แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่322 นายโอฬารเกินไปแล้วนะ



บทที่322 นายโอฬารเกินไปแล้วนะ

บทที่322 นายโอฬารเกินไปแล้วนะ

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะลงมือ ทันที ที่สำคัญยังทำให้นิเษวกกระแทกลงบนพื้น

นิเวกที่ล้มลงบนพื้นกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง จ้องไปร พงษ์อย่างโกรธแค้น แล้วด่าว่า: “เย็*แม่ง แกกล้าตบฉัน แกไม่ อยากตายใช่มั้ย!”

ไพร่ามองไปที่รพีพงษ์อย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ ที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายขนาดนี้ จะกล้าลงมือกับลูกชาย ตัวเอง เขารีบเดินไปอย่างรวดเร็ว พยุงนิเวกลุกขึ้นมา และถาม ด้วยความกังวล: “ลูก เป็นยังไงบ้าง?”

นิเษวกจ้องมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความโกรธ ยื่นมือชี้ไปที่เขา แล้วตะโกน: “พ่อ พ่อรีบให้พวกเขาจับตัวไอ้ของที่สมควรตายให้ ผม วันนี้ไม่กระทืบเขาให้ตาย ผมก็ไม่ใช่คนตระกูลภัทร์รัฐชัย

ชุติเทพและเจสสิก้าทั้งสองคนสีหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด พวกเขาสองคนไม่รู้ความสามารถของรพีพงษ์ ต่อหน้า สถานการณ์ผู้คนมากมายขนาดนี้ ในใจของพวกเขาก็กลัวเหมือน กัน
เจสสิก้าดึงแขนของรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “รพีพงษ์ พวกเรารีบ หนีกันเถอะ คนของพวกเขามีมากเกินไป และพวกเราสามคนไม่ สามารถรับมือได้อย่าแน่นอน

รพีพงษ์ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ หันกลับไปมองเจสสิก้าและชุติเทพ แล้วพูด: “ไม่ต้องกลัว พวกคุณสองคนตามอยู่ข้างหลังฉันก็พอ คนของพวกเขาไม่สามารถทำอะไรฉันได้หรอก”

“ขวางพวกเขาไว้ให้ฉัน ตอนนี้อยากจะหนี สายไปแล้ว! นิเษวก ตะโกน

ทุกคนล้อมรอบรพีพงษ์และทั้งสามคนทันที และพวกเขาไม่มี โอกาสใดๆที่จะหลบหนีไปได้

เจสสิก้าและชุติเทพทั้งคู่สีหน้ากังวล แม้ว่ารพีพงษ์จะบอกว่า ให้ พวกเขาไม่ต้องกลัว แต่ฝั่งตรงข้ามมีคนมากมายขนาดนี้ แค่ร พงษ์คนเดียว จะสามารถรับมือได้อย่างไร

“ก่อนอื่นจับตัวเด็กที่รนหาที่ตายคนนี้มาตัดขาให้ฉันก่อนเลย เมื่อวานให้ลูกชายฉันคุกเข่า วันนี้ก็ตบลูกชายฉันอีกครั้ง ฉันว่า แกคงไม่รู้ว่าคำว่าตายสะกดยังไงใบหน้าของไพรำยังเต็มไปด้วย ความโกรธแล้วตะโกน

ทันใดนั้นมีคนสองคนพุ่งเข้าหารพีพงษ์ด้วยกระบองไฟฟ้า และ จี้กระบองไฟฟ้าใส่ตัวเขา
รพีพงษ์หันไปเล็กน้อย เพื่อหลบหลีกกระบองไฟฟ้าทั้งสอง จากนั้นจับข้อมือของทั้งสองคนด้วยมือทั้งสองข้าง เพียงใช้แรง กระบองไฟฟ้าทั้งสองก็กลับเข้าที่บนตัวพวกเขาเอง

ทันทีที่กระบองไฟฟ้าไปโดนร่างของทั้งสองคน ทั้งสองคน ก็เริ่มสั่นขึ้นมา และมีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากปาก พยายามอยู่ ภายในไม่กี่วินาที ทั้งสองคนก็ล้มลงกับพื้น และชักกระตุกขึ้นมา

ทุกคนตกใจกับการกระทำของรพีพงษ์ ทุกคนคิดไม่ถึงว่าเขาจะ มีเก่งกาจมากขนาดนี้ และจัดการกับคนสองคนได้อย่างง่ายดาย

“พวกแกยังยืนเฉยอยู่อีกทำไมล่ะ? ลุยพร้อมกัน ฉันไม่เชื่อว่า เขาจะสามารถจัดการกับคนมากมายอย่างพวกแกได้!”นิเษวก ตะโกน

คนที่เหลือต่างวิ่งพุ่งเข้าหารพีพงษ์ โดยถือกระบองไฟฟ้าไว้ใน มือและทุบไปที่ตัวรพีพงษ์

ท่าร่างของรพีพงษ์ยังไม่แน่นอน ไม่มีใครสามารถโดนร่างกาย ของเขาได้ และที่สำคัญทุกครั้งที่รพีพงษ์เคลื่อนไหวร่างกาย หนึ่งครั้ง คนพวกนั้นก็จะมีหนึ่งคนที่ล้มลง ในพริบตาเดียว พวก คนที่วิ่งพุ่งเข้ามาหารพีพงษ์ก็ล้มลงอยู่กับพื้น
เจสสิก้าและชุติเทพทั้งสองคนก็จ้องมองไปอย่างตะลึง นี่เป็น ครั้งแรกที่พวกเขารู้ว่านอกเหนือจากการเล่นหมากรุกเก่งกาจ ฝีมือการต่อสู้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

ทั้งนิเษวกและไพร่ทั้งสองคนก็เบิกตากว้าง เดิมทีพวกเขาคิด ว่ายืมคนจำนวนมากมาจากตระกูลกุลสวัสดิ์ ซึ่งมากเกินพอที่จะ จัดการกับไอ้เศษสวะนี้ แต่ใครจะคิดว่า แค่เศษสวะคนเดียว ใน ช่วงเวลาสั้นๆ กระทืบผู้คนจำนวนมากให้ล้มลงได้ขนาดนี้

เรื่องนี้ไม่ได้เป็นไปตามความคาดหมายของพวกเขา ฝีมือการ ต่อสู้ของรพีพงษ์เก่งกาจมากจริงๆ ซึ่งพวกเขาที่เหลืออยู่ก็มี เพียงพวกเขาสองคนพ่อลูก คนมากมายขนาดนี้ยังจัดการไม่ได้ แม้แต่พวกเขาสองคนก็ไม่สามารถสู้กับรพีพงษ์ได้

“นี่…..นี่ทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงได้เก่งกาจขนาดนี้ พ่อ ตอนนี้ พวกเราทํายังไงกันดี? นิเวกสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลมอง ไปที่ไพรำ

ไพร่าก็กลืนน้ำลาย นี่เป็นเรื่องนอกจากที่พวกเขาคิดเอาไว้ พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

หลังจากที่คนพวกนั้นถูกจัดการไปหมดแล้ว รพีพงษ์เก็บกระบอง ไฟฟ้ามาจากพื้นหนึ่งแท่ง แล้วเดินไปทางสองคนพ่อลูกตระกูล ภัทรรัฐชัย
สีหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และก้าวถอยหลังโดย ไม่รู้ตัว

“แก…..แกต้องการจะทำอะไร? ฉันเดือนแกไว้ก่อนว่าพวกเรา ไม่ใช่ว่าแกจะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ ถ้าแกกล้าลงมือกับพวกเรา ฉัน รับรองได้เลยว่าแกจะเสียใจนิเษวกตะโกนไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก เขาคว้าเสื้อผ้าของนิเวก พูดด้วย รอยยิ้มว่า: “อย่างนั้นนายลองพูดมาซิว่า นายมีอะไรที่ควรมีเรื่อง ด้วย”

“พวกเราเป็นญาติกับนายใหญ่ของตระกูลกุลสวัสดิ์ตระกูลอันดับ แรกของพวกแกที่นี่ คนพวกนี้เป็นคนที่นายใหญ่ของตระกูล กุลสวัสดิ์ให้พวกเรายืมมา แกกล้าลงมือกับพวกเรา นายใหญ่ ตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่มีทางปล่อยแกไปอย่างแน่นอน!”นิเษวกพูด

รพีพงษ์ยืนนิ่งไปชั่วครู่ และหรี่ตาลง โดยคิดไม่ถึงว่าเขาเป็น ญาติกับกุนลโรจน์

เพียงแต่ว่าสองคนพ่อลูกตระกูลภัทร์รัฐชัยคิดไม่ถึงว่า คนที่อยู่ ตรงหน้าพวกเขา แม้แต่นายใหญ่ของตระกูลกุลสวัสดิ์ก็ไม่กล้าที่ จะมีปัญหาด้วย
“เด็กน้อย กลัวแล้วใช่มั้ย ตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่ใช่ว่ายาจกอย่างแก จะสามารถมีปัญหาได้ รีบทิ้งกระบองไฟฟ้าในมือซะ ไม่อย่างนั้น ตอนนี้ฉันก็จะเรียกนายใหญ่ของตระกูลกุลสวัสดิ์มา”ไพรเห็น ท่าทางเช่นนี้ของรพีพงษ์ ก็คิดว่าเขากลัว

รพีพงษ์ กระบองไฟฟ้าไปที่บนตัวของนิเวก นิเวกก็ถูกแรง ไฟฟ้าช็อตจนตัวสั่นทันที

“ตอนนี้รีบโทรหากนลโรจน์ทันที ให้เขามา รพีพงษ์มองไปที่

ไพร่ามองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่เชื่อ เขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะไม่ กลัว อเสียงนายใหญ่ของตระกูลกุลสวัสดิ์ ตอนนี้ยังให้เขาโทร เรียกนายใหญ่ของตระกูลกุลสวัสดิ์มา

“แก…..แกอย่ามาอวดเก่งให้มากนักเลย ถ้าเกิดนายใหญ่ ของตระกูลกุลสวัสดิ์มาจริงๆ นายจบเห่แน่ๆ!”ไพรำพูด รีบหยิบ โทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา โทรศัพท์หากนลโรจน์

“พี่ พี่รีบมาช่วยผมด้วย ผมถูกคนอื่นทุบตี พี่ต้องพาคนมาให้ มากมายกว่านี้ ต้องช่วยผมเอาคืนด้วยนะไพรบอกตำแหน่งที่อยู่ ของตัวเองให้กับกุนลโรจน์ หลังจากที่วางสาย แววตาที่มองไป ที่รพีพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นอำมหิตขึ้นมา

“นายใหญ่ของตระกูลกุลสวัสดิ์จะมาถึงที่นี่เร็วๆ เมื่อเขามามันก็จะเป็นวันตายของแก!”

รพีพงษ์ไม่สนใจแต่อย่างใด แล้วเอากระบองไฟฟ้ามาช็อตบน ตัวของนิเษวกสักพัก

ไพรำมองไปที่สภาพที่น่าสงสารน่าเวทนาของนิเษวกที่ถูกไฟ ฟ้าช็อต และอาการขนลุกบนร่างกายก็เพิ่มขึ้น ก่อนที่กุนลโรจน์ จะมาถึง ทางที่ดีเขาก็ไม่ควรไปหาเรื่องรพีพงษ์

รพีพงษ์ทั้งกระบองไฟฟ้าไปที่บนตัวของนิเวก จากนั้นก็หัน กลับมาหยิบเก้าอี้ แล้วนั่งลง นิเษวกถูกไฟฟ้าช็อตจนลุกขึ้นมานั่ง อยู่บนพื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดร้องโอดโอยขึ้นมา

“พวกคุณทั้งสองคนก็นั่งลงมาพักผ่อนสักครู่ก่อน รอให้คนของ ตระกูลกุลสวัสดิ์ค่อยว่ากันรพีพงษ์มองไปที่ชุติเทพและเจสสิก้า

สีหน้าของชุดิเทพและเจสสิก้าเต็มไปด้วยความเป็นกังวลเดิน ไปที่รพีพงษ์ ชุติเทพกล่าวเตือน: “รพีพงษ์ ไหนๆนายก็จัดการ พวกเขาไปแล้ว ตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่ใช่ว่าจะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ ถ้าเกิดรอคนของตระกูลกุลสวัสดิ์มาจริงๆ พวกเราอาจจะไม่รอด ก็ได้

รพีพงษ์ยิ้มขึ้นมา มองไปทีชุติเทพ แล้วพูด: “ไม่รอดอาจจะเป็นพวกเขามากกว่า นั่งลงรอสักพัก มีฉันอยู่ทั้งคน ไม่มีเรื่อง อะไรเกิดขึ้นหรอก”

จู่ๆชุติเทพก็จําได้ว่า บอสใหญ่ของเมืองริเวอร์รพีพงษ์นำพา ออกมาเอง ถ้ารพีพงษ์พูดเช่นนี้ อย่างนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร แน่นอน

หลังจากที่ชุติเทพรู้จักกับรพีพงษ์ รพีพงษ์ไม่เคยทำเรื่องอะไร ที่ไม่น่าเชื่อถือมาก่อน และที่สำคัญผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่ คิด ในเวลานี้เขากังวลอยู่ และลืมเรื่องนี้ไปเลย

ในที่สุดนิเวกก็เอากระบองไฟฟ้าออกไปจากบนร่างกายของตัว เองได้ไม่ง่ายเลย เขาเห็นว่ารพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคนยังไม่ไป ในใจก็ดูถูก คิดว่าเดี๋ยวรอให้นายใหญ่ของตระกูลกุลสวัสดิ์มา ก็ จะช่วยเขาจัดการทั้งสามคนอย่างแน่นอน

ในไม่ช้า ที่หน้าประตูบ้านไรก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาเข้า ดวงตา ของนิเวกและไพรก็เปล่งประกายขึ้นมา พวกเขารู้ว่าคงเป็นคน ของตระกูลกุลสวัสดิ์มาถึงแล้ว

ใช่จริงๆด้วย ในพริบตาเดียว กุนลโรจน์นำกลุ่มคนวิ่งพุ่งเข้าไป ในบ้านไร่ ในเวลานี้สีหน้าของกุนลโรจน์เคร่งเครียด เขาคิดไม่ ถึงว่าคนที่ตัวเองให้ไพร่ามมากมายขนาดนี้ ยังไม่สามารถรับมือได้ ก็ไม่รู้ว่าไพร่ำสองคนพ่อลูกมีเรื่องกับใคร

เมื่อหลังจากที่ไพรเห็นกุนลโรจน์ ก็รีบวิ่งไปทางเขา แล้ว พูด: “พี่ พี่ต้องช่วยผมจัดการนะ คนมากมายที่พี่ให้ผมยืมมาไม่ สามารถรับมือกับไอ้หมอนี่ได้เลย ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับไอ้หมอนี่ ทั้งๆที่พวกเราก็ตรวจสอบดูแล้วว่าเขาเป็นแค่เศษสวะที่มีชื่อเสียง ในเมืองริเวอร์ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเก่งกาจขนาดนี้”

เมื่อกุนลโรจน์ได้ยินคำพูดของนิเษวก ก็เอะใจเลยทันที ใน ความคิดก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

เขารีบมองเข้าไปในสวน หลังจากที่สายตาไปตกอยู่ที่บนตัวร พงษ์ ในใจก็ตะโกนว่าไม่ดี เรื่องที่เขากังวลมากที่สุด ก็ได้เกิดขึ้น แล้ว

รพีพงษ์เหลือไปมองกุนลโรจน์ ตะคอกอย่างเย็นชา แล้วพูด: “นายใหญ่กุลสวัสดิ์ นายโอฬารมากนะ ที่ส่งคนมาช่วยสอง คนนี้จัดการกับฉัน ทำไม หรือว่านายอยากจะเหมือนกับบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเหรอ?”

บนหน้าผากของกุนลโรจน์ก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา เขารีบเดิน ไปตรงหน้ารพีพงษ์ โค้งคำนับแล้วพูด: “คุณรพี นี่เป็นเรื่องเข้าใจ ผิดกันครับ ผมไม่ได้ส่งคนมาจัดการกับคุณ ผมได้ข่าวว่าคุณเดือด ร้อน ดังนั้นจึงรีบพาคนมาช่วยคุณครับ”
บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเพิ่งจะถูกรพีพงษ์ทำให้ล้มละลาย ถ้าเขาวิ่งเข้าชนปากกระบองปืนของรพีพงษ์ จุดจบก็คงจะเป็น เรื่องที่สังเวชมาก ดังนั้นในเวลานี้ต่อให้กระทืบเขาให้ตายยังไงก็ ไม่สามารถยอมรับได้ว่าคนพวกนี้ที่ล้มอยู่บนพื้นเป็นคนที่ตัวเอง ส่งมา

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดเช่นนี้ของกุนลโรจน์ ก็อดไม่ได้ที่จะ หัวเราะขึ้นมา คิดในใจการตอบสนองของกุนลโรจน์ก็รวดเร็ว เหมือนกันนะ แม้ว่าเรื่องนี้จะเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ในเมื่อกุนล โรจน์พูดเช่นนี้ อย่างนั้นตัวเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้ก็พอ

“หื้อ? นายบอกว่านายมาช่วยฉัน อย่างนั้นยังจะยืนเฉยอยู่ทำไม อีกล่ะ สองพ่อลูกตระกูลภัทร์รัฐชัย ตอนนั้นอยากจะให้ฉันคุกเข่า ลง”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อกุนลโรจน์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็รีบหันกลับไปทันที มองไปที่ลูกน้องของตัวเอง ตะโกน: “พวกแกยังยืนเฉยอยู่อีก ทำไม รีบๆจับตัวไอ้สองคนที่รนหาที่ตายให้มาฉันเดี๋ยวนี้!

คนพวกนั้นไม่กล้าลังเล และรีบไปจับกุมนิเษวกและไพรทั้ง สองคนไว้

ไพรําสองคนพ่อลูกก็ตกตะลึงทันที ทำไมนายใหญ่ของตระกูล กุลสวัสดิ์มาถึงที่นี่ กลับกลายเป็นมาช่วยรพีพงษ์ล่ะ?
“พี่ พี่เป็นอะไร พี่ทำไม……..

คำพูดของไพว่ายังพูดไม่หมด กุลโรจนก็ตา เขาตรงๆ หนึ่งที แล้วค่า: “ใครแม่งเป็นพี่ชายของแก อย่ามานับกันสาดิฉัน ตอนนี้นะ แกกล้าทำให้คุณรพี่ไม่พอใจ ต่อให้แ วันนี้ฉันก็ไม่ยอมรับ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ