม ยิ่งมีความคิดที่อยากให้ รพีพงษ์ออกห่างจากอารียามากขึ้นไปอีก

“นั่งเถอะ” ชลาธิปขึ้นเสียงต่อรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่เกรงใจ นั่งลงตรงหน้าของชลาธิป

“ถ้าคุณฉลาด ก็น่าจะรู้ว่าทำไมผมจึงเรียกคุณมา ผมจะไม่ อ้อมค้อมใดๆ ดารินทร์คือลูกสาวของผม ไม่ว่าจะเป็นใครหรือ เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นในอดีตเกิดขึ้นกับชีวิตในปัจจุบันของเธอ ถ้าคุณมาเพราะเธอ ผมขอให้คุณปล่อยเธอให้เร็วที่สุดตอนนี้เธอคือคุณหนูของตระกูลพงศ์ธนธดา ผมให้ชีวิตที่ดีกว่า กับเธอได้ หวังว่าคุณจะไม่มารบกวนเธออีก” ชลาธิปกล่าวอ ย่างตรงไปตรงมา

รพีพงษ์หัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าว “เธอคือภรรยาของผม”

ชลาธิปขมวดคิ้ว แล้วกล่าว “ผมไม่สนว่าอดีตพวกคุณมีความ สัมพันธ์กันอย่างไร ตอนนี้ดารินทร์เป็นคนใหม่ เรื่องราวใน อดีตทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเธออีกต่อไป ถ้าคุณทําเพื่อ เธอ ก็ไม่ควรมาหาเธอ”

“หรอ? ผมล่ะอยากถามคุณ คุณมีสิทธิ์อะไร ที่พูดแบบนี้” ท่าทีของรพีพงษ์เปลี่ยนเป็นสัพยอกทันที ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ อยากเจรจาด้วยสันติ งั้นเขาก็จะไม่เกรงใจ

ชลาธิปกล่าวอย่างเยือกเย็น ว่า “ผมเป็นพ่อของดารินทร์ มี สิทธิ์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว”

“เหอะเหอะ ยี่สิบปีมานี้อารี อยู่เมืองริเวอร์มาโดยตลอด ผม แต่งงานกับเธอมาหลายปี ทําไมไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงพ่อ อย่างคุณเลยล่ะ? ถ้าคุณคือพ่อของเธอ ตั้งแต่เล็กจนยี่สิบกว่า ปี คุณไปไหนมา? ตอนนี้คุณพูดประโยคเดียวแล้วแย่งเธอไป มันไม่ค่อยมีเหตุผลเลยนะ” รพีพงษ์ถาม

เห็นได้ชัดว่าชลาธิปรู้สึกผิด แต่ไม่นานก็ปรับอารมณ์ได้ แล้ว กล่าว “ตอนนั้นที่ผมทิ้งดารินทร์ เพราะไม่มีทางเลือก เธอเป็น ลูกนอกสมรสของผม ตอนนั้นภรรยาผมยังมีชีวิตอยู่ ถ้าผมเอาเธอมาไว้ที่บ้าน เธอจะต้องพบจุดจบที่น่าอนาถแน่ๆ ดัง นั้นจึงทำได้เพียงส่งสองแม่ลูกไปที่ภาคเหนือ ผมทำเพื่อเธอ และผมก็เป็นพ่อเธอ ในร่างของเธอเต็มไปด้วยเลือดของผม แค่เท่านี้ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะกำหนดชะตาชีวิตเธอแล้ว”

รพีพงษ์ไม่คาดคิดว่าตอนนั้นเธอก็ได้พบกับเรื่องราวที่เลวร้าย เช่นกัน ไม่คาดคิดว่าเธอเป็นลูกนอกสมรสของขลาธิป

แต่คําพูดของชลาธิป ยิ่งทำให้รพีพงษ์คิดว่า อารียาไม่ควร อยู่ในตระกูลพงศ์ธนธดานี้ อารียาเป็นลูกนอกสมรส ดังนั้นจึงถู กชลาธิปไล่ไปภาคเหนือ ตอนนี้เขายังพูดอย่างสง่าผ่าเผยอีก ว่าทำเพื่ออารียา

ตอนนั้นศักดาเก็บอารียามาจากถังขยะ ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมแม่ แท้ๆของเธอถึงได้ทิ้งเธออย่างไม่ใยดี แต่ก็มีเพียงไม่กี่เหตุผล เท่านั้น

ถ้าทารกอารียาไม่ถูกศัดกาเก็บได้ล่ะก็ ตอนนี้บนโลกใบนี้จะ มีคนนี้อยู่หรือไม่นั้นก็ไม่อาจแน่ใจได้ แต่ชลาธิป ต้องรับผิด ชอบ

ได้ยินความหมายของชลาธิป ตอนนี้ที่เขาพาอารียากลับมา เป็นเพราะภรรยาเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว เหตุผลงี่เง่าแบบนี้ ซึ่ง น่าโมโหจริงๆ แต่ชลาธิปยังคิดว่าเป็นเหตุผลที่เหมาะสม ไม่รู้ ว่าคิดได้ไงจริงๆ

“เรื่องราวที่อารีเจอมาในช่วงหลายปีมานี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับคุณ พูดง่ายๆ คุณก็แค่ให้กำเนิดเธอเท่านั้น แล้วพ่อของอารี ในตอนนี้ เก็บเธอมาจากถังขยะ ถ้าโชคไม่ดี อารีอาจไม่มีทาง มีชีวิตจนถึงปัจจุบันได้ ตอนนี้คุณยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก คุณ ไม่รู้สึกงามหน้าบ้างหรอ?” รพีพงษ์ต่อว่าชลาทิป

ชลาธิปได้ยินคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ก็สะอึก ไม่คาดคิดว่าลูก สามของเธอในตอนนั้นถูกทิ้งไว้ในถังขยะ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ คาดคิดมาก่อน ตอนนั้นเขาคิดเพียงแค่ปิดบังภรรยาตัวเอง ไม่ ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้

แต่ด้วยความที่เป็นนายใหญ่ของตระกูลพงศ์ธนธดา คำพูดนี้ ของรพีพงษ์ไม่สามารถสะกิดใจเขาได้แต่อย่างใด ตอนนี้อารี ยาสำคัญต่อตระกูลธนธดา เขาไม่มีทางให้ลูกสาวของตนไป กับรพีพงษ์แน่นอน

“พอล่ะ วันนี้ที่ผมเรียกคุณมา ไม่ใช่ให้คุณมาต่อว่าผม ดาริ นทร์คือลูกสาวผม นี่เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมรู้ว่า คุณมาจากตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเมืองเกียวโต อาจจะคิดว่า ตัวเองพอจะมีกำลังอยู่บ้าง ดังนั้นจึงอยากแย่งดารินทร์กลับ ไป แต่ผมบอกไว้เลยนะ ผมตระกูลพงศ์ธนธดา ไม่ได้ธรรมดา อย่างที่คุณคิด ที่ผมมานั่งคุยกับคุณอยู่ตรงนี้ ก็ให้เกียรติคุณ มากแล้ว” ชลาธิปกล่าวอย่างเยือกเย็น

รพีพงษ์ยิ้มดูแคลน เขาไม่เพียงรู้ว่าตระกูลธนธดาไม่ธรรมดา อย่างที่คิด และเขาก็ได้ทำความเข้าใจตระกูลพงศ์ธนธดาจน ชัดเจนแล้วด้วย เพียงแต่ นี่ไม่เพียงพอที่จะทำให้รพีพงษ์เกรง กลัวต่อตระกูลพงศ์ธนธดา
“ผมรู้ ว่าแค่ผมพูด แล้วจะให้คุณปล่อยดารินทร์ไปนั้น เป็น เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ในเมื่อได้พูดเคลียร์แล้ว ผมก็จะไม่ใช้ กลอุบายใดๆ เพียงแค่คุณตกลงจะไปจากดารินทร์ แล้วเซ็น สัญญาลับ ผมสามารถให้ผลประโยชน์อย่างที่คุณคิดไม่ถึง” ชลาธิปกล่าว

“ผลประโยชน์อย่างที่ผมคิดไม่ถึง? เกรงว่าผมประเมินพวก คุณสูงไป” รพีพงษ์กล่าว

ชลาธิป นปาก แล้วกล่าว “ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าผล ประโยชน์อะไร แล้วคุณจะรู้ได้ไงว่าคุณไม่ได้คิดผิดไป?”

พูดไป เขาเอาบัตรธนาคารที่อยู่ข้างหน้ายื่นไปให้รพีพงษ์ แล้วกล่าว “ตระกูลลัดดาวัลย์ของคุณเป็นตระกูลใหญ่ที่สุด ของเมืองเกียวโต ถือว่ามีศักยภาพอยู่บ้าง แต่เทียบกับตระกูล ระดับโลก ห่างกันอีกเยอะ”

“ผมก็พูดตรงๆ ศักยภาพที่แท้จริงของตระกูลพงศ์ธนธดา เท่ากับตระกูลระดับหนึ่งของโลก ที่แสดงออกในทุกวันนี้ ก็เป็น แค่หนึ่งในสิบเท่านั้น ดังนั้นเพียงแค่คุณตกลงจะไปจากดาริ นทร์ ผมสามารถทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์ของคุณไต่เต้าขึ้นไป อีกขั้น”

“ในบัตรนี้มีสามหมื่นล้าน จำนวนนี้ เพียงพอสำหรับการเจริญ ก้าวหน้าของตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว เชื่อว่าคุณก็ควรู้ว่าเงินนี้ หมายถึงอะไร”
ชลาธิปพูดจบ ก็ยิ้มอย่างมั่นใจตัวเอง แล้วรอดูท่าทีตกใจของ รพิพงษ์

เขามองว่า สามหมื่นล้าน สำหรับตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเมือง เกียวโต เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว รพีพงษ์เป็นวัยรุ่น ถึง แม้จะดูแลตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ก็ต้องตื่นตัวกับจำนวนนี้

แต่รพีพงษ์ไม่แสดงความตกใจออกมา เขาก็แค่เหลือไปดู บัตรธนาคารเท่านั้น จากนั้นก็ดันมันกลับไป

ชลาธิปแปลกใจ แล้วกล่าว สามหมื่นล้าน เป็นจำนวนไม่น้อย เลยนะ เงินหมุนเวียนของตระกูลลัดดาวัลย์ของคุณ เกรงว่า จะไม่มีเยอะขนาดนี้ นี่เป็นโอกาสในการก้าวหน้าเลยนะ แน่ใจ หรอว่าจะทิ้งมันไป

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ความก้าวหน้าของตระกูลลัดดาวัลย์ คุณไม่ต้องเป็นห่วง เป้าหมายในครั้งนี้ของผม มีเพียงอารี คุณ ไม่ต้องใช้กลอุบายใดๆมาเปลี่ยนแปลงความคิดผม

“ในเมื่อคุณอยากใช้เงินจัดการกับเรื่องนี้ งั้นผมจะเลียนแบบ คุณบ้างล่ะกัน”

พูดไป รพีพงษ์ไอ้หยิบบัตรธนาคารในชุดออกมา แล้ววิ่งไว้ ตรงหน้าของชลาธิป

ชลาธิปมองรพีพงษ์อย่างสงสัย แล้วกล่าว “คุณทำอย่างนี้ต่อ หน้าผมไม่คิดว่ามันน่าตลกบ้างหรอ?”
“ตลกยังไง? คุณอยากใช้เงินจัดการปัญหา ผมก็เหมือนกันใช้ เงินรับอารีกลับไป ผิดตรงไหน?” รพีพงษ์ยิ้มแล้วกล่าว

ชลาธิปยิ้มเหยียดหยาม แล้วกล่าว “ในบัตรนี้ของผมมีสาม หมื่นล้านนะ คุณคิดว่าคุณใช้เงินเล็กน้อยนั้น สามารถจะ เปลี่ยนแปลงความคิดผมได้หรอ?”

“ในบัตรนี้ของผมมีหนึ่งแสนล้าน” รพีพงษ์ดล่าวอย่างเรียบ ง่าย

ชลาธิปชะงัก เมื่อรพีพงษ์กล่าวจำนวนนี้ออกมา ทำเอาเขาตก ตะลึง หนึ่งแสนล้าน ทำเอานายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาต้องให้ ความสําคัญกับจํานวนตัวเลขนี้เลยทีเดียว

“ไง ตัวเลขที่ผมให้ ทําเอาคุณต้องหวั่นไหวเลยล่ะสิ มอบอารี กลับมาให้ผม แล้วผมจะไม่ใส่ใจกับการกระทําที่ผ่านมาของ คุณอีกต่อไป ผมจะพาอารีออกไปจากที่นี่ คิดวิธีให้ความจํา เธอกลับมา ต่อไปเธอจะไม่มีทางเกี่ยวข้องใดๆกับตระกูลพงศ์ ธนธดาอีกต่อไป รพีพงษ์กล่าว

ชลาธิปสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาพบว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธรพี พงษ์ได้ในวินาทีแรก นั่นหมายความว่าเขาหวั่นไหวกับตัวเลข แสนล้านของรพีพงษ์จริงๆ

ตระกูลพงศ์ธนธดาก็แค่อยากจะดองกับตระกูลธาดาวรวงศ์ ก็แค่เพราะความเจริญก้าวหน้าของตระกูลพงศ์ธนธดาเท่านั้น แต่ทว่าถึงแม้อารียาจะแต่งกับตระกูลธาดาวรวงศ์ตระกูลธาดาวรวงศ์ก็ไม่มีทางให้แสนล้านต่อตระกูลพงศ์ธนธ ดาแน่นอน

แม้แสนล้านจะไม่ได้ผลประโยชน์เท่าที่ควรเมื่อเทียบกับผล ประโยชน์ที่จะได้รับจากตระกูลธาดาวรวงศ์ แต่แสนล้านนี้ สามารถทำความฝันของชลาธิปให้สำเร็จได้มากมาย ที่สำคัญ ที่สุดคือ เขาไม่จําเป็นต้องเคารพนอบน้อมต่อตระกูลธาดาว รวงศ์แล้ว

คิดอยู่สักครู่ ชลาธิปกล่าว “คุณมองผมเป็นเด็กสามขวบหรือ ไง แสนล้าน เกรงว่าต้องขายทรัพย์สินของตระกูลไปเกินกว่า ครึ่งเลยสินะ คุณริดว่าแค่คุณพูด แล้วผมจะเชื่อว่าในบัตรมี แสนล้านหรอ?

รพีพงษ์หัวเราะ โดยไม่รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างใด แล้วกล่าว “คุณสามารถให้คุณเช็กดูได้ หากในบัตรนี้ไม่มีเงินจำนวนนั้น ที่ผมพูดไว้ ผมจะออกไปจากเมืองเซี่ยงไฮ้ และจะไม่กลับมา หาอารีอีก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ