แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 269 นี่คือของขวัญที่ผมเตรียมให้คุณ



บทที่ 269 นี่คือของขวัญที่ผมเตรียมให้คุณ

เมื่อทําบัตรธนาคารเสร็จ พนักงานตรงเคาน์เตอร์ นําเงินสองแสนฝากไว้ในบัตร ทั้งสองนำกระเป๋าเป้ที่ มีเงินสดจํานวนสามล้านห้าแสนออกจากธนาคาร

รพีพงษ์สะพายกระเป๋าสองใบไว้ที่ไหล่ซ้ายและ ไหล่ขวา ส่วนอีกใบให้ชนิสราสะพายหลังไว้

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกว่าเงินมันหนักขนาด

“ระ รพีพงษ์ พวกเราจะสะพายกระเป๋ากลับไปแบบ นี้จริงๆ เหรอ ถ้ามีคนตามมาจะทำยังไง” ชนิสราเอ่ย กาม

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “วางใจเถอะครับ ไม่มี ใครมาชิงไปหรอก อีกอย่างก็แค่เงินสามล้านกว่า บาท ไม่ถึงกับมากมายอะไร

ชนิสราสูดหายใจลึก สามล้านกว่าบาทยังไม่ถือว่า มากอีกเหรอ งั้นรพีพงษ์มีเงินเท่าไรกันแน่
เธอกลืนน้ำลายลงคอ สะพายกระเป๋าไว้ข้างหลัง แล้วเดินตามรพีพงษ์ไป ในเมื่อรพีพงษ์ไม่กลัว งั้น เธอก็ไม่จําเป็นต้องกลัวอะไรเหมือนกัน

รพีพงษ์เดินไปริมถนน แล้วเรียกรถแท็กซี่แล้วนำ กระเป๋าเป้ทั้งสามใบวางไว้ท้ายรถ คนขับรถเห็น แสดงสีหน้าประหลาดใจ เขาคิดในใจว่าสองคนนี้ แบกกระเป๋าใบใหญ่สามใบมาทำอะไรกัน

เมื่อเข้ามานั่งในรถได้ไม่นาน เสียงมือถือของรพี พงษ์ดังขึ้น เป็นอารียาที่โทรมา

“ตอนนี้นายอยู่ไหน” อารียาเอ่ยถาม

“ผมอยู่บนรถแท็กซี่ มีอะไรหรือเปล่า” รพีพงษ์ตอบ

“ฉันเพิ่งนึกออกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของแม่ ตอนนี้ เพื่อนของแม่เอาของขวัญมาให้แม่ นายซื้อของขวัญ มาให้แม่หน่อยสิ เพื่อนของแม่ค่อนข้างน่ารำคาญ ถ้ารู้ว่านายไม่ซื้อของขวัญมาให้แม่ ต้องเอาไปพูด ลับหลังอย่างแน่นอน” อารียาเอ่ยขึ้น

“ได้ เดี๋ยวผมจะหาซื้อของขวัญกลับไป” รพีพงษ์ตอบ

เมื่อวางสายลง รพีพงษ์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็คิดไม่ ออกว่าจะซื้อของขวัญอะไรให้ศศินัดดา

แถมตอนนี้เขายังมีกระเป๋าเงินสามใบ จะไปซื้อ อะไรคงไม่สะดวก หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง รพีพงษ์ คิดในใจว่าเงินสดในกระเป๋าสามใบ ก็เป็นของขวัญ ได้น

สิ่งที่ศศินัดดาชอบที่สุดก็คือเงิน เมื่อถึงตอนนั้นเขา เอากระเป๋าที่บรรจุเงินไปวางไว้ตรงหน้าเธอ เธอต้อง มีความสุขอย่างแน่นอน

ในคฤหาสน์ดงเย็น

ในเวลานี้ศศินัดดามองเพื่อนผู้หญิงที่อายุรุ่นราว คราวเดียวกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คนพวกนี้เป็นเพื่อน เก่าของเธอ ไม่ได้ติดต่อกันมาสองสามปีแล้ว

จู่ๆ วันนี้คนพวกนี้ก็เอาของขวัญมาให้เธอที่ดงเย็น บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้ศศินัดดา แต่ละคนมีท่าที กระตือรือร้น
การที่คนพวกนี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ก็เพราะว่า พวกเขาได้จากเพื่อนว่าศศินัดดามาอยู่ในคฤหาสน์ ดงเย็น

ที่อยู่อาศัยแห่งนี้เป็นการการันตีถึงฐานะของผู้ อาศัย แต่ก่อนคนพวกนี้ค่อยๆ ขาดการติดต่อกับศศิ นัดดา เพราะคิดว่าศศินัดดาไม่มีค่าอะไรที่จะคบหา สมาคมด้วย ตอนนี้จู่ๆ เธอมาอยู่ในดงเย็น คนพวกนี้ จึงมาคบค้าสมาคมกับเธอ

ศศินัดดาลืมวันเกิดของตัวเองไปแล้ว ถ้าคนพวกนี้ ไม่มา เธอก็คงจําไม่ได้

“พวกเธอซื้ออะไรมาเยอะแยะ ฉันไม่ได้ขาดเหลือ อะไรเลย วันหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาแล้วนะ อยาก ทานอะไรเดี๋ยวฉันจะซื้อให้ ” ศศินัดดายิ้มแล้วมอง คนพวกนั้น

วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ พวกเราต้องเอาของขวัญ มาให้สิ จะไม่พูดก็ไม่ได้ สองสามปีมานี่เธอเปลี่ยน ไปเยอะเลยนะ พริบตาเดียวก็มาอยู่ในคฤหาสน์หลัง โตแบบนี้แล้ว ถ้าไม่ได้เธอ ทั้งชีวิตของพวกเราคงไม่ ได้เห็นอะไรบ้านที่ดูดีขนาดนี้” ผู้หญิงที่ดูมีอายุที่สุด เอ่ยขึ้น เพื่อนของศศินัดดามีทั้งอายุมากกว่าและน้อยกว่า

ถ้าเรียงตามอายุ ในห้าคนนี้ คนที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่

คือ ใหญ่ ส่วนศศินัดดาเป็นคนที่สามในกลุ่ม

“ใช่ บ้านหลังนี้ลูกเขยของเธอซื้อใช่ไหม เก่งจริงๆ เลย เราอยากอยู่ที่แบบนี้บ้างแต่ก็ไม่มีปัญญา”ผู้ หญิงที่ถือเป็นพี่รองของกลุ่มเอ่ยขึ้น

อันที่จริงเธอรู้ว่าลูกเขยของศศินัดดาคือรพีพงษ์ และยังรู้ชื่อเสียงของรพีพงษ์ในเมืองริเวอร์อีกด้วย การที่เธอพูดแบบนั้น เพื่อที่จะลองเชิงดูว่ารพีพงษ์ เป็นยังไง

อีกอย่างชีวิตของศศินัดดาเปลี่ยนไปขนาดนี้ ในใจ ของพวกเธอมีแต่ความอิจฉา เพื่อที่จะทำให้จิตใจ สงบขึ้น จึงหันไปลงกับรพีพงษ์

ศศินัดดาได้ยินพี่สาวคนรองในกลุ่มพูดถึงรพีพงษ์ สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนไปทันที วันนี้ตอนเช้ารพี พงษ์บอกว่าจะไปถอนเงินสดที่ธนาคารมาให้เธอ แต่ ทว่าถึงตอนนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน

เธอคิดในใจว่ารพีพงษ์ต้องหลอกเธออย่างแน่นอน ไอ้สวะนั่นคงไม่มีเงินสดสามล้านมาให้เธอหรอกเธอคิดไปว่าถ้ารพีพงษ์กลับมาแล้วไม่มีเงินให้เธอ

เธอจะไล่มันออกจากบ้านยังไง

แต่ไม่นานเพื่อนของเธอมาหาที่บ้าน เธอจึงไม่มี เวลาไปสนใจเรื่องของรพีพงษ์

ตอนนี้พี่คนรองของกลุ่มพูดถึงรพีพงษ์ ความโกรธ ก่อตัวขึ้นในใจของศศินัดดา จนทําให้เธอสีหน้าไม่ดี

“อย่าพูดถึงไอ้สวะนั่นเลย คฤหาสน์หลังนี้ได้มา เพราะความสามารถของลูกสาวฉัน ไม่ได้เกี่ยวอะไร กับมัน อันที่จริงไอ้สวะนั่นมันขวางหูขวางตาฉันมาก กําลังคิดที่จะไล่มันออกจากบ้าน” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น

“อย่าบอกนะว่าตอนนี้ลูกเขยของเธอก็ยังไม่ทำการ ทำงาน” พี่คนรองของกลุ่มถามขึ้น

“ก็ใช่น่ะสิ วันๆ ไม่ทำอะไรสักอย่าง แถมยังมาพูด อวดดีต่อหน้าฉันว่าตัวเองมีเงินเยอะ ฉันว่าเงินของ มันก็คือเงินที่ขโมยจากลูกสาวฉัน มันไม่มีความ สามารถอะไรเลย จะมีปัญญาเอาเงินมาจากไหน ศศินัดดาพูดด้วยความหงุดหงิด
คนพวกนั้นมองศศินัดดาด้วยท่าทีเห็นใจ แต่ทว่าใน ใจกลับรู้สึกมีความสุข สําหรับพวกเธอแล้ว ถึงแม้ว่า จะอยู่ในที่ดีๆ แบบนี้ แต่การที่มีลูกเขยไม่ เอาไหนก็ทําให้ศศินัดดาทุกข์ใจได้แล้วล่ะ

น่าเหนื่อยใจจริงๆ ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้อารียาเป็น ประธานของบริษัท ถ้ารพีพงษ์ยังไม่เอาไหนแบบนี้ มันไม่เหมาะสมกับอารียาจริงๆ นะ” ผู้หญิงที่มีอายุ ในลำดับที่สี่ของกลุ่มพูดขึ้น

ขณะนั้นอารียานผลไม้ที่หั่นเรียบร้อยมาให้ เธอ ได้ยินสิ่งที่ศศินัดดาพูดถึงรพีพงษ์ จึงขมวดคิ้วขึ้น

“แม่ ถ้าแม่ยังพูดถึงรพีพงษ์ในทางที่ไม่ดีอีกแล้ว แม่บอกว่าคฤหาสน์นี่ไม่ใช่เงินของเขา แล้วเครื่อง ประดับของแม่ล่ะ เงินที่พวกเราเอาไปกินเอาไปใช้ เอาไปเที่ยว ก็เป็นเงินของรพีพงษ์ทั้งหมด แม่มาว่า เขาแบบนี้มันไม่เหมาะสมนะคะอารียาพูดเถียง

ดูสิ ลูกสาวของฉันพูดแทนรพีพงษ์อีกแล้ว พอฉัน พูดถึงรพีพงษ์ก็จะต้องทะเลาะกับลูกสาวทุกไม่รู้ รพีพงษ์ล้างสมองเธอยังไง ลูกสาวของฉันใกล้จะลืม ฉันเต็มที่แล้ว” ศศินัดดาพูดต่อว่าออกมา
“หนูพูดความจริง การที่หนูได้เป็นประธานของ

บริษัทตระกูลฉัตรมงคล ก็เพราะรพีพงษ์เป็นคนช่วย แม่หยุดดูถูกร พงษ์ได้แล้ว” อารียาพูดแย้ง

“พึ่งพาเขางั้นเหรอ แล้วทำไมมันไม่เป็นประธานซะ

เองล่ะ ก็เพราะมันไม่เอาไหนไง” ศศินัดดาบ่นพึมพำเ

เพื่อนของศศินัดดาคิดว่าอารียากำลังพูดให้รพี พงษ์ดูดี ดูจากความสามารถของรพีพงษ์ คงไม่มี ปัญญาทําได้หรอก

“อารี เธอไม่ต้องไปพูดแทนคนไม่เอาไหนแบบนั้น คนในเมืองริเวอร์รู้ดีว่ามันเป็นคนยังไง ตอนนี้เธอ เลิศขนาดนี้ ถึงจะหย่ากับมัน ก็ได้เจอคนดีๆ อย่าง แน่นอน ฉันว่าเธอสลัดมันออกไปจากชีวิตเถอะ” พี่ ใหญ่ของกลุ่มพูดเตือนอารียา

“พี่พูดถูก อารีสวยขนาดนี้แถมยังเป็นประธาน บริษัท คนดีเลิศขนาดนี้ต้องคู่กับผู้ชายที่ดีเลิศสิถึง จะถูก เธอสลัดมันออกไปจากชีวิตเถอะ แล้วไปหา คนที่ดีกว่ามัน” น้องคนสุดท้องในกลุ่มเอ่ยขึ้น

อารียาเห็นคนพวกนี้ช่วยศศินัดดาเกลี้ยกล่อมให้เธอสมัครพีพงษ์ออกไป จู่ๆ เธอก็โมโหขึ้นมา “หนู ไม่มีทางแยกกับรพีพงษ์ หนูยอมให้เขาเป็นสามีคน เดียวในชีวิตของหนู คุณป้าทั้งหลายไม่ต้องมาเกลี้ย กล่อมหนูหรอกค่ะ”

ศศินัดดาถอนหายใจ แล้วพูดว่า “เห็นหรือยัง ฉัน บอกแล้วว่าลูกสาวฉันโดนรพีพงษ์ล้างสมองไปแล้ว

พี่ใหญ่ในกลุ่มกลอกตาไปมา มองอารียาแล้วถาม ว่า “แคลร์ เธอพูดถึงเขาดีขนาดนี้ วันนี้เป็นวันเกิด ของแม่เธอ แล้วเขาไปไหนล่ะ เขาควรจะอยู่ฉลอง วันเกิดกับแม่ของเธอสิ แถมวันสำคัญแบบนี้ ถ้าเขา ไม่มีอะไรมาให้แม่เธอ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงแล้ว”

“เดี๋ยวอีกสักพักเขาก็กลับมา เขามีของขวัญมาให้ แม่แน่นอน” อารียาเอ่ยขึ้น

เธอรู้จักรพีพงษ์ดี ในเมื่อเขาพูดตอนคุยกันทาง โทรศัพท์ว่าจะซื้อของขวัญมาให้ เขาไม่กลับคำพูด แน่นอน

“ฉันว่าคงจะไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ มันคงไม่คิดเรื่อง แบบนี้หรอก คิดแต่เรื่องของตัวเองน่ะสิ” พี่ใหญ่ของ กลุ่มเอ่ยขึ้นไม่มีทาง ไม่ใช่คนแบบนั้น” อารียาเอ่ยขึ้น

งั้นเธอพนันกับฉันไหมล่ะ ถ้าของขวัญที่รพีพงษ์ เอามาพอดูได้ พวกรเราจะไม่พูดอะไรอีก แต่ถ้าของ ขวัญที่มันเอามาดูแย่มากหรือถ้ามันไม่เอาของขวัญ มา เธอต้องถีบมันต่อหน้าพวกเรา เป็นไง” น้องคนที่ สีของกลุ่มพูดแล้วกลอกตาไปมา

“เป็นความคิดที่ดี จะดูว่าลูกเขยเป็นคนดีหรือไม่ก็ ดูจากของขวัญที่ให้แม่ยายในวันเกิดเนี่ยแหละ วัน เกิดของฉันครั้งก่อน ลูกเขยให้สร้อยคอราคาตั้งเป็น หมื่นแน่ะ” น้องคนสุดท้องในกลุ่มเอ่ยขึ้น

“ใช่ ใช่ เมื่อสองสามวันก่อนลูกเขยฉันเอาบัตร ธนาคารให้ฉัน บอกว่าให้ฉันเอาไปเป็นค่าขนม ฉัน ไปดูที่ธนาคารมีเงินตั้งหนึ่งแสนแน่ะ” พี่ใหญ่ของ กลุ่มหัวเราะออกมา

น้องคนรองของกลุ่มก็ไม่น้อยหน้า พูดขึ้นมาว่า “แม้ว่าลูกเขยของฉันจะไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่ตอนขึ้น ปีใหม่เขาซื้อเสื้อราคาสองสามพันให้ฉันสองตัว เท่า นี้ก็เห็นความกตัญญูของเขาแล้ว

ศศินัดดาได้ยินทุกคนต่างพากันชื่นชมลูกเขยของตัวเอง สีหน้าของเธอดูไม่ดี ในความคิดของเธอรฟี

พงษ์มีแต่คำว่าแย่เท่านั้น

ถึงแม้ก่อนหน้านี้รพีพงษ์จะให้เครื่องประดับราคา แพงกับเธอ แถมยังมอบคฤหาสน์นี้ให้เธอ แต่เธอไม่ ได้เห็นว่ารพีพงษ์ดีอะไรขนาดนั้น และตอนนี้เธอไม่ ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้แล้วด้วย แค่รู้สึกว่ารพีพงษ์เทียบ กับลูกเขยของเพื่อนๆ เธอไม่ได้เลย

เมื่อทุกคนเห็นสีหน้าของอารียาหมองลง ในใจก็มี ความสุข รู้สึกว่าจิตใจสงบลงเยอะ

“อารี แม่ว่าพวกป้าๆ เขาพูดถูกนะ ถ้ารพีพงษ์กลับ มาแล้วเอาของขวัญที่ดูไม่ค่อยได้มาให้แม่ ลูกก็หย่า กับมันเลย ลูกเขย ไม่กตัญญูมีไปก็ไร้ประโยชน์ ศศินัดดาเอ่ยขึ้น

อารียาหมดคำจะพูด “แม่อย่าไร้เหตุผลสิคะ”

“ใครไร้เหตุผล พวกป้าๆ เขาก็คิดอย่างนั้น ทำไม ถึงไม่มีเหตุผลได้ล่ะ ไม่รู้ล่ะเรื่องนี้ตกลงอย่างที่แม่ ว่า ถ้ารพีพงษ์กลับมาแล้วเอาของขวัญที่ดูไม่ได้มา ให้แม่ ลูกต้องหย่ากับรพีพงษ์ต่อหน้าพวกป้าๆ” ศศิ นัดดาพูดด้วยท่าทีแน่วแน่
เพื่อนของแม่เอาแต่ช่วยพูดยุยง จนไม่มีโอกาสให้

อารียาได้พูด

ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์กับชนิสราแบกกระเป๋าเป้ มีเงินสดทั้งสามใบเดินเข้ามาในบ้าน

เมื่อทุกคนเห็นรพีพงษ์ต่างพากันหันไปมองเขา

อารียารีบเดินเข้าไปแล้วถามว่า “รพีพงษ์ นายชื่อ ของขวัญให้แม่หรือยัง”

“ของขวัญน่ะมี แต่ไม่ใช่ของขวัญที่ซื้อมานะ” รพี พงษ์ยิ้มแล้วพูดออกมา

“ของขวัญอะไร” อารียาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถ้ารพีพงษ์เตรียมของขวัญที่ไม่เข้าท่า ศศินัดดา ต้องหาเรื่องเขาแน่นอน

“อีกเดี๋ยวคุณก็รู้” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

เขายิ้มแล้วเดินไปทักทายคนพวกนั้นที่ข้างโซฟา

เพื่อนของศศินัดดามองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าดูถูก ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

“รพีพงษ์ ไหนของขวัญที่แกซื้อให้ฉัน ฉันจะบอก ให้นะ ฉันพูดกับแคลร์แล้ว ถ้าวันนี้ของขวัญของแก ไม่เข้าท่า แกต้องหย่ากับแคลร” ศศินัดดาพูดด้วย สีหน้าเย็นชา

รพีพงษ์อึ้งไป แต่จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “แม่ต้องชอบของขวัญที่ผมเตรียมไว้ให้แน่นอน”

พูดจบเขาจึงไปหยิบกระเป๋าเป้ทั้งสามใบมา

ทุกคนจ้องกระเป๋าเป้ทั้งสามใบ ไม่รู้ว่าคืออะไร

“อะไรเหรอ เยอะขนาดนี้ คงไม่ใช่ของที่มีค่าอะไร ใช่ไหม” พี่ใหญ่ของกลุ่มพูดขึ้น

“ฉันก็ว่าอย่างนั้น ถ้าเป็นของมีค่า จะใส่ในกระเป๋า เป๊สามใบใหญ่ไปทําไม นี่คงไม่ใช่กระเป๋าใส่หนังสือ หรอกใช่ไหม” น้องรองของกลุ่มพูดเสริม

“ฉันว่าคงไม่ต้องดูแล้วล่ะ ไม่ใช่ของดีอะไรแน่นอน ไม่แน่อาจจะเป็นของที่เอามาจากตลาดค้าส่ง กระเป๋าตั้งสามใบใหญ่ เหมือนคนเก็บขยะจริงๆ193137808_3059905900911534_2487847532470419556_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ