บทที่426จะต้องขายได้ราคาดีแน่
บทที่426จะต้องขายได้ราคาดีแน่
ในห้องใต้ดิน
คนจำนวนไม่น้อยมองดูรพีพงษ์อย่างสงสัย ไม่รู้ว่าเขาโดน เรียกออกไปเพราะอะไร
จงจินตน์เดินไปข้างๆรพีพงษ์ ใบหน้ายิ้มด้วยรอยยิ้มแสนเจ้า เล่ห์ เปิดปากถาม”ลูกพี่ โดนเรียกออกไป เพราะมีสาวสวยคน ใหม่ใช่ป่าว ว่าไงล่ะ เจ๋งกว่าคนที่แล้วใช่ไหม”
รพีพงษ์จ้องหน้าเขาเขม็ง เปิดปากพูด “ถ้านายยังพูดอะไรผิด อีกล่ะก็ ฉันไม่รับประกันว่าต่อไปนายจะได้เปิดปากพูดแบบ คนปกติธรรมดาได้อีกหรือเปล่า”
จงจินตน์ตัวสั่นงันงก รีบใช้มืออุดปากตัวเองไว้ แล้วถอยตัว ออกห่างจากรพีพงษ์ เขาไม่ กล้าแหย่เทพเจ้าพิฆาตคนนี้ หรอก
“รอเดี๋ยว”รพีพงษ์เปิดปากพูด หันหน้าไปทางจงจินตน์”ฉันมี อะไรจะถามนาย”
จงจินตน์รีบย้อนกลับมา แล้วยิ้มอย่างซุกซนให้รพีพงษ์ พูด ว่า”ลูกพี่ ถามมาเลย ขอแค่ผมรู้ ผมบอกลูกพี่แน่”
“ถ้าคนในห้องใต้ดินต้องการรับอิสรภาพ จะต้องผ่านการ ฝึกฝนก่อนใช่ไหม แล้วจะต้องฝึกฝนยังไง”รพีพงษ์เปิดปาก ถาม
จงจินตน์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ จึงรีบเบิ่งตาโพลงโตขึ้น แล้วพูดว่า”ลูกพี่ เรื่องฝึกฝนลูกพี่ไม่ต้องคิดหรอก ความยาก ของเรื่องเนี้ยอาจจะน้อยกว่าขึ้นสวรรค์ แต่มันก็ยังคงไม่ง่าย อยู่ดี นับตั้งแต่ผมมานี่นะ มีคนลงชื่อห้าสิบกว่าคนแล้ว มีสี่คน เท่านั้นที่สําเร็จ ที่เหลือไม่มีรอดตายเรียบ
“อีกอย่างไม่ต้องบอกว่ายากแค่ไหน ต่อให้ผ่านการทดลอง ก็ต้องประลองกับยอดฝีมืออีก ความท้าทายนี้อ่ะ เราเลือกเอง ไม่ได้นะ พวกคนรอบๆตัวจะเป็นคนเลือกคนที่จะมาประลอง กับเรา ต่อให้มีตัวเลือกผู้ประลองตัวที่สิบเอ็ด ลูกพี่ก็ต้องขึ้น เวทีประลองอยู่ดี พวกเขาทุกคนผ่านการฝึกฝนมาทั้งนั้น แต่ สุดท้ายต้องมาตายบนเวทีประลองนี้แหละ”
รพีพงษ์เองก็ตกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าพอผ่านการประลอง แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างล้วน ขึ้นอยู่กับโชคและโอกาส เดซัส ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่าคิดๆดูพอเข้าใจง่ายอยู่ เดชัสมีพลังแห่งนักรบ การ ประลองนี้จำกัดอยู่เพียงสิบคนแรกเท่านั้น ดังนั้นเดซัสเลยคิด ว่ารพีพงษ์คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
รพีพงษ์ยิ้ม พูดขึ้น”ฉันไม่อยากอยู่ห้องใต้ดินนี้ตลอดชีวิต หรอกนะ เอาเงื่อนไขการสมัคร ฝึกฝนมาให้หน่อยแล้วกัน”
เมืองริเวอร์
ชุมชนคำแหง
ศศินัดดานั่งอยู่บนโซฟา ดูสบายอารมณ์ ส่วนชนิสรากำลัง ปัดกวาด ศักดากำลังเลี้ยงนกอยู่ที่ระเบียง
“ตอนนี้ในบ้านไม่มีตัวซวยอย่างไอ้รพีพงษ์แล้ว ฉันรู้สึกสบาย อกสบายใจขึ้นเยอะเลย ดูท่าความซวยจากบ้านเรา มาจาก มันจริงๆด้วย พอมันไป อะไรๆก็ดูสบายตาไปหมด”ศศินัดดา พึมพำ
เธอไม่รู้เลย ครั้งนี้ที่รพีพงษ์ไปเทือกเขากิสนา เขาได้ตัดสิน การทุกอย่างแทนอารียาและ ครอบครัวไว้หมดแล้ว ตอนนี้ครึ่ง ชุมชนคําแหงมีแม่บ้าน ยาม รวมถึงส่วนกลาง ทั้งหมดรพีพงษ์ เป็นคนจัดการทั้งนั้น ตัวตนของพวกเขา เพื่อที่จะทําให้อารียา และครอบครัวสะดวกสบายขึ้น และลดความยุ่งยากให้กับเขา ด้วย
ไม่กี่วันนี้ที่ศศินัดดารู้สึกสบาย อะไรๆก็รื่นหูรื่นตาไปหมด ส่วนมากก็เพราะรพีพงษ์จัดการไว้ให้ทั้งนั้น
“พี่นัดดา ตกลงรพีพงษ์ไปทําอะไร ตอนไปก็ไม่ได้บอกไว้ นี่ก็ หลายวันแล้ว ไม่เห็นได้ยิน ข่าวคราวอะไรเลย”ชนิสราถาม ขึ้นมาคำหนึ่ง
“มันอยากไสหัวไปไหนก็ไปสิ เกี่ยวอะไรกับเราด้วยเล่า ถ้า จะให้ดีตายไปเลยก็ดี ไม่ต้องกลับมาตลอดไป พวกเราจะได้ อยู่เย็นเป็นสุขไงล่ะ ไม่งั้นตัวซวยกลับมาก็จะพกเอาความซวย มาด้วย”ศศินัดดาพูดอย่างไม่เกรงใจ
ได้ยินศศินัดดาพูดแบบนี้ ชนิสราจึงรีบหุบปาก ไม่งั้นไม่รู้ว่า หล่อนจะสาปแช่งรพีพงษ์ อย่างไรอีก
“นิสา เธอสังเกตไหมว่าหมู่นี้ลูกแคลร์ไม่ค่อยเจริญอาหารเลย ดูเหมือนมีเรื่องหนักอก
หนักใจ ทำงานเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า เธอทำอะไรอร่อยๆให้ กินหน่อยสิ บำรุงหน่อย”ศศินัดดาไม่พูดถึงรพีพงษ์อีก เธอพูด ขึ้นกับชนิสรา
ชนิสรารีบพยักหน้า ไม่กี่วันนี้เธอไม่ได้สังเกตว่าอารียาผิด ปกติไป แม้ว่าจะไม่ค่อยเจริญ อาหาร แต่ดูเหมือนชอบกินของ เปรี้ยว เธอกำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะซื้อปลามาสองตัว ทำปลานึ่งผัก ดองให้อารียา
บริษัทตระกูลฉัตรมงคล
อารียาจัดการธุระในบริษัทเสร็จ เธอดูเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ ดวงหน้าสวยคมของเธอฉาย แววเหนื่อยอ่อน
ไม่กี่วันนี้เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มักจะรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อย ง่ายเหลือเกิน แถมยังไม่ค่อยเจริญอาหารอีก
หลังจากที่รพีพงษ์จากไป เธอก็มักจะครุ่นคริดว่าตัวเองนั้น คู่ควรกับรพีพงษ์หรือไม่ เพราะรพีพงษ์มีธุระที่สำคัญกว่าต้อง จัดการ เธอก็เลยไม่ได้เอ่ยปากบอกเรื่องของตัวเอง จนตอนนี้ ได้กลายเป็นปัญหาทางใจ
นับแต่วันที่รพีพงษ์จากไป เธอก็โทรหารพีพงษ์ไม่ติดอีกเลย ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจ กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับรพีพงษ์ แต่ ว่าก่อนไปรพีพงษ์ได้บอกเอาไว้แล้วว่าอาจจะเกิดเหตุแบบ นั้น เธอก็เลยได้แต่เป็นกังวล แต่ไม่ได้ไหว้วานให้คนไปสืบหา เบาะแสของรพีพงษ์
เธอออกจากสำนักงาน อารียาเดินออกจากตึกบริษัท เธอมุ่ง หน้าไปทางที่จอดรถ ในตอนที่เธอเดินไปถึงประตู จู่ๆก็เห็นเงา ที่คุ้นเคย
เธอส่งยิ้มออกมา เดินไปทางคนๆนั้น”บุษ มาได้ไงเนี่ย ไม่ได้ เจอกันนานเลยนะ หมู่นี้ไปไหนมา คิดถึงจังเลย”
บุษบากรยิ้มให้อารียา พูดขึ้น“ฉันออกไปพักร้อนมาช่วงหนึ่ง ค่ะ เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ผ่านมาทางนี้พอดี คิดว่าพี่คงใกล้เลิก งาน ก็เลยลองมาดูว่าจะเจอพี่ไหม คิดไม่ถึงว่าพี่ออกมาจริงๆ”
“กินข้าวมาหรือยังจ๊ะ ถ้ายังไปกินด้วยกันมั้ย”อารียาเปิดปากพูด
บุษบากรลังเล แล้วพยักหน้า พูดขึ้น”ได้สิคะ เราไปภัตตาคาร แถวบริษัท ไหมคะ ไม่ได้ไปมานานแล้ว”
“ไม่มีปัญหาจ๊ะ รออยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะจ๊ะ พี่ไปขับรถออกมา ก่อน”พูดพลาง อารียาจึงเดินเข้าไป
เธอไม่ได้สังเกต ว่าตอนที่เธอเดินเข้าไปในลานจอดรถนั้น รอยยิ้มบนหน้าบุษบากรนั้น หายไป แล้วสีหน้าเย็นชาเข้ามา แทนที
ในร้านอาหารฝรั่ง ทั้งคู่กินข้าวเสร็จแล้ว ต่างก็อัพเดตเรื่อง ราวต่างๆของกันและกันในช่วงนี้
อารียาเล่าเรื่องที่รพีพงษ์จากไป เดิมทีคิดอยากจะพูดเรื่อง ความในใจกับบุษบากร แต่เธอเห็นว่าบุษบากรเองก็เหมือน จะมีเรื่องค้างคาใจ แววตาเหม่อลอย อยากพูดแต่ก็พูด ไม่ ออกแบบนั้น
“บุษ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนมีความในใจอะไรเลย เล่า ให้ฟังหน่อยสิ พวกเราเป็นเพื่อนรักกันนะ มีอะไรลําบาก พี่ช่วย เธออยู่แล้ว”อารียาเปิดปากพูด
พอได้ฟังคำพูดอารียา บุษบากรก็กระพริบตาปริบๆ แต่ไม่ นานนักแววตานั้นก็หายไป เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้า ขึงขังขึ้นมา เริ่มพูดขึ้น”พี่แคลร์ ที่จริงครั้งนี้ที่ฉันมาหาพี่ ฉันมีเรื่องให้พี่ช่วยจริงๆแหละ”
“เรื่องอะไร”อารียาเปิดปากถาม ด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ว่าเรื่อง ก่อนหน้าจะทำให้พวกเธอบาดหมางกันเล็กน้อย แต่อารียาเห็น ว่าบุษบากรเป็นเพื่อนรักที่ดีเสมอ ถ้าหล่อนมีเรื่องลำบากอะไร อารียาจะต้องไม่นิ่งดูดาย
“คืออย่างนี้นะ ญาติฉันน่ะลงทุนโรงงานไปโรงหนึ่ง จํานวน เงินไม่น้อยเลยล่ะ แต่ช่วงนี้การลงทุนมีปัญหา พวกเขาหมด หนทาง ได้แต่ไปกู้ยืมนอกระบบมา ตอนนี้ต้นทบดอกเป็นล้าน แล้ว แต่ว่าเงินทุนทางโรงงานน่ะต้องรออีกหลายวันกว่าจะหมุน ออกมาได้ เจ้าหนี้ก็เร่งเร้าเหลือเกิน พวกเขามาหาฉัน ขอยืม เงิน แต่พี่ก็รู้นี่ว่าฉันมีเงินมากขนาดนั้นเมื่อไหร่กัน ก็เลย…..
“เงินล้านนึงนี่พี่ยืมให้นะ”ไม่ทันรอให้บุษบากรพูดจบ อารียา พูดต่อ
ตอนนี้ ธุรกิจตระกูลฉัตรมงคลก้าวหน้าไปไกล อารียามีเงิน ทุนหมุนเวียนอยู่ในมือจำนวนหนึ่ง ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว เงินล้านเดียวสำหรับอารียาในตอนนี้ นับประสาอะไรเล่าบุษบา กรเห็นอารียาตอบรับง่ายดายเหลือเกิน ก็รู้สึกตกใจ จึงรีบส่าย หน้าพูดขึ้น“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ที่ฉันมาหาพี่น่ะ ฉันแค่อยากให้พี่ ช่วยค้ำประกันให้ญาติฉันแค่นั้นเอง พี่เป็นประธานของตระกูล ฉัตรมงคล เงินกู้นอกระบบจะต้องยอมรับพี่แน่ ขอแค่พี่ช่วยค้ำ ประกัน ทางนั้นก็จะผ่อนผันเวลาให้สองสามวัน ถึงเวลาพอเงิน ในโรงงานหมุนได้ ญาติฉันก็จะคืนเงินเอง”
“ได้สิ เป็นคนค้ำประกัน ต้องทำอะไรบ้าง”อารียาเอ่ยปากถาม
“พี่ต้องไปเซ็นชื่อกับญาติของฉันที่เงินกู้นอกระบบน่ะ แป๊บ เดียว ใช้เวลาไม่นาน”พูดมาถึงตรงนี้ บุษบากร ดูตึงเครียด
“ไม่มีปัญหา จะไปเมื่อไหร่ล่ะ”อารียาเปิดปากถาม
“ช้าไม่ได้แล้ว ญาติฉันต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ถ้าพี่ ไม่ได้มีเรื่องรีบร้อนอะไร เราไปกันตอนนี้เลยได้ไหม”บุษบากร เปิดปากพูด
อารียาพยักหน้า แล้วรีบเรียกบริกรมาคิดเงิน แล้วจึงออกจาก ร้านอาหารไปกับบุษบากร
ในตอนที่ทั้งคู่รีบออกไป ข้างนอกก็มีชายวัยกลางคนสองคน รออยู่แล้ว ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่งตัวเรียบง่าย ดูแล้วไม่เหมือน เถ้าแก่เปิดโรงงาน
ทั้งคู่เห็นบุษบากรพาอารียาออกมา จึงรีบยิ้มรับ แล้วทักทาย
เป็นภาษาท้องถิ่น
จากนั้นทั้งหมดจึงนั่งรถไปยังกู้นอกระบบที่บุษบากรบอก ตลอดทาง ญาติทั้งสองของบุษบากรคอยดูอารียาตลอด แล้ว คอยกระซิบกระซาบกัน ทำให้อารียารู้สึกอึดอัดมาก
ไม่นานนัก รถจอดอยู่ที่ถนนสายหนึ่งใจกลางเมืองริเวอร์ ทั้งสี่คนลงจากรถ ญาติสองคนพาอารียากับบุษบากรไปที่ถนน เปลี่ยวสายหนึ่ง
“ไหนว่าไปกู้นอกระบบไงล่ะ ทำไมมาที่นี่ล่ะ”อารียาถามขึ้น อย่างสงสัย
“กู้….นอกระบบนั่นอยู่ในซอยนี้ เพราะมันไม่ค่อยถูก กฎหมาย เลยอยู่ในที่ลับตาหน่อย”บุษบากรอธิบาย
อารียาพยักหน้า คิดว่าเป็นญาติของบุษบากร ไม่น่าจะมี ปัญหาอะไร จึงรีบตามพวกเขาเข้าไป
ผ่านไปไม่นานนัก จู่ๆบุษบากรบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ให้อารี ยาตามญาติของเธอไปก่อน แล้วเธอก็เลี้ยวหายไปอีกตรอก หนึ่ง ที่บอกว่ามีห้องน้ำสาธารณะอยู่
อารียาตามสองคนนั้นเข้าไปในบ้านเก่าหลังหนึ่ง เธอมองไป รอบๆทิศ เริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกๆ จึงถาม”แน่ใจหรือคะ ว่ากู้นอกระบบอยู่ที่นี่ ที่นี่ไม่มีคนเลยนะคะ”
ในเวลานั้นเอง ชายวัยกลางคนหยิบเชือกออกมารีบมัดอารี
ยา
หญิงวัยกลางคนยิ้มอย่างร้ายกาจ พูดว่า “หน้าตาจิ้มลิ้มแบบนี้ ต้องขายได้ราคาดีแน่”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ