แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 442 คุณทราบชื่อนี้ได้ยังไง



บทที่ 442 คุณทราบชื่อนี้ได้ยังไง

บทที่ 442 คุณทราบชื่อนี้ได้ยังไง

ข้างในบาร์

หลังจากธนเทพเดินจากไป ดัมพ์รงค์มองดูรพีพงษ์อย่าง ละเอียดอีกครั้ง ในแววตาเกิดความสนใจในตัวเขาขึ้นมา

รพีพงษ์ยังไม่กล้าประมาท เพราะเขาไม่รู้ว่าดัมพ์รงค์จะลงมือ กับเขาอีกครั้งหรือไม่ เหมือนกับยอดฝีมือระดับนี้ การได้เจอคู่ ปรับที่มีฝีมือใกล้เคียงกัน ปกติจะไม่ยอมให้หลุดมือไปง่ายๆ

“สถานที่วันนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไร หวังเป็นอย่างยิ่งว่าครั้ง หน้าจะได้ประลองกับคุณบนเวที คุณแข็งแกร่งมาก แต่ฉันจะ เอาชนะคุณให้ได้”ดัมพ์รงค์พูด

หลังจากพูดจบ เขาเดินออกจากบา ไปอย่างไม่มีมีการยืด เยื้อใดๆ ผู้คนรอบข้างรีบหลีกทางให้เขา ไม่มีใครกล้าขัดขวาง

เห็นดัมพ์รงค์จากไป รพีพงษ์รู้สึกโล่งใจเช่นกัน ถึงแม้เขาเอง ก็เฝ้าหวังที่จะเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ที่จะสู้กันเอาเป็นเอาตาย เป้าหมายหลักของเขาตอนนี้คือตา มหาททนภูก่อนจะถึงตอนนั้น แน่นอนว่าสร้างปัญหาให้น้อย สุดย่อมดีกว่า “ฉันคาดไม่ถึงว่าคุณจะแข็งแกร่งขนาดนี้จน สามารถสู้กับดัมพ์รงค์อย่างสูสี”สายตาของฝนสุดาจ้องของรพีพงษ์อย่างสับสน

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว”ขอบคุณ”

ทันใดนั้นใบหน้าของฝนสุดาก็แสดงออกถึงความเขินอาย ใน ใจคิดผู้ชายแท้ๆคนนี้จะพูดขอบคุณกับคนอื่นเป็นด้วย ช่างหา ยากจริงๆ

ผู้คนรอบข้างต่างตกอยู่ในความตกตะลึง เดิมทีพวกเขาต่าง คิดว่า รพีพงษ์สามารถกลายเป็นยอดฝีมืออันดับที่สิบสาม ของเทพเจ้าแห่งสงคราม เป็นเพราะโชคช่วย แต่ตอนนี้ไม่มี ใครคิดอย่างนั้นอีกต่อไป ถึงตอนนี้พวกเขาถึงรู้ ให้รพีพงษ์อยู่ ในอันดับที่สิบสามยังน้อยไปด้วยซ้ำ ตนคนนี้มีความสามารถที่ จะอยู่ในสามอันดับแรกอย่างแน่นอน

มิน่าตอนแรกที่เตชัสขอยอมแพ้ ที่แท้เขารู้ความสามารถของ รพีพงษ์ ถ้าหากจะลงมือกับรพีพงษ์จริงๆละก็ อันดับเทพเจ้า แห่งสงครามคงไม่มีชื่อของเตชัสแล้ว

ตอนนี้เห็นฝนสุดาออกหน้าแทนรพีพงษ์ แถมยังแสดงกิริยา เขินอายของเด็กสาวต่อเขา นี่ทำให้พวกคนที่หมายปองในตัว คุณหนูจากตระกูลใหญ่ก็พากันอิจฉา

“อยู่ต่อหน้ารพีพงษ์คุณหนูจากตระกูลก้องวณิชกุลกลับทำตัว เหมือนสาวน้อย พระเจ้า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณหนูของ ตระกูลก้องวณิชกุลแสดงกิริยาท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น”
“น่าอิจฉาจริงๆ ฉันแค่อยากจะคุยกับคุณหนูตระกูลก้องวณิช กุลยังไม่มีโอกาสเลย แต่คุณหนูตระกูลก้องวณิชกุลกลับออก หน้าแทนรพีพงษ์โดยตรง แถมเพื่อเขาแล้วยังแตกหักกับธน เทพอีก เมื่อไหร่ฉันถึงจะมีโอกาศแบบนี้บ้างนะ”

“ฉันได้ยินมาว่าคุณหนูจากตระกูลก้องวณิชกุลไม่เคย สนใจพวกคุณชายจากพวกตระกูลใหญ่เลย แต่กลับชอบคน ธรรมดาสามัญ แต่จะสนใจคนที่มีบุคลิกมากกว่า คุณหนูของ ตระกูลก้องวณิชกุลคงไม่ได้ชอบรพีพงษ์เข้าแล้วใช่ไหม?

“ต่อให้เป็นอย่างนั้น คุณก็ไม่มีอะไรให้ริษยา รพีพงษ์เขา สามารถสู้กับดัมพ์รงค์ได้สูสี ยอดฝีมือแบบนั้น ต่อให้เป็นพวก คนมนตระกูลชั้นนำ ก็ใช่ว่าจะมี”

“แต่เธออยากคิดว่าฉันจะคืนมือถือให้เธอด้วยเหตุผลนี้ เธอ ต้องตอบคำถามฉันมาก่อน ฉันถึงจะคืนมือถือให้เธอ”รพีพงษ์ พูดต่ออีกคำ

ทันใดนั้นฝนสุดาก็โมโหขึ้นมา นายคนนี้ยังคงเป็นพวก ผู้ชายแท้ๆโดยสันดานจริงๆ ไม่ น่าจะเป็นพวกแข็งกระด้าง มากกว่า!

เธอกำหมัดตัวเองอย่างแน่น อยากจะตะโกนใส่รพีพงษ์สัก หน่อย แต่ติดตรงเนื่องจากยังมีคนรอบข้างหลายคนดูอยู่เธอไม่อยากให้คนเอาไปพูดลับหลังว่าเพราะรพีพงษ์เธอ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ดังนั้นเธอจึงพยายามระงับความ โกรธในใจไว้

“ตามฉันมา”ฝนสุดาพูดอย่างไม่เป็นมิตร หลังจากนั้นก็เดินไป ทางออกของบาร์

รพีพงษไม่พูดอะไร แล้วรีบเดินตามไป ที่นี่ไม่สะดวกจะพูด คุย เขารู้ว่าฝนสุดาก็มีสิ่งที่เธอต้องกังวล เธอจึงอยากจะไปที่ที่ ปลอดภัยเพื่อตอบคำถามรพีพงษ์

หลังจากทั้งสองเดินออกจากบาร์ คนที่เหลือในบาร์เริ่มพลุ่ง พล่านขึ้นมาทันที เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกรงว่าจะแพร่กก ระจายไปทั่วกิสนาอย่างรวดเร็ว รพีพงษ์ชื่อนี้ จะเป็นที่รู้จักกัน ไปทั่ว

หน้าคฤหาสน์ของฝนสุดา รพีพงษเห็นฝนสุดาเดินเข้าไปข้าง ใน จึงเดินตามไป บอดี้การ์ดของฝนสุดายืนอยู่หน้าประตู จ้อง มองรพีพงษ์อย่างเกรี้ยวโกรธ ในขณะที่รพีพงษ์กำลังจะเดิน เข้าไปในคฤหาสน์ เขาก็เอื้อมมือออกไปขวางเขาไว้”คนอย่าง แก ไม่คู่ควรที่จะเข้าไปในคฤหาสน์ของคุณหนู หากคุณยังจะ เดินหน้าต่อ อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ! “บอดี้การ์ดพูดอย่างเย้ย หยัน

เมื่อฝนสุดได้ยินที่บอดี้การ์ดพูด เธอหันกลับไป ขมวดคิ้ว แล้วบอก”ให้เขาเข้ามา นายไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา ฉันไม่อยากเห็น คุณเข้าโรงพยาบาล”
“คุณหนู ยกย่องเด็กนี่มากไปแล้ว ฝีมือมันแค่นั้น ยังไม่พอ ยัดขี้ฟันผมเลย แค่พอจะรับมือพวกมือสมัครเล่นเท่านั้น ผม สามารถจัดการเขาด้วยมือเดียว”บอดี้การ์ดพูดอย่างมั่นใจ

“ตอนนี้คำพูดของคุณหนูอย่างฉันก็เอาคุณไม่อยู่แล้วใช่ ไหม? หรือคุณรู้สึกว่าการมาเป็นบอดี้การ์ดที่ตระกูลก้องวณิช กุลนี้ไม่คู่ควรกับคุณ? หากเป็นอย่างนั้น ฉันไม่ว่าหากคุณจะ ไปหางานอื่นที่ดีกว่า”เสียงของฝนสุดากลายเป็นเย็นชาอย่าง ไร้เยื่อใย

เมื่อบอดี้การ์ดได้ยินที่ฝนสุดาพูด จึงตกใจและรีบดึงมือกลับ ก้มหน้าลง แล้วพูด “คุณหนู ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมขอโทษครับ”

อืม ฝนสุดาตอบ และเดินเข้าไปยังคฤหาสน์

รพีพงษ์ยิ้ม เขาดูออกว่าบอดี้การ์ดนึกว่าเขาเป็นศัตรูหัวใจ แต่ ทว่าเขาไม่ได้สนใจในตัวฝนสุดาเลย บอดี้การ์ดคนนี้คิดมาก ไปเอง

รพีพงษ์เดินตามเข้าไป ครั้งนี้บอดี้การ์ดไม่มาขัดขวาง แต่ ตอนที่รพีพงษ์เดินผ่านเขา ใบหน้าเขาแสดงออกถึงความ อาฆาตโกรธ

“เอ้อ ดูยังไง เขาก็เป็นหนึ่งในมือสมัครเล่นในกิสนา เดี๋ยวค่อย หาโอกาสจัดการมัน ยังไงซะที่กิสนาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่พบเจอ บ่อยอยู่แล้ว”บอดี้การ์ดพูดเองเออเอง
ตอนนี้เขาสังเกตเห็นมีคนกำลังเดินผ่านหน้าคฤหาสน์ไป อย่างเร่งรีบ และสองคนในนั้นคือเพื่อนของเขาในกิสนา และ สองคนนี้ก็เป็นยอดฝีมือในอันดับเทพเจ้าแห่งสงครามของกิ สนา

เขาเห็นคนพวกนั้นเดินอย่างเร่งรีบ บนใบหน้ายังเต็มไปด้วย ความตื่นเต้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยเดินเข้าไป พูดทักทาย พวกเขา

“พวกคุณเป็นอะไร? เดินรีบร้อนอย่างนี้ เจอเรื่องอะไรเห รอ? “บอดี้การ์ดถาม

หนึ่งในนั้นมองหน้าบอดี้การ์ดแล้วยิ้ม แล้วพูด“เกิดเรื่องใหญ่ แล้ว เมื่อกี้ที่บาร์ ดัมพ์รงค์กับรพีพงษ์ต่อสู้กัน ทั้งสองกลับสู้ เสมอกัน ก่อนหน้าไม่นานมานี้คนที่ใช้ชื่อยมราชหน้าอย่าง รพีพงษ์ที่ขอยอมแพ้ไปกลายเป็นอันดับที่สิบสามของเทพเจ้า แห่งสงคราม กลับเป็นยอดฝีมือที่มีความสามารถเดียวกันกับ ดัมพ์รงค์ พวกเราต้องรีบนำเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น”

“ใช่แล้ว คุณหนูของคุณก็อยู่ที่นั่นด้วย แถมดูจากท่าทางเธอ แล้ว รู้สึกว่าจะสนใจนายตัวรพีพงษ์มากด้วย”อีกคนหนึ่งพูด ตาม

ต่อมาพวกเขาก็เดินต่อไปข้างหน้า เพื่อนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คน

อื่นฟังต่อ

หลังจากที่ทุกคนเดินจากไป บอดี้การ์ดได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ใบหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง

“รพีพงษ์…กับดัมพ์รงค์…เสมอกัน? “บอดี้การ์ดพูดเอง เออเองกับคำพูดที่เมื่อกี้คนพวกนั้นพูด เหมือนตัวเองมีอะไรติด อยู่ตรงลำคอ ทรมานมาก

เขาหันหน้ามองไปทางคฤหาสน์ สายตาเริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมา

ทันที

ฝีมือของดัมพ์รงค์เขารู้จักดี ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเทพเจ้า แห่งสงครามในกิสนานี้ มีความสามารถที่ไม่อาจเทียบเทียนได้ ต่อให้เขาอีกสิบคน ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของดัมพ์รงค์ได้

และรพีพงษ์คนที่เขาดูถูก กลับสู้กับดัมพ์รงค์ได้อย่างสูสี นี่ก็ หมายความว่า เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์เลย

จนถึงตอนนี้ เขาถึงได้สติ ฝนสุดาทำไมถึงบอกว่าเขาไม่ใช่ คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์ เพราะฝนสุดาเห็นการต่อสู้ของรพีพงษ์กับ ดัมพ์รงค์กับตาตัวเอง

เขากลืนน้ำลาย ตอนแรกที่เคยคิดไว้ในใจว่าจะหาโอกาส กำจัดรพีพงษ์ตอนนี้ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา แถม ยังรู้สึกกลัวขึ้นมา

เป็นเวลานาน เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ รู้ตัวว่าตัวเอง อยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ เขาไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ ความเพ้อฝันที่เขามีต่อฝนสุดา สุดท้ายคงเป็นได้แค่ฟองอากาศ

ข้างในคฤหาสน์

รพีพงษ์นั่งอยู่ตรงข้ามฝนสุดา ฝนสุดารู้สึกอึดอัดที่มองรพี พงษ์ที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้ต่อหน้าบุคคลผู้ยิ่งใหญ่มากมายยัง สามารถทำตัวตามสบายอย่างเธอ ตอนนี้ต่อหน้ารพีพงษ์กลับ มีความรู้สึกทําตัวไม่ถูก

“ว่ามา ว่าคุณอยากถามอะไร? “ฝนสุดาพูด

รพีพงษ์จ้องฝนสุดาอยู่สักพัก แล้วเริ่มพูด”คุณอยู่ในกิสนา เคยได้ยินคนชื่อนนทภูนี้ไหม?

สีหน้าของฝนสุดาที่ค่อนข้างสงบตอนได้ยินรพีพงษ์พูดถึงชื่อ นี้ ตอนนี้ร่างกายของเธอกลับแข็งทื่อเราวกับหุ่นเชิดในทันที ปากเล็กๆของเธอก็กลายเป็นรูปตัว 0 ด้วยความตกใจ

“คุณ…คุณรู้จักชื่อนี้ได้ยังไง? ? ! ! “ผ่านไปครู่หนึ่ง ฝน สุดาตะโกนใส่รพีพงษ์ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ