บทที่ 290 เสน่ห์ของรพีพงษ์
บทที่ 290 เสน่ห์ของรพีพงษ์
แววตาแห่งความคาดหวังมลายหายไป เธอมองรพีพงษ์ อย่างไม่อยากจะเชื่อ คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะไม่เข้าไปจริงๆ
ที่จริงแล้วสําหรับรพีพงษ์ งานเลี้ยงแบบนี้ไม่ได้มีความหมาย อะไร พรุ่งนี้ก็แค่การแข่งของพวกวัยรุ่นเท่านั้น ไม่มีพวกเซียน ระดับประเทศมาร่วมงาน สุดท้ายคนที่ชนะก็เป็นรพีพงษ์อยู่ แล้ว เพราะฉะนั้นจะปรึกษาหรือไม่ปรึกษาก็ไม่เห็นจะมีอะไร
นฤมิตได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนี้ ก็แสยะยิ้มเย้ยหยันออกมา เขา คิดว่ารพีพง คงจะกลัวแล้ว
รวินท์จ้องรพีพงษ์ จากนั้นจึงส่งเสียงหีออกมาแล้วเดินเข้าไป ข้างใน ตอนนี้เธอไม่สนใจรพีพงษ์อีกแล้ว ไอ้หมอนี่น่ารังเกียจ จริงๆ
ในเมื่อยอมรออยู่ข้างนอก เขาคงจะไม่มาอ้อนวอนเธอแน่ อย่าบอกนะว่าเขาดูไม่ออกว่าเธอแค่ต้องการกู้หน้ากลับมา
นฤมิตรีบตามไป ทิ้งให้รพีพงษ์ยืนอยู่ตรงนั้น สําหรับเขาแล้ว รพีพงษ์ก็แค่ผู้ชายจนๆ ที่เข้ามาเกาะแกะรวินท์ เขาไม่เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตา
รพีพงษ์เห็นห้องโถงในร้านอาหารมีตู้แสดงวัตถุโบราณ เขา จึงเดินเข้าไปเพื่อฆ่าเวลา
หลังจากทีรวินท์เดินเข้ามาในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราใน ร้านอาหาร เธอก็นั่งลงอย่างหงุดหงิด ตั้งแต่เด็กจนโตนี่เป็น ครั้งแรกที่เธอรู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้
ตามหลักแล้วการทีรพีพงษ์ทำแบบนี้ เธอควรจะรังเกียจเขา ถึงจะถูก แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งรพีพงษ์ไม่เห็นเธออยู่สายตา เธอ กลับยิ่งอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างต่อหน้ารพีพงษ์
ในห้องมีคนนั่งรออยู่เจ็ดแปดคน คนพวกนี้เป็นคนที่มีฝีมือการ เล่นโกะในเมืองกรีนโคล ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งล้อมอยู่ที่โต๊ะ เล่นโกะในห้อง สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่กระดานโกะที่ อยู่บนโต๊ะ
ห้องนี้เป็นห้องของสมาคมโกะแห่งเมืองกรีนโคล โดยปกติ คนในสมาคมจะมาทานข้าวที่นี่เป็นประจำ บางครั้งก็เล่นโกะกัน บ้าง เพราะฉะนั้นจึงตั้งใจวางโต๊ะเล่นโกะไว้ที่นี่โดยเฉพาะ
เมื่อทุกคนเห็นรวินท์มาถึง จึงพากันเข้ามาทักทาย
“พี่วินท์ พวกเรากำลังหากลวิธีการเล่นที่ยากมาก ตอนนี้ กําลังหาวิธีทําให้ผ่านอยู่ พี่มาเล่นด้วยกันไหม” ชายคนหนึ่ง มองรวินท์
“ไม่อ่ะ กำลังหงุดหงิดอยู่” รวินท์ตอบกลับอย่างเย็นชา
ชายคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีก สำหรับพวกเขาแล้วรวินท์เป็น คนที่เย็นชาเป็นปกติ ดังนั้นทุกคนจึงสังเกตไม่ออกว่าเธอกำลัง หงุดหงิด
แต่นฤมิตกลับมองออกว่ารวินท์ผิดปกติไป จึงเอ่ยถามออกมา ว่า “ไอ้หมอนั่นทำให้คุณโกรธใช่ไหม ถ้าใช่ ผมจะไปจัดการ มัน”
“เขาจะทำให้ฉันโกรธได้ยังไง ฉันไม่ได้โกรธเพราะเขาสัก หน่อย คุณคิดเยอะไปแล้ว” ปากพูดแบบนั้นแต่สีหน้ากลับ ไม่ใช่เช่นนั้น
นฤมิตไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อเขาได้ยินรวินท์พูดเช่นนั้นก็ พยักหน้า
ผ่านไปราวสิบนาที รวินท์ไม่อยากนั่งต่อไปแล้ว เธอรู้สึกว่าให้ รพีพงษ์รออยู่ข้างนอกจะดูเสียมารยาทไปหน่อย ถ้ารพีพงษ์ กลับไปบอกนฤพล เธอต้องโดนดุแน่ ที่เธออยากออกไปดูรพีพงษ์เพราะกลัวถูกดุ ไม่ใช่เพราะอยากออกไปดูว่าเขา ทําอะไรอยู่เสียหน่อย
เธอลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก นฤมิตเห็นเช่นนั้นจึง ตามออกไป “คุณจะไปไหน
“ฉันจะไปดูว่าคนซื่อบื้อนั่นทำอะไรอยู่ เขาไม่รู้จักใครที่นี่ กลัว จะไปหาเรื่องใครเข้า” รวินท์เอ่ยขึ้น
นฤมิตอึ้งไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ไอ้นั่นมันเป็นคนที่มาเกาะแกะ คุณไม่ใช่เหรอ ทําไมคุณเป็นห่วงเขาล่ะ
“เหอะ ใครห่วงกันล่ะ พ่อให้เขาตามฉันมา ถ้าฉันไม่ดูแลเขา พ่อก็ด่าฉันสิ” รวินท์พูด
สีหน้าของนถมิตเต็มไปด้วยความสงสัย ในเมื่อท่านน พลให้ รพีพงษ์ตามเธอมา แล้วทำไมเธอถึงโกรธเขาขนาดนั้นล่ะ
ทั้งสองคนเดินออกมาถึงห้องโถง รวินท์เห็นรพีพงษ์กำลัง มองวัตถุโบราณที่อยู่ในตู้โชว์ตรงห้องโถง จึงถอนหายใจออก มาอย่างโล่งอก ยังดีที่เขาไม่โกรธจนกลับไป ไม่งั้นเธอต้อง โดนพ่อด่าแน่
สุดท้ายแล้วในใจของเธอก็ยังใจกว้าง ถึงจะโกรธและน้อยใจ แต่มันก็มีสิ่งที่แตกต่างกันมาก
รวินท์เดินไปหยุดข้างหลังรพีพงษ์ เห็นว่าในมือของรพีพงษ์มี กาน้าชาอยู่ เธอกระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณดูของพวกนี้เป็น เหรอ ถึงมายืนดูอยู่ แต่ดูยังไงแล้วคุณก็ดูไม่สง่างามเหมือน คนอื่นหรอกนะ”
รพีพงษ์หันมาเจอรวินท์ “นี่เป็นของเลียนแบบกานาชาที่ทําจา กดินจื่อซาสมัยราชวงศ์ซ่ง ถึงแม้จะเป็นของเลียนแบบ แต่ว่า ทําได้ประณีตมาก
รวินท์แบะปากใส่รพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้เรื่องพวกนี้ ตอน แรกเธอคิดว่ารพีพงษ์แค่คนธรรมดา คงจะไม่มีโอกาสรู้จักของ พวกนี้หรอก
แต่การที่เขาพูดเกี่ยวกับที่มาของกาน้ำชาใบนี้ได้อย่าง ละเอียด ทำให้รวินท์อดไม่ได้ที่จะคิดว่ารพีพงษ์มีความรู้ด้าน วัฒนธรรม
จะบ้าตาย ทำไมยิ่งมองไอ้หมอนี่ก็ยิ่งถูกใจขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ละ วันนี้ฉันต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้
นฤมิตมองรพีพงษ์แล้วแบะปาก “มาอวดดีอะไรอีก แกก็แค่คนจนๆ ทํามาพูดเรื่องของโบราณ
“ฉันไม่อนุญาตให้นายพูด!” รวินท์หันไปจ้องนฤมิตด้วยสีหน้า ไม่พอใจ
นฤมิตงงไปหมด นี่เขากำลังค่ารพีพงษ์แทนรวินท์นะ คิดไม่ ถึงว่าเธอจะช่วยพูดแทนรพีพงษ์
แถมตอนนี้สายตามองรวินท์ที่มองรพีพงษ์มันก็ไม่ใช่สายตา ปกติ เพียงครู่หนึ่นฤมิตก็สังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง
“วินท์ คุณกับมันเป็นอะไรกัน” นฤมิดลองถามหยั่งเชิง
“ไม่ได้เป็นอะไรกัน” รวินท์ตอบ
นฤมิตมองรวินท์ เธอเหมือนเด็กผู้หญิงที่กำลังโกรธแฟน หนุ่ม หัวใจเขาเต้นตึกตัก จากนั้นจึงมองไปยังรพีพงษ์เหมือน เป็นศัตรู
ไอ้ผู้ชายที่แต่งตัวธรรมดาคือศัตรูหัวใจของเขาอย่างนั้นเห รอ เป็นไปไม่ได้ ไอ้ผู้ชายคนนี้ดูๆ ไปแล้วไม่เห็นมีอะไรพิเศษ ทำไมวินท์ถึงชอบผู้ชายแบบนี้ล่ะ
ไม่ว่ายังไงวันนี้เขาจะเสียหน้าต่อหน้าของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ ต้องให้มันรู้ฤทธิ์ซะบ้าง ให้มันรู้ว่าฐานะตัวเองแตกต่างจากวิ นท์ขนาดไหน
นฤมิตจ้องรพีพงษ์แล้วแสยะยิ้ม “ที่แท้นายรู้จักกับวินท์เหรอ ถ้าวินท์ไม่บอก ฉันก็นึกว่านายมาเกาะแกะเธอ ขอโทษด้วยนะ ฉันชื่อนฤมิต เป็นคุณชายของตระกูลมัคนานุกูล เป็นเพื่อนกับ วินท์มาตั้งแต่เด็ก ปีนั้นพ่อฉันเกือบจะให้ฉันหมั้นกับวินท์ตั้งแต่ เด็ก ไม่เป็นไรหรอกถึงจะหมั้นหรือไม่หมั้น ผลสุดท้ายมันก็ไม่ แตกต่างอะไรกัน
“รพีพงษ์” รพีพงษ์ฟังนฤมิตพูดยึดยาว เขาจึงพูดชื่อตัวเอง ออกไปตามมารยาท
รวินท์จ้องนฤมิตแล้วพูดว่า “ใครหมั้นกับนายตั้งแต่เด็ก อย่า มาหลงตัวเอง ฉันบอกนายแล้วว่าเรื่องระหว่างเราไม่มีทางเป็น ไปได้
นฤมิตมีสีหน้ากระอักกระอ่วน “จะเป็นไปได้ไหมก็ต้องรอดูต่อ ไป พี่เอากาน้ำชามาให้ผมฉันดูหน่อยสิ ฉันสนใจเรื่องพวกนี้
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจ เขาเอากาน้ำชาในมือส่งให้นฤมิต
แต่นฤมิตกลับหดมือกลับไป ทำให้กาน้ำชาที่รพีพงษ์ส่งให้ ตกลงไปบนพื้นจนแตก
“โอ้ ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันมือเป็นตะคริวนะ ฉันไม่ได้แตะกาน ชาเลยนะ งั้นแสดงว่าผมไม่ได้ทำแตกสินะ” นฤมิตพูดด้วย หน้าตาใสซื่อ
ผู้จัดการเห็นว่ากาน้ำชาในห้องโถงแตก จึงรีบเดินเข้ามา เขา ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ ทั้งสามท่าน พวกคุณทำ ของมีค่าของพวกเราแตก ถึงแม้ว่ากาน้ำชานี่จะเป็นเพียงของ เลียนแบบ แต่คนที่ทําเป็นคนมีฝีมือ ราคาหลายแสนเหมือนกัน พวกคุณจะชดเชยอย่างไรคะ”
นฤมิตชี้ไปที่รพีพงษ์แล้วพูดว่า “เขาเป็นคนทําแตก คุณถาม เขาสิ
รวินท์เหลือบมองนฤมิตอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงพูดกับรพี พงษ์ว่า “ไม่กี่แสนเอง คุณก็รู้ว่าตอนนี้ฉันโกรธคุณอยู่ คุณ ขอร้องฉันสิ แล้วฉันจะออกเงินให้ ว่าไง
สําหรับรวินท์แล้ว รพีพงษ์ดูเหมือนคนไม่มีเงิน ถึงแม้เขาจะ ยโส แต่เมื่อเจอเรื่องที่ต้องชดใช้ด้วยเงิน เขาคงจะไม่มีปัญญา จนต้องขอร้องเธอแน่นอน
ถึงแม้จะดูออกว่านฤมิตจงใจทํา แต่รวินท์ไม่โกรธเขา แต่ กลับมองว่ามันเป็นโอกาสที่รพีพงษ์จะต้องอ้อนวอนเธอ
นฤมิตก็มองว่ารพีพงษ์เป็นคนไม่มีเงินเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึง จงใจให้รพีพงษ์ทํากานาชาแตก เมื่อถึงเวลาต้องจ่ายเงิน รพี พงษ์จะได้รู้ถึงฐานะของตัวเอง เขาจะทำเป็นจ่ายเงินแทนพี พงษ์ ไม่แน่อาจจะทำให้รวินท์รู้สึกดีกับเขาบ้างก็ได้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือรวินท์บอกว่าจะจ่ายเงินแทน รพีพงษ์ มันทำให้เขารู้สึกหึงหวงขึ้นมาในใจจนอยากฉีกร พงษ์เป็นชิ้นๆ
“วินท์ คุณจะจ่ายเงินที่ได้ยังไง เมื่อกี้เป็นความผิดพลาดของ ผมเอง ให้ผมจ่ายเถอะ” นฤมิตรีบพูด
รพีพงษ์มองทั้งสองคนแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง ผมจ่ายเอง”
พูดพลางเขาก็หยิบแบล็กการ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ว ยื่นให้ผู้จัดการ “รูดบัตรนี้เลย”
รวินท์เบิกตาโตมองรพีพงษ์ “รพีพงษ์ คุณไม่ได้ยินที่เธอบอก เหรอว่ากานําชานั่นหลายแสนเชียวนะ นายจะเอาเงินเยอะ ขนาดนั้นมาจากไหน ฉันแค่อยากให้นายกลัวฉันบ้าง ทำไม นายต้องเป็นศัตรูกับฉันด้วยเนี่ย”
“ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับคุณ แค่เงินไม่กี่แสน ผมจ่ายเองได้” รพี พงษ์พูดอย่างลำบากใจ
“อวดดีต่อไปเถอะ ดูยังไงนายก็ไม่เหมือนคนที่จะจ่ายเงินเป็น แสนได้นะ วินท์ ไอ้คนที่ชอบอวดดีแบบนี้มันมีดีอะไร ตอนนี้คุณ เห็นธาตุแท้ของมันแล้วใช่ไหมล่ะ มันเอาแบล็กการ์ดออกมา ผมไม่เคยเห็น……
“เดี๋ยวนะ นะ นี่มันแบล็กการ์ดของธนาคารโลกนิ!”
สายตาของนฤมิตมองไปยังแบล็กการ์ด จู่ๆ เขาก็เบิกตาโต
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ