บทที่199 ผมเชื่อพร
หลังจากที่ตุลยวัตและบจีทั้งคู่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ตาโตขึ้นมาทันที ลุกขึ้นจากพื้น แล้ววิ่งไปที่ไวทยุต ตรงนั้น
“พ่อ คุณพูดอะไร ทําไมคุณถึงตอบตกลงเขา หรือ พ่อไม่ต้องการลูกชายคนนี้แล้ว?”ตุลยวัตกล่าว
บจีก็คร่ำครวญ แล้วตะโกน “ท่านไวทยุต พวกเรา ใช้แรงกายและแรงใจทําเพื่อคุณมามากมายขนาดนี้ ถึงแม้ไม่ได้ลงแรงแต่ก็เหน็ดเหนื่อย คุณไล่พวกเรา ออกไปแบบนี้ ไม่ค่อยเหมาะสมมั้ง?”
ไวทยุตก็ยืนขึ้นจากพื้น เขามองไปที่สองคนนั้นด้วย หน้าอันเป็นทุกข์ แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น พวกแก ทำอะไรให้กับตระกูลเขมพงศ์บ้าง? ถ้าไม่ใช่เพราะ พวกแก ตระกูลเขมพงศ์ของฉันก็ไม่ต้องเจอกับ สถานการณ์แบบนี้ พวกแกยังมีหน้ามาพูดกับฉันว่า ถึงไม่ลงแรงก็เหน็ดเหนื่อยงั้นหรอ?”
“พ่อ ผมเป็นลูกชายฟอนะ คุณจะไล่ผมออกไปแบบ นี้ไม่ได้นะ”ตุลยวัตกล่าวอย่างร้อนใจ
ก็เป็นลูกสาวฉัน ตอนที่พวกแกจะไล่เธอออก ไป ก็ไม่เห็นว่าพวกแกจะมีความรู้สึกอะไร แล้วเรื่อง นี้ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพื่อความเป็นอยู่ของตระกูล เขมพงศ์ ฉัน ทำได้เพียงเท่านี้แหละ ถ้าจะโทษ โทษ ภรรยาและลูกสาวคนดีของแกเถอะ”ท่าทีของไวทยุ หนักแน่น
“มานี่ ไล่พวกเขาทั้งสามออกไป จากวันนี้ไป ตระกูลเขมพงศ์ไม่มีที่ยืนให้กับสามคนนี้อีกแล้ว พวกแกก็ไปมาหาสู่กับพวกเราให้น้อยๆหน่อย จะได้ ไม่ลากตระกูลเขมพงศ์ของเราลงเหวอีก!”
เมื่อคําพูดของไวทพูดออกไป ในขณะนั้นก็มี หลายคนที่เดินมา จับตุลยวัตและบจีสองคนไว้ แล้ว ผลักออกไปข้างนอก
ปรางทิพย์ยังคงแน่นิ่งไร้ซึ่งสติ ก็ถูกสองคนลากตัว แล้วพาออกไปด้านนอก
ตุลยวัตและคู่อ้อนวอนอย่างไม่หยุด แต่ไวทยุ ตไม่ได้ใจอ่อนแต่อย่างใด เทียบความเป็นอยู่ของ ตระกูลเขมพงศ์แล้ว ครอบครัวของตุลยวัตก็ไม่ได้มี ความสําคัญขนาดนั้นแล้ว
บจีและปรางทิพย์ทั้งสองสร้างปัญหาได้ขนาดนี้ ถ้า เอาพวกเธอไว้ วันดีคืนดีอาจจะทําร้ายตระกูลเขม พงศ์อีกก็เป็นได้ ดังนั้นไล่ออกไปจะดีกว่า
ศศินัดดาเห็นครอบครัวบ ถูกไล่ออก ในใจก็หาย โกรธ เหลือแค่ปรบมือก็โอเคแล้ว
อารียาค่อนข้างมีความสุข เห็นจุดจบของครอบ ครัวบจี ก็รู้สึกสมแล้วกับบทลงโทษนี้
หลังจากที่ครอบครัวบ โดนไล่ออกแล้ว รพีพงษ์ น ไปมองอารียาและศศินัดดา แล้วกล่าว “พวกเราก็ไป กันเถอะ”
อารียาพยักหน้า เธอไม่ได้มีความรู้สึกใดๆต่อ ตระกูลเขมพงศ์ ถึงแม้ไวทยุตได้พูดแล้วว่าไล่ ครอบครัวพวกเขาออกจากตระกูลเขมพงศ์ เธอก็ ไม่มีความรู้สึกใดๆ
ศศินัดดารู้สึกอาลัยอาวรณ์ ยังไงเธอก็เติบโตมากับ ตระกูลเขมพงศ์ มีความรู้สึกต่อสถานที่แห่งนี้อยู่บ้าง
“พ่อ ตอนนี้คุณยังอยากไล่พวกเราออกอยู่ไหม?” นัตตาถามไวหยุด
ไวทยุตส่ายหัว แล้วกล่าว “ก่อนหน้านี้ฉันสับสน ครอบครัวพวกแกเป็นคนของตระกูลเขมพงศ์ตลอด ไป ฉันจะไล่พวกแกออกไปได้ยังไง”
ตอนนี้เขารอที่จะให้ครอบครัวศศินัดดากลับมา แค่ เห็นท่าทีที่จิรายุศมีต่อรพีพงษ์ ก็รู้แล้วว่ารพีพงษ์ไม่ ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิด ศศินัดดายังคงเป็น คนของตระกูลเขมพงศ์ สำหรับเขาแล้วมีประโยชน์ อย่างมากมาย
นัยน์ตาของศศินัดดาไหลลินด้วยน้ำตา แล้วกล่าว นไม่ไล่ฉันออกจากตระกูลเขมพงศ์ก็โอ เพียงแค่คุณไ เคแล้ว ยังไงฉันก็เป็นลูกสาวของคุณตลอดไป
ไวทยุ รู้สึกค่อนข้างอับอาย เพราะเขาเห็นเกียรติ รพีพงษ์จึงได้พูดแบบนี้ออกมา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ใดๆเลยกับศศินัดดา เขาถึงขึ้นยังรู้สึกรำคาญศศิ นัดดาอยู่บ้าง
แต่เขาไม่กล้าพูดต่อหน้ารพีพงษ์
ความจริงศศินัดดาอยากเอาภาพ (ตกปลาใต้เขาเขา ให้กับไวหยุด แต่คิดๆดูแล้วถ้าเอาภาพนี้ให้ ไวทยุต สุดท้ายก็ต้องถูกคนพวกนั้นของตระกูลเขม พงศ์แบ่งสรรปันส่วนเป็นแน่ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้ อีก
ไวหยุดเสียใจ ไม่ใช่เพราะศศินัดดาไม่เอาภาพนั้น ให้เขา แต่อาลัยอาวรณ์ที่ตนเองได้จ่ายเงินสามแสน ให้กับภาพปลอมที่มีราคาแค่สามร้อยหยวนเท่านั้น
หลังจากที่ปัญหาได้คลี่คลายลงแล้ว ครอบครัว รพีพงษ์ก็ได้ออกจากคฤหาสน์เขมพงศ์ ทุกคนของ ตระกูลเขมพงศ์มองครอบครัวเขาอย่างไม่เชื่อว่า เหตุการณ์ในวันนี้จะลงเอยเช่นนี้
เรื่องลงเอยแบบนี้ ก็เพราะไอ้สวะที่ทุกคนหมายถึง
นั่นแหละ
จิรายุเห็นรพีพงษ์จากไป ก็รีบพาคนของตัวเองไล่ ตามไป
ทัตพงศ์ที่เขาพามานั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความ ประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทําไมจิรายุศถึงได้ต้อนรับ ขับสู้ต่อรพีพงษ์เช่นนี้ช่วงขากลับ จิรายุ เดินไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้ายิ้ม แย้ม แล้วกล่าว ” รฟ์ วันนี้ผมทำได้ดีใช่ไหม ไม่ได้ ทําให้คุณเสียหน้าใช่ไหม?”
รพีพงษ์หัวเราะพลางสายหัว ไม่ได้พูดอะไร
ศศินัดดามองไปที่รพีพงษ์และจิรายุคอย่างสงสัย ตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกออก เธอไม่รู้ว่าทำไมจิรายุ ต้อง ช่วยรพีพงษ์
“เอิ่ม…..ท่านยุด ทําไมคุณถึงช่วยรพีพงษ์ ความ จริงเขาไม่มีความสามารถอะไรทั้งนั้น คุณเป็นคน ใหญ่คนโตของอำเภอหยก ไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่ควร มาช่วยรพีพงษ์นะ”ศศินัดดาถาม
จิรายุ อยากจะอธิบายให้ศศินัดดาฟังทันที แต่รพี พงษ์ส่งสายตาหาเขา เหงือบนตัวของจิรายุคเริ่ม ไหลพราก ราวกับว่าถ้าเขาพูดผิดสักนิด รพีพงษ์จะ จัดการเขาในทันที
“แหะแหะ คืองี้ ผมกับรพีพงษ์รู้จักกันตั้งแต่เด็ก เรียกว่ารู้ไส้รู้พุงเลยล่ะ ต่อมาเขาย้ายไปเมืองริเวอร์ ผมก็มาสร้างตัวที่อำเภอหยกนี้ ครั้งนี้เขามา ผมเห็น เขาพอดี ดังนั้นถึงได้มาช่วย” จิรายุศกล่าวหลังจากพูดจบแล้ว เขายังมองไปที่รพีพงษ์ แสดงออกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยคําถาม
รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ แสดงออกถึงเหตุผลที่จิรา ยุคแต่งนั้นถือว่าโอเค
หลังจากที่ศศินัดดาได้ยินคำพูดของจิรายุศ แล้ว ก็รีบถามทันที ดังนั้นที่พวกเราสามารถ นอนที่Rose&Mary Hostelได้นั้น ก็เป็นเพราะให้ เกียรติคุณ?”
“เอิ่ม ก็ ก็นับว่าใช่”จิรายุ ตอบอย่างเขิลอาย
ศศินัดดาเพ่งไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ แก ไอ้ไม่เอาไหน แกดูเค้าสิ แล้วมาดูตัวแกเอง แกยัง มีหน้ามาบอกว่ารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ ทำไมเค้าเก่งกาจ แต่แกกลับเหมือนเศษสวะเนี่ย ไม่สําเร็จสักอย่าง?”
รพีพงษ์เหมือนตบหน้าตัวเอง เกิดอยากจะต่อยจิรา ยุคขึ้นมากะทันหัน เหตุผลที่เขาให้นั้นมันแย่สิ้นดี คิด ไม่ถึงว่าศศินัดดาจะด่าเขาอีกแล้ว
จิรายุศเดือดเนื้อร้อนใจ เขาคิดไม่ถึงว่าศศินัดดายังสามารถคารพีพงษ์ได้อีก ในเวลาเดียวกันเขาก็ รู้สึกสงสารพีพงษ์ที่มีแม่ยายแบบนี้
“แม่ คุณอย่าพูดแบบนี้สิ เขามีความสามารถเยอะ พูดออกมาสักอย่าง ก็ทำให้คุณคาดไม่ถึงได้” อารี ยาช่วยรพีพงษ์หาเหตุแล
“งั้นแกก็พูดๆมา เขามีความสามารถอะไร?” ศศิ นัดดาถามอย่างเหยียดหยาม
อารียาคิดสักพัก แล้วกล่าว “รพีพงษ์หยกเป็น สายตาเขาดีมาก ถ้าไปดูหยกโดยเฉพาะ จะต้องได้ เงินมากมายเป็นแน่”
นี่เธอก็อิงตามพฤติกรรมวันนั้นที่รพีพงษ์อยู่ในห้าง แล้วพูดออกมาเท่านั้น
“อย่ามาโกหกฉัน เขาเนี่ยนะ ดูหยกเป็น ถ้าเขามี ความสามารถนี้ ก็ไปหารายได้ตั้งนานแล้ว จะมา เกาะเมียกินอยู่ทำไม” ศศินัดดากล่าวอย่างไม่พอใจ
อารียาเบื่อหน่าย เธอรู้ว่ารพีพงษ์มีเงินมากมาย ไม่ จําเป็นต้องไปหารายได้จากการดูหยก
เมื่อทัตพงศ์ได้ยินคำพูดของศศินัดดาแล้ว ยิ้ม พลางกล่าว “น้องชาย หยกเป็นด้วยหรอ งานแบบ นี้ทําได้ไม่ง่ายเลยนะ และมีความอันตรายสูง ฉันขอ คุณอย่าเข้ามาพัวพันกับงานแบบนี้เลย หลายคนที่ คิดว่าสายตาตนเองดี สุดท้ายก็ต้องเสียเงินมากมาย ก่ายกอง
จิรายุศไม่เหมือนศศินัดดาหรือทัตพงศ์นั้น รู้สึกว่า รพีพงษ์ไม่เข้าใจในการดูหยกเลยสักนิด เข้าใจก็ เข้าใจเล็กน้อย
ในความทรงจําของจิรายุคนั้น รพีพงษ์คือผู้ที่มี พรสวรรค์ที่รอัยปีจะเจอสักครั้ง รู้ดีทุกเรื่อง สามารถ ไต่เต้าถึงระดับสูงสุดของงานนี้ได้แน่ๆ
ตอนนี้อารียบอกว่ารพีพงษ์เข้าใจในหยก แสดงว่า ต้องเคยเห็นรพีพงษ์โชว์ฝีมือ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ นั่น ก็หมายถึงในด้านการดูหยกนั้นรพีพงษ์ จะต้องไปถึง จุดที่ทำให้คนตะลึงได้แล้ว แม้ทัตพงศ์อาจารย์ท่านนี้ ก็เทียบไม่ได้กับรพีพงษ์แน่นอน
จิรายุศหันไปมองรพีพงษ์ แล้วถาม “พี่รฟ์ คุณรู้ เรื่องหยกด้วยหรอ?
เข้าใจนิดหน่อย” รพีพงษ์กล่าว
“หน้าด้าน ให้โอกาสแกหน่อยนึงก็เริ่มคุยโว แกยัง กล้าพูดต่อหน้าท่านนคว่าเข้าใจเรื่องหยกอีกนะ ท่าน ยุดเค้าเป็นราชาหยกของอำเภอหยก แกจะเข้าใจได้ แบบเค้าไหม?” ศศินัดดากล่าวอย่างดูถูก
จิรายุศยิ้มอย่างอับอาย แล้วกล่าว “ความจริงผมก็ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ปกติก็พึ่งทัตพงศ์ในการช่วย
จากนั้นเขาก็มองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “พีรพี ถ้า คุณเข้าใจเรื่องหยกจริงๆล่ะก็ งั้นก็ดีมากเลย ช่วงนี้มี เรื่องปวดหัวอยู่เรื่องหนึ่ง ถ้าพี่รฟ์เข้าใจหยกล่ะก็ ผม ก็หมดห่วงล่ะ”
“หืม? เรื่องอะไร?” รพีพงษ์กล่าว
“ คืองี้ ผมทําธุรกิจหินหยกใช่ไหม ดูหยกเป็นเรื่อง ทั่วไป ช่วงนี้ในอำเภอหยกมีการประมูลขายหินหยก ในทุกๆปีผมจะได้กำไรครึ่งหนึ่ง จากการประมูลขาย หยก
“เมื่อก่อนมีท่านทัตพงศ์ ทุกครั้งในงานประมูลขายนี้พวกเราจะได้หินหยกที่ดีที่สุด หยกที่เปิดออกมา สามารถขายได้ในราคาที่สูงมาก แต่ปีนี้พวกเราจะ ต้องเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ ผมกลัวว่าถ้าท่านทัต พงศ์พลาด อย่างนี้กำไรของพวกเราจะลดลงครึ่งนึง เลยนะ สําหรับบริษัทผมแล้วเหมือนกับต้องเผชิญ วิกฤตใหญ่เลยล่ะ ดังนั้นพีรพีคุณไปงานประมูลนี้กับ ผมได้ไหม?”
จิรายุ ตั้งใจอธิบายกับรพีพงษ์
ศศินัดดาได้ยินคําพูดของจิรายุแล้ว ก็กล่าวทันที ว่า “ท่านยุด คุณหยุดล้อเล่นได้แล้ว รพีพงษ์ก็แค่ท่า ว่าไปงั้น เขาจะเข้าใจหยกได้อย่างไรกัน ถึงเวลานั้น ทำพังก็ไม่ดีเลยนะ”
จิรายุศยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่นพรพี ถึง แม้ทำพังก็ไม่เป็นไร
ทัตพงศ์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “ท่านยุค คุณแน่ใจว่าจะเอาน้องชายคนนี้ไปงานประมูล? คู่ แข่งของเราครั้งนี้คือทิวัตถ์ ฉันได้ยินมาว่าเขาเชิญ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญวัตถุโบราณอันดับหนึ่งของ เมืองริเวอร์มาเลยนะ จารุพิชญ์เป็นผู้ช่วยเขา ทรัพย์ สมบัติของทิวัตถ์ไม่น้อยไปกว่าพวกเรา พวกกับจารุพิชญ์ช่วยเขาดู เขาจะต้องปล่อยในราคาที่ สูงริบแน่ๆ ทำเป็นเรื่องตลกไม่ได้นะ”
‘น้องชาย คุณเป็นคนเมืองริเวอร์ น่าจะได้ยินชื่อ เสียงจารุพิชญ์มาบ้าง ในการดูวัตถุโบราณ ฉันแย่ กว่าเขามาก เรื่องหินหยกนี้เขาก็ถือว่าเป็นระดับ ปรมาจารย์เลยนะ คุณยังเด็ก เกรงว่าจะไม่ใช่คู่แข่ง ของจารุพิชญ์อะดิ ทัตพงศ์หันไปดูรพีพงษ์ กลัว ว่ารพีพงษ์จะตอบตกลงจิรายุศเข้าร่วมการประมูล อย่างนั้น
รพีพงษ์หัวเราะ ถ้าเป็นจารุพิชญ์ล่ะก็ งั้นเขาก็ไม่มี อะไรที่ต้องเป็นกังวลอีกแล้ว
“จารุพิชญ์หรอ ก็ไม่เห็นจะมีอะไร งั้นฉันจะไปช่วย แกสักครั้ง ไปงานประมูลนี่กับแกสักครั้ง”รพีพงษ์ หัวเราะพลางกล่าว
นัยน์ตาของจิรายุศเป็นประกายขึ้นมา ในเมื่อรพี พงษ์พูดแบบนี้ งั้นก็ต้องเข้าใจถึงฝีมือของจารุพิชญ์ แน่นอน จากนี้ไปเขาไม่ต้องกังวลใดๆอีก
“ครับ พีรพี งั้นพวกเราตกลงตามนี้ มรืนนี้พวกเรา ไปงานประมูลพร้อมกัน ให้ไอ้เด็กทิวัตถ์ได้รู้ว่าใคร
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ