บทที่ 267 ไร้ยางอายทั้งบ้าน
ทั้งสามคนจ้องรพีพงษ์ คนที่เป็นลูกชายมีสีหน้าไม่ พอใจ “แกเป็นใคร อย่ามายุ่งเรื่องคนอื่น ไสหัวไป
ชายหญิงวัยกลางคนมองรพีพงษ์ด้วยสายตา เหยียดหยาม เหมือนไม่เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตา
รพีพงษ์ยืนอยู่ตรงหน้าซอยโดยไม่ขยับไปไหน ตอนนี้ไม่ว่าร้ายดียังไงก็ถือว่าชนิสราเป็นส่วนหนึ่ง ของบ้านเขา เมื่อเห็นเธอโดนกลั่นแกล้ง เขาจึงทํา เป็นไม่สนใจไม่ได้
คนที่เป็นลูกชายเห็นรพีพงษ์ไม่ขยับไปไหน จึงเดิน ขึ้นมาแล้วเอาไหล่ชนรพีพงษ์
“กล้ามาอวดดีแถวนี้ได้ไง แกคิดว่าฉันจะกลัวเหรอ ฉันจะบอกให้นะ ตอนฉันอยู่บ้านนอกฉันมีพรรคพวก นะ คนในหมู่บ้านถ้าเจอฉันแล้วไม่เรียกลูกพี่ ก็ไสหัว ไปให้หมด แกอย่ามายืนขวาง” คนที่เป็นลูกชายพูด เสียงดังลั่น ตอนที่เขาเอาไหล่ไปชนกับรพีพงษ์ เหมือนกับว่า เขาชนกำแพงเหล็กอย่างไรอย่างนั้น แรงดีดกลับ รุนแรงทำให้เขากระเด็นกลับมาแล้วล้มลงกับพื้น
ชายหญิงวัยกลางคนเห็นเช่นนั้น จึงรีบเข้าไป ประคองลูกชายตัวเองขึ้นมา แล้วมองรพีพงษ์ด้วย สายตาเคียดแค้น
“แกทำให้ลูกชายฉันล้ม ถ้าเขากระดูกกระเดี๋ยวหัก ขึ้นมา แกจะชดใช้ไหวไหม!” หญิงวัยกลางคนตวาด ลั่น
“ให้ตายเถอะ กล้าชนฉันล้มเหรอ แกคิดว่าฉันเป็น คนที่ยอมให้ใครมาทําอะไรได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ! เดี๋ยวฉันจะให้แกลิ้มรสฝ่ามือทรายเหล็กที่ฉันได้ ฝึกฝนมา” ผู้เป็นลูกชายพูดแล้วกัดฟันกรอด จากนั้น จึงลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วพุ่งเข้าไปหารพีพงษ์
รพีพงษ์รู้สึกตลก เขารู้สึกว่าไอ้เด็กนี่มันเบียวจริงๆ
ชนิสราเห็นรพีพงษ์อยู่หน้าซอย เธอมีสีหน้าตกใจ เมื่อเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นจะทำร้ายรพีพงษ์อีก เธอจึง รีบวิ่งเข้าไปขวางพวกเขาเอาไว้
“รพีพงษ์ ไม่ต้องสนใจฉันหรอกค่ะ ฉันจัดการเอง ได้ คุณรีบกลับไปเถอะ อย่าให้เขาทําร้ายคุณ” ชนิส ราพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “มันก็แค่เด็กน้อย จะมา ทําร้ายผมก็ลําบากหน่อยนะ ผมเห็นพวกมันแย่งบัตร เอทีเอ็มของคุณ นี่มันเรียกว่าอาชญากรรมเลยนะ ในเมื่อพบเห็นแบบนี้ผมจะทำเป็นไม่สนได้ยังไง
“ให้ตายเถอะ แกว่าใครเป็นเด็กน้อย ฉันเป็นลูกพี่ ของแก๊งมังกรฟ้านะโว้ย ฉันมีลูกน้องสิบกว่าคนนะ แกกำลังดูถูกใครอยู่รู้ไหม ฉันจะบอกให้นะ ในเมื่อ วันนี้แกเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ถึงแกจะอยากไป แกก็คงไป ไม่ได้แล้วล่ะ” คนที่เป็นลูกชายพูดเสียงดังลั่น
ชายหญิงวัยกลางคนยืนให้ท้ายลูกอยู่ข้างๆ
สีหน้าของชนิสราเต็มไปด้วยความลำบากใจ เธอ มองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “รพีพงษ์ พวกเขาเป็นญาติ ของฉัน นี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรด้วย ช่างมันเถอะ นะ บัตรนั่นก็ให้พวกเขาไป ฉันไม่ต้องการแล้ว”
“พี่ไม่ต้องกลัว วันนี้ผมจะจัดการเรื่องนี้แทนพี่เอง ไม่ใช่ของของพวกเขา เขาไม่มีสิทธิ์เอาไป รพีพงษ์พูด
คนที่เป็นลูกชายส่งเสียง ในลําคอ เขาสบตากับ ชายวัยกลางคนแล้วดึงชนิสราไปทางอื่น จากนั้นก็ คิดจะกครพีพงษ์ลงกับพื้น
รพีพงษ์ยกมือขึ้นมาแล้วผลักไปที่หน้าอกของทั้ง สองคน ทั้งสองคนถอยหลังกรูด พวกมันเอามือจับ อกตัวเองแล้วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด สายตา ที่มองรพีพงษ์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“จะเอาอีกไหม?” รพีพงษ์มองทั้งสองคนด้วยแววตา นิ่งเฉย
คนที่เป็นลูกชายกับชายวัยกลางคนรู้ฤทธิ์ของรพี พงษ์แล้ว พวกนั้นไม่กล้าเดินเข้ามาอีก
หญิงวัยกลางคนมองรพีพงษ์ด้วยแววตาดุร้าย แต่ เมื่อเห็นว่าลูกชายกับสามีของตัวเองไม่สามารถสร พงษ์ได้ จึงไม่กล้าเข้าไปใกล้รพีพงษ์
รพีพงษ์หันไปหาชนิสราแล้วพูดว่า “พี่สา บอกผมที่
ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ชนิสราถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ แล้วเล่า
เรื่องทั้งหมดให้รพีพงษ์ฟัง
ชายหญิงวัยกลางคนคู่นี้เป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ ของชนิสรา ผู้ชาย อนิเวทน์ ผู้หญิงชื่อนัจกร ส่วน ลูกชายชื่อบิลยงก์ เป็นครอบครัวชาวบ้านที่อยู่ บริเวณเมืองริเวอร์
ชนิสราเป็นภรรยาของน้องชายนิเวทน์ เธอแต่งเข้า มาในตระกูลพิมลนัทชาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนั้นสามี ของเธอร่างกายไม่แข็งแรงมีโรครุมเร้า ทำให้ไม่ สามารถทํางานหนักได้ เรื่องทุกอย่างในบ้านจึงตก เป็นหน้าที่ของชนิสรา
ไม่กี่ปีก่อนสามีของเธอสุขภาพยิ่งแย่ สุดท้ายจึงไม่ สามารถยื้อได้อีกและสามีของเธอจากโลกนี้ไป นัจ กรคิดว่าชนิราเป็นผู้หญิง มีลูกสาว แถมยังไม่มีความ สามารถอะไร ไม่แน่เธออาจจะเอาแต่อยู่ที่บ้านไม่ ทำการทำงาน ดังนั้นเธอจึงหาข้ออ้างไล่สองแม่ลูก ออกจากบ้าน
ชนิสราไม่ได้ตำหนิอะไร เธอเข้าใจความกังวลของ นัจกร เธอจึงพาลูกออกมา
ชนิสราไม่อยากสร้างความลําบากให้กับครอบครัว ของนัจกร แต่นังกรกลับเอาแต่คิดว่าจะหลอกเอา เงินที่ชนิสราเก็บไว้มายังไง
พอดีกับที่บัลยงก์อายุถึงคราวที่ต้องแต่งงาน การที่ จะไปขอผู้หญิงจําเป็นต้องใช้เงิน นัจกรจึงหันความ สนใจไปที่ชนิสรา
พวกเขาได้ยินจากคนอื่นๆ ในหมู่บ้านว่าสองสามปี มานี้ถึงแม้ชนิสราไม่ได้ร่ำรวยมีหน้ามีตาอะไร แต่ก็ ไม่ได้ลำบาก จะต้องมีเงินเก็บไม่น้อยแน่ๆ
สองสามวันก่อนหน้านี้นังกรกับนิเวทน์พาบัลยงก์มา หาชนิสราที่เมืองริเวอร์ เพราะต้องการเงินจากเธอ แถมยังบอกให้ชนิสราจองโรงแรมให้พวกเขา และ ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี
ชนิสราเป็นคนจิตใจดี เธอจึงไม่สามารถปฏิเสธ ครอบครัวของนิเวทน์ได้ แถมยังตกลงที่จะให้เงิน สองหมื่นกับพวกเขา เช้าวันนี้พวกเขาจึงไปถอนเงิน สุดท้ายพอเดินมาถึงที่นี่ นัจกรกับคนที่เหลือพาเธอ มาในซอยและพยายามแย่งบัตรเอทีเอ็มของเธอ
เมื่อรพีพงษ์ฟังจบ เขามองไปยังครอบครัวของ จกรด้วยสายตาหงุดหงิด ตอนแรกพวกคุณรังเกียจ พี่สา แล้วไล่สองแม่ลูกออกจากบ้าน แต่วันนี้กลับมา ขอเงินเขา พวกคุณคิดว่ามันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
“มันเกินไปตรงไหน มันแต่งเข้ามาในบ้านของ เรา ของกินของใช้ก็เป็นของบ้านเรา สามีของมันก็ ป่วยออดๆ แอดๆ ถ้าครอบครัวเราไม่ช่วยสามีของ มันคงจะตายไปนานแล้ว ตอนนี้เรามาขอเงินเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้เหรอ มันมีเงินอยู่ในมือ ให้เราไม่ได้หรือ ไง” นัจกรพูดอย่างไม่แยแส
ชนิสราโมโหแล้วพูดว่า “การที่พวกคุณยอมช่วยเรา ก็เพราะว่าที่ดินของบ้านเรา หลังจากที่สามีฉันตาย ไป เรื่องแรกที่ครอบครัวคุณทำคือยึดครองที่ดิน ของบ้านเรา ที่ดินผืนนั้นยังมีค่ากว่าการที่คุณช่วย เหลือครอบครัวเราแค่เล็กๆ น้อยๆ หลายร้อยเท่า!”
จ้องนิสรา “แกอย่ามาเป็นไม่รู้ว่าอะไรดีชั่ว ที่ดินผืนนั้นเป็นของครอบครัวฉันอยู่แล้ว ไม่เกี่ยว อะไรกับแก
เธอให้เงินพวกคุณไปแล้วสองหมื่น เงินที่เหลือใน บัตรเป็นเงินที่เธอเก็บไว้ให้ลูกสาวเรียน เงินนี่พวกคุณยังจะแย่งไปอีกเหรอ พวกคุณยังมีคุณธรรมอยู่
ไหม” รพีพงษ์ถามต่อ
“อย่ามาตลก ก็แค่เด็กผู้หญิงเรียนสูงแล้วมี ประโยชน์อะไร จบมาก็ต้องไปซักผ้าล้างจานเลี้ยง ลูกให้คนอื่น เงินนี่ให้ลูกสาวมันเรียนรู้ให้ลูกชายฉัน เอาไปแต่งงานดีกว่า ลูกชายฉันจะได้แต่งลูกสะใภ้ ดีๆ เข้าบ้าน ดีกว่าเสียเงินเปล่าๆ ไปกับยัยเด็กนั่น นังกรเอ่ยขึ้น
รพีพงษ์หงุดหงิดใจ นัจกรไร้ยางอายสิ้นดี แถมยัง คิดว่าเรื่องที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง นี่เป็นสิ่งที่ ทําให้คนรังเกียจ
“การที่ฉันพยายามให้ลูกเรียน ก็เพราะว่าอยากให้ เธอหลุดพ้นจากคนแบบพวกคุณไง เงินที่เสียไปกับ ลูกสาวฉันคิดว่ามันคุ้มค่าแล้ว พวกคุณมีสิทธิ์อะไร มาบอกว่าการที่เธอได้เรียนเป็นสิ่งที่สิ้นเปลือง! ชนิสราพูดเสียงดัง
“ชิ หลุดพ้นจากพวกเรางั้นเหรอ ฉันจะบอกให้นะ แกให้เงินนี่กับฉัน แกก็จะหลุดพ้นจากพวกเรา ถ้าวัน นี้แกไม่ปล่อยเราไป ฉันจะไม่มีวันให้แกหลุดพ้นจาก ครอบครัวของเราไปตลอดชีวิต!” นัจกรพูดประชดประชัน
รพีพงษ์มองชนิสราแล้วพูดว่า “พี่สา ผมช่วยพี่เอา เงินกลับมาได้ แถมยังสามารถทำให้คนพวกนี้ไม่มา ยุ่งกับพี่อีก ขอแค่ เอ่ยปาก ผมจะทำให้คนพวกนั้น เสียใจที่ทํากับพี่แบบนี้”
ชนิสราส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่ต้องการเงินพวก นั้นแล้ว ถึงแม้ว่าการที่เก็บเงินพวกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ฉันอยากตัดขาดจากพวกเขา แค่ฉันให้เงินนั่นกับ พวกเขา คนพวกนั้นก็จะไม่มายุ่งกับเราสองแม่ลูกอีก ฉันยอมเสียเงิน น
“ถูกแล้วที่แกคิดแบบนี้ แกไม่มีเงิน ฉันก็จะไม่มายุ่ง กับแกอีก” นังกรแสยะยิ้ม
รพีพงษ์ถอนหายใจ นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของ ชนิสรา เขาไม่ควรไปบังคับให้นัจกรคืนเงิน ในเมื่อ ชนิสราไม่อยากได้เงินแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องพูด อะไรอีก
แต่ว่าชนิสราทำงานอยู่ในบ้านของรพีพงษ์ รพีพงษ์ ไม่มีทางปล่อยให้ลูกสาวของเธอไม่ได้เรียนหรอก”รพีพงษ์ พวกเราไปกันเถอะ” ชนิสราเอ่ยขึ้น
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วหันไปมองครอบครัวของ จ กร เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “จําคำพูดของพวกคุณไว้ ให้ดี เอาเงินนั่นไปแล้วก็อย่ามาวุ่นวายกับเธออีก ไม่ งั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ!”
ครอบครัวของน็จกรทําเป็นไม่แยแส เพราะว่าพวก เขาได้เงินทั้งหมดของชนิสราแล้ว พวกเขาจึงไม่มี ความจำเป็นที่ต้องไปยุ่งกับชนิสราอีก
“เราไปถอนเงินกันดีกว่า ฉันเดาว่าในบัตรนี่คงจะ มีเงินอย่างน้อยสามหมื่น เงินห้าหมื่นต้องไปขอลูก สะใภ้ได้แน่” นัจกรพูดอย่างมีความสุข
หลังจากเดินออกมาจากซอย รพีพงษ์พูดปลอบ ใจชนิสรา เมื่อคิดว่าจะไปถอนเงินสดสามล้านที่ ธนาคาร ถ้าจะให้ถือคนเดียวคงถือไม่ไหว จึงให้ ชนิสราไปช่วยถือ
เมื่อไปถอนเงินเขาถอนเกินมานิดหน่อยเพื่อให้ชนีส รา เธอจะได้มีเงินให้ลูกสาวไปเรียน
เมื่อทั้งคู่มาถึงธนาคาร รพีพงษ์ไม่ได้หาผู้จัดการเขากะว่าจะถอนเงินต้องเคาน์เตอร์กอนเงิน
เขากดบัตรคิวและยืนรอ ชนิสรามองรพีพงษ์แล้ว พูดว่า “รพีพงษ์ คุณจะถอนเงินเหรอ แล้วคุณให้ฉัน มาด้วยทําไม ฉันกลับบ้านไปทำความสะอาดก่อนดี กว่า”
“ไม่ต้องรีบ ผมถอนเงินค่อนข้างเยอะ พี่ช่วยผมถือ หน่อย” รพีพงษ์พูดและยิ้มออกมา
คําว่าค่อนข้างเยอะที่ชนิสราเข้าใจคือหนึ่งแสน หรือสองแสน สําหรับเธอแล้วเงินสองแสนไม่ได้หนัก ขนาดนั้น การที่รพีพงษ์บอกให้เธอมาช่วยถือมัน ค่อนข้างเป็นเรื่องที่เกินจําเป็น
ผ่านไปครู่หนึ่งครอบครัวของนัจกรก็มาถึงธนาคาร เช่นกัน พวกเขาเห็นรพีพงษ์กับชนิสราอยู่ที่นี่ จึง แสยะยิ้ม
“ไอ้หมอนี่คงจะไม่ได้มาถอนเงินให้ชนิสราหรอกใช่ ไหม น่าขำาสิ้นดี แต่งตัวก็ไม่ได้ดีอะไร ดูไม่เหมือนคน มีเงิน ยังจะทำเป็นช่วยคนอื่น ” นัจกรพูดดูถูก
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ