บทที่ 63 จับมือครั้งแรก
บทที่ 63 จับมือครั้งแรก
อารียามองไปที่รพีพงษ์ด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “แต่ว่า คนของหมาป่าดำยังคงอยู่ข้าง นอก..”
“พวกเขาจะไม่มาหาเรื่องพวกเราอีกแล้ว” รพีพงษ์พูด ด้วยรอยยิ้ม
อารียาชะงักไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ทำได้อย่างไร แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก จับมือของรพีพงษ์ไว้ ลุกขึ้นจาก
โซฟา
เพื่อนสมัยเรียนรอบข้างต่างมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสีหน้า สงสัย ไม่เชื่อเลยว่าพวกหมาป่าดำจะไม่มาหาเรื่องอีก
แล้ว
“ทุกคนอย่าเชื่อคำพูดของเขาเด็ดขาด เขาต้องการ หลอกล่อพวกเราออกไปอย่างแน่นอน แล้วให้พวกเราถูก หมาป่าสีดำทุบตีเหมือนกับเขา”
“ฉันก็คิดอย่างนั้น หมาป่าคำพูดเมื่อกว่า เขาจะกลับมา จัดการพวกเราตอนนี้จะไม่มาหาเรื่องพวกเราได้ยังไง เขาต้องโกหกแน่ๆ”
“รพีพงษ์ นายพูดเลย นายได้ตกลงกับหมาป่าดำ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม ว่าจะมาหลอกพวกเรา?”
รพีพงษ์ไม่สนใจคนพวกนี้เลย ดึงอารียาเดินออกไปจาก ห้องส่วนตัว
แม้ว่าบุษบากรก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ว่ารพีพงษ์ สามารถ สยบพวกหมาป่าดำได้ แต่เธอก็กัดฟันไว้ ลุกขึ้นเดิน ตามไป
ทั้งสามคนมาถึงระหว่างทางเดิน อารียาและบุษบา กร ทั้งสอง เมื่อเห็นคนที่ล้มอยู่บนพื้น ต่างแสดงสีหน้า ประหลาดใจ
“ร.รพีพงษ์ พวกเขาถูกคุณต่อยล้มทั้งหมดเลย หรือ?” อารียาถามขึ้น
“ไม่ใช่ สิ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงล้มลงกับพื้น” รพี พงษ์ทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
“ทำไมพวกนายถึงนอนอยู่กับพื้นเหรอ?” รพีพงษ์ ชำเลืองมองคนที่อยู่บนพื้น ส่งสายตาพิฆาตไปด้วย
คนคนนั้นขนลุกไปหมดแล้ว แล้วรีบพูดว่า “ฉัน….พวก เราเห็นว่าพื้นสกปรกนิดหน่อย เราเลยเช็ดพื้นกัน”
อารียาและบุษบากร ต่างก็แสดงสีหน้าเหมือนถูกทำตัว เป็นคนโง่
รพีพงษ์ยักไหล่ให้ทั้งสอง แล้วพูดว่า “พวกคุณดูสิ พวก เขากำลังถูพื้นอยู่
พวกเธอสองคนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่ขอให้คน ของหมาป่าดำไม่ได้มาหาเรื่องพวกเขา ก็พอแล้ว
พูดถึงแล้ว ทำไมถึงมองไม่เห็นหมาป่าดำล่ะ? หรือว่าหมาป่าดำมีธุระกะทันหัน ออกไปแล้ว พวกเขาจึง ได้ปล่อยรพีพงษ์ไป?
เมื่อมาคิดพิจารณาในตอนนี้ ก็มีเพียงคำอธิบายที่สม เหตุสมผลข้อนี้เท่านั้น
ทางนั้นทำไมถึงมีคนที่หน้าตาเหมือนหัวหมู น่าแปลก
จริงๆเลย
หญิงสาวทั้งสอง สีหน้าต่างเต็มไปด้วยความสงสัย ตาม รพีพงษ์เดินออกไปข้างนอก
พวกเจตนิพัทธ์ เมื่อเห็นว่าพวกรพีพงษ์ออกไปแล้ว ก็ ไม่ได้เกิดเรื่องอะไร เลยเดินตามออกไปทางนอกประตู อย่างระมัดระวังในทันที
เมื่อพวกเขาเห็นพวกคนที่ล้มนอนอยู่บนพื้น ต่างก็แสดง ความประหลาดใจ
“นี่….คงจะไม่ใช่รพีพงษ์ทำนะ?”
รพีพงษ์เก่งมากขนาดนั้นเลยหรือ ถึงว่าทำไมเขาถึง มั่นใจ ไม่เกรงกลัวอะไรเลย”
ลูกน้องที่ล้มลงกับพื้นคนหนึ่ง รู้ดีว่ารพีพงษ์ ไม่ต้องการให้คนเหล่านี้รู้ความเก่งกล้าของเขา จึงได้พูดว่า “กรุณาหลบให้หน่อย อย่ามาขวางพวกเราถูฟื้น”
ที่แท้กำลังถูพื้นนี่เอง ฉันยังคิดว่า คนพวกนี้ถูกรพีพงษ์ ต่อยล้มเสียอีก” ทุกคนต่างโล่งใจ
“จะเป็นไปได้ยังไง ที่ถูกรพีพงษ์ต่อยล้ม เศษสวะอย่าง เขา มีเพียงโดนต่อยเท่านั้น”
“พวกเราอย่าขวางคนอื่นถูพื้นตรงนี้ดีกว่า รีบไปกันเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหมาป่าคำพาคนมาอีก เราก็จะช่วยแล้ว”
ทุกคนล้วนพยักหน้า รีบเดินออกไปนอก KTV
เจตนิพัทธ์ก็ได้เดินออกจากห้องส่วนตัวเช่นกัน เขากัม หน้ามองคนที่อยู่บนพื้นพวกนั้น ในใจก็รู้สึกตกตะลึงมาก เช่นกัน แต่เขาไม่คิดที่จะรอนาน ต้องรีบออกไปโดยเร็ว ที่สุด
และในขณะนี้เอง มือข้างหนึ่งก็คว้าข้อเท้าของเขา กะทันหัน เขาหันหน้ามองไป พบว่าเป็นคนที่มีหน้าตา
ดูเหมือนหัวหมู
“นาย.. นายจะทำอะไร?” เจตนิพัทธ์ถามอย่าง
ประหม่า
“ฉันหานายมีเรื่องจะคุยกันนิดหน่อย ความแค้นในวัน นี้ ฉันต้องแก้แค้นแน่นอน!” หมาป่าดำพูด
เจตนิพัทธ์เบิกตากว้างในทันที อุทานอย่างตกตะลึง “คุณคือหมาป่าดำ?!”
หลังจากออกมาจาก KTV อารียาและบุษบากร ต่างก็ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก วันนี้ในที่สุดก็ปลอดภัยจาก อันตราย ต่อไปอย่ามางานเลี้ยงกับเพื่อนพวกนี้เลยดีกว่า
อารียาเหลือบมองไปที่บุษบากร แล้วถามขึ้น “บุษ คุณ จะกลับไปยังไง?”
“ฉันไปเรียกแท็กซี่แล้วกัน พวกคุณสองคนกลับไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน” บุษบากรเหลือบมองไปที่รพีพงษ์ โดยไม่ได้ตั้งใจ ในแววตามีความผิดหวังเล็กน้อย
ทำไมไอดีดวงใจตะวันดันต้องเป็นนายด้วย ถ้าหากนาย ไม่ได้แต่งงานกับอารี จะดีมากขนาดไหน แม้ว่านายจะ เป็นสวะที่คนทั้งเมืองริเวอร์รู้หมด ฉันก็จะเป็นฝ่ายไล่จีบ นายเอง
บุษบากรจนใจ แม้ว่าเธอจะหลงใหลกับไอดีดวงใจตะวัน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะแย่งแฟนของเพื่อนสนิท
“นั้นพวกเราก็ไปก่อนนะ คุณระวังความปลอดภัยด้วย” อารียาพูดกับบุษบากรประโยคหนึ่ง แล้วหันกลับไปจับ มือของรพีพงษ์จากไปเลย
ระหว่างทาง รพีพงษ์มีรอยยิ้มที่แปลกประหลาดมาโดน ตลอด ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่
อารียารู้สึกแปลกๆ เลยถามขึ้น “นายขำอะไรกัน?”
“คุณว่า….นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราจับมือกันไหม?”
อารียาชะงัก จากนั้นก็รีบกัมหน้ามองอย่างรวดเร็ว พบ ว่ามือของเธอยังคงถูกรพีพงษ์จับไว้แน่น และเธอก็ไม่ได้ รู้สึกว่า แบบนี้มีความไม่เหมาะสมยังไง
ตอนนี้ได้รับการเตือนจากรพีพงษ์แบบนี้ ใบหน้าของ เธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันที จากนั้นก็จะดึงมือออก
จากมือของรพีพงษ์ทันที
รพีพงษ์รีบจับมือของอารียาไว้แน่นในทันที ไม่ให้ โอกาสเธอได้หลุดออกเลยแม้แต่น้อย
“คนเลว” อารียาพูดบ่นขึ้น
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหลุดพ้นได้ อารียาก็ยอมแพ้ ปล่อยให้รพีพงษ์จับไว้แบบนี้
มุมปากของรพีพงษ์ เกิดส่วนโค้งที่เจ้าเล่ห์ คิดในใจ
ว่า โอกาสนั้น ได้มาด้วยจากการต่อสู้ของตัวเองจริงๆ ถ้า ขณะนั้นเขาปล่อยมือไป อยากจะจับมือของอารียาอีก กลัวว่ามันคงจะยากมากแล้ว
ทั้งสองคนเดินบนเส้นทางกลับบ้านแบบนี้เรื่อยๆไฟถนนดึงยาวเงาของทั้งสอง จนถึงตลอดไป
ในบ้าน ศศินัดดากำลังนั่งคุยกับป้าฟางคนเพื่อนบ้าน
เมื่อเห็นอารียากลับมา ศศินัดดาก็รีบดึงอารียาไปทันที แล้วพูดว่า “อารี เข้ามาคุยกับป้าฟางครู่หนึ่ง รพีพงษ์ นายรีบไปล้างจานในครัวเลย”
ป้าฟางได้โอ้อวดลูกชายของเธอกับศศินัดดาสักพัก ใหญ่ในนี้แล้ว ศศินัดดาฟังจนรู้สึกอิจฉาในใจ ตอนนี้อารี ยากลับมา เธอจะต้องคว้าโอกาสไว้ใช้อารียาโต้กลับ ครั้งหนึ่ง
รพีพงษ์ก็ไม่ได้พูดอะไร เดินเข้าไปในครัวล้างจาน อย่างรู้ตัว
“คุณคงไม่รู้สินะ ตอนนี้อารีของเรา ได้เป็นผู้บริหาร ระดับสูงในบริษัทแล้วนะ แต่ละเดือนมีเงินเดือนหมื่น กว่าแล้ว” ศศินัดดาพูดอย่างภูมิใจ
ป้าฟางเหลือบมองไปทางศศินัดดา พูดเสียงดัง “จริงเห เรอ เงินเดือนของมนวรรธน์บ้านเรา ก็ได้แค่หมื่นกว่า เหมือนกัน ตอนนี้อารีเก่งมากขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย”
“ก็ทั่วๆไป ช่วงนี้อารีทำผลงานได้ไม่เลว ไม่แน่ท่านปู่นภ ที่ปของเรา อาจจะเลื่อนตำแหน่งให้อารีก็ได้” ศศินัดดา ถ่อมตัวในปาก แต่การแสดงออกได้ภูมิใจมากถึงขีดสุด แล้ว
“อย่างนั้นก็เยี่ยมมากจริงๆ ” สีหน้าของป้าฟางดูไม่ พอใจเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
เธอกลอกตาแล้วถามต่อ “อารี เงินเดือนของเธอสูง มากขนาดนี้แล้ว คิดที่จะซื้อรถคันหนึ่งไหม มนวรรธน์ บ้านเรา ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งซื้อมาคันหนึ่ง สองแสน กว่าหยวนนะ เหมือนจะเรียกคัมรี่อะไรสักอย่าง ไม่รู้เรื่อง แต่รถคันนั้นดีมากจริง” เราก็
“ฉันเห็นว่าเธอให้รพีพงษ์นั่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าส่ง เธอไปทำงานทุกวัน ต้องเหนื่อยมากแค่ไหน เมื่อไหร่จะ ซื้อรถคันหนึ่งขับล่ะ”
อารียารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ตอนนี้เงินเดือนของเธอมี หมื่นกว่าจริงๆ แต่เธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งไม่นาน นัก ไม่มีเงินออมเลยสักนิด จะสามารถซื้อรถสองแสนกว่า ไหวได้อย่างไร
ศศินัดดาก็รู้สถานการณ์นี้ดี ดังนั้นความภาคภูมิใจใน เมื่อครู่ ก็จางหายไปหมดแล้ว
“เรื่องของการซื้อรถ ยังคงต้องคิดพิจารณาอย่าง รอบคอบ ฉันว่าตอนนี้ให้รพีพงษ์ส่งอารีไปทำงานทุกวัน ก็ดีอยู่แล้ว ยังไงคนที่เหนื่อยคือรพีพงษ์ ไม่ใช่อารีเสีย หน่อย” ศศินัดดาพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาใบหน้าของ เธอ
“ป้าฟาง ฉันเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งไม่นานเงินใช้ จ่ายในครอบครัวหมดแล้ว เรื่องการซื้อรถ ไว้พูดคุยใน ภายหลังดีกว่า” อารียาอธิบาย
เมื่อเห็นพวกเธอทั้งสองพูดแบบนี้สี สีหน้าของป้าฟางก็ กลับมาภูมิใจอีกครั้ง สีหน้านั้นเหมือนจะบอกว่า บ้านเธอ ซื้อไม่ไหว บ้านฉันสามารถซื้อได้ ลูกชายของฉันเก่ง
ไหม!
“ของอย่างรถยนต์ ซื้อโดยเร็วจะดีกว่า หลังจากที่ซื้อรถ แล้ว พวกเธอจะรู้ว่า มีรถนั้นสะดวกมากจริงๆ” ป้าฟางเอ่ย ขึ้น
ในตอนนี้ รพีพงษ์ล้างจานเสร็จเดินออกมา ศศินัดดา ได้เห็นรพีพงษ์ ก็พูดทันทีว่า “เฮ้ ที่จริงเราวางแผนจะ ซื้อรถไว้นานแล้ว ต้องโทษรพีพงษ์ไอ้สวะนี้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ไม่นาน ทำทีวีราคาสี่หมื่นกว่าของพี่วีเสีย ชดใช้ไปไม่น้อย ไม่อย่างนั้น เราก็ได้ซื้อรถแล้ว”
รพีพงษ์ได้ยินศศินัดดาพูดแบบนี้ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เรา ก็สามารถซื้อได้”
ศศินัดดารีบจ้องเขม็งในทันที โดยคิดในใจว่า ตัวเอง กว่าจะหาเหตุผลหนึ่งได้มาปกปิดความจริงที่ว่า บ้าน ของเธอซื้อรถไม่ไหว ไม่คาดคิดว่า รพีพงษ์จะเปิดเผย อีกครั้ง
ซื้อตอนนี้ได้อย่างไร? ขายนายรพีพงษ์หรือ? คำ
พูดที่นายพูดออกไปในตอนนี้ ถึงเวลานั้น ไม่สามารถซื้อ รถได้ ยิ่งจะทำให้ป้าฟางหัวเราะเยาะ ศศินัดดาระเบิดไฟ โกรธในใจหนัก แทบจะกินรพีพงษ์เข้าไป
“นายพูดเรื่องเหลวไหลอะไรที่นี่ รีบไสหัวไปที่อื่น ทีนี่ นายไม่มีสิทธิ์พูด!” ศศินัดดาตะโกนว่า
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ