ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน595แม่สามีมา



ตอน595แม่สามีมา

ตอนที่ 595 แม่สามีมา

เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า นัชชาได้รับการรักษามาสี่ครั้ง แล้วถือได้ว่าหล่อนผ่านกระบวนการมาได้หนึ่งในสามแล้ว ถึง แม้ว่าทุกครั้งจะเจ็บปวด แต่ว่ารอยแผลเป็นที่ชัดเจนของหล่อน จากหนักก็ค่อยดูตื้นขึ้นภายใต้การรักษาด้วยเลเซอร์ที่เข้มข้น ขนาดนี้ หล่อนเคยคิดว่าคงใช้ชีวิตที่มีรอยแผลเป็นแบบนี้ไป ตลอดทั้งชีวิตแต่ว่าตอนนี้ในที่สุดก็เห็นความหวังแล้ว

ขอแค่เปลี่ยนไปด้วยดี มันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่รอคอยทั้งหมด

หล่อนทําความทรงจำที่หายไปบางส่วน บางทีก็มีแวบเข้า มาบ้าง แต่ไม่สามารถเป็นเรื่องเป็นราวได้ แต่ว่าหล่อนสามารถ เข้าได้กับธีมนต์และครอบครัวของเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือว่าสิ่งนี้เป็นเพราะเป็นแม่ลูกกันเลยไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ได้

จนถึงทุกวันนี้ในตอนเช้าก่อนที่พ่อของเตชิตมาที่บ้าน หล่อนคิดว่าตัวเองสามารถจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นในภายภาค หน้าได้

วันนี้ตอนเช้าสิบเอ็ดโมง หล่อนกำลังไปห้องรับแขกเพื่อ ค้นหาเอกสารของร้านดอกไม้ก่อนนหน้านี้ ออดประตูดังขึ้น น้า รินรีบไปบ้านประตู หล่อนพบกับคนแปลกหน้าสองคน
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่า….?”

“เราเป็นพ่อแม่ของเตชิต” เป็นเสียงทุ้มแต่ดังชัดเจนดัง ทะลุออกมาจากด้านหลัง ไม่เพียงแต่นารินได้ยิน นัชชาที่กำลัง นั่งอยู่บนโซฟาเองก็ได้ยิน

หล่อนรีบหยุดหาคู่มือร้านดอกไม้ทันที แล้วรีบลุกขึ้นมาทัน กลับไป

ประตูวิลล่านั้นมีผู้หญิงที่ใส่ชุดสีฟ้าขาว สร้อยที่อยู่ที่คอ เหมือนสร้อยมรกตประจำตระกูล ระหว่างข้อแขนนั้นมีกระเป๋า ถือหนังนกกระจอกเทศรุ่นลิมิเตดยี่ห้อ ด้านหลังของหล่อนยัง มีหญิงสาวที่อายุไม่ได้เยอะเท่าไหร่อีกหนึ่งคน

นี่คือแม่ของเตชิตหรอ?

ดูแล้วอายุไม่เหมือนคนที่อายุห้าสิบหกสิบปี หากบอกว่า

สิบกว่าคนคงเชื่อ

“เวธนี เรียกพี่สะใภ้สิ”จริยารีบเตือนผู้หญิงที่อยู่ด้านหลัง เมื่อตอนที่เห็นหล่อนเดินมา

สาวน้อยรีบเรียกหล่อน “สวัสดีค่ะพี่สะใภ้

“สวัส…สวัสดีค่ะ….” นัชชาไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิด ขึ้นอยู่ตรงหน้าแต่ก็ได้ทักทายต้อนรับแขกเข้าบ้านและรีบบอก ให้ป้ารินไปบอกเตชิต “รีบไปเรียกเตชิตที่อยู่ข้างบน ให้รีบลง มา”

“ได้ค่ะ”
เมื่อปารินเดินไป ในห้องรับแขกขนาดใหญ่ก็เหลือเพียง แค่สามคนที่มองหน้ากันอยู่ นัชชาเองไม่รู้ว่าจะพูดยังไงและก็ กลัวว่าตัวเองจะพูดผิดเลยลุกขึ้นไปชงชาให้พวกเขาแทน

“ได้ข่าวว่าช่วงนี้ร่างกายเธอไม่ค่อยแข็งแรง ฉันได้แต่ คิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดแต่ก็กลัวว่าเธอจะไม่สะดวกเลยไม่ได้ มา ตอนนี้พักฟื้นรักษาตัวเป็นไงบ้าง?” จริยาเปิดปากถามด้วย อัธยาศัยที่ดี

นัชชาไม่กล้าตอบมั่วๆ เธอเคยผ่านเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้น ในประเทศ Y หล่อนไม่แน่ใจว่าเตชิตได้บอกคนที่บ้านหรือยัง ดังนั้นเธอได้แต่พยักหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้สำคัญอะไร

“งั้นก็ดีแล้ว ฉันมีตั๋วบัตรจองรังนกสองใบ เธอเอาไปใช้ สิ ” พูดเสร็จจริยาก็หยิบใบแล้วออกจากกระเป๋าสีดำในมือยื่น

ไปให้นัชชา

หล่อนเผชิญหน้ากับการใส่ใจแบบนี้ นัชชาไม่ค่อยคุ้นเคย เท่าไหร่ ช่างดีจริงเป็นเวลาเดียวกับที่เตชิตลงมาจากด้านบน พอดีจริยาเลยเลี่ยงหัวข้อการพูดนี้ไป “แม่ แม่มาได้ยังไงเนี่ย?”

จริยาหันมาตามเสียงยังไม่ทันเอ่ยอะไร เวธน์ที่อยู่ข้างๆก็ พูดก่อนไปแล้ว “พี่ชาย

เตชิตมองไปทางน้องสาวของตัวเองได้แต่ตอบรับไป”อือ”

“แกยังพูดได้หรอ ตั้งแต่แกกลับมาจนถึงทุกวันนี้มันนาน มาแล้ว แต่เรายังไม่เห็นเลย ได้แต่ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นกับนัชชา ขนาดที่คุณนัชชาป่วยฉันยังไม่ได้ไปเยี่ยมเลย วันนี้เลยอดทนไม่ไหวกลับกันมาตั้งนานแล้ว ฉันมาเยี่ยมหน่อยนึงเนี่ยมันสร้าง ความรำคาญให้แกหรอ?” จริยาปากก็บอกว่าเป็นห่วงแต่นัชชา ฟังออกว่าหล่อนเองก็มีบ่นอยู่บ้าง

แต่เธอก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ก็เตชิตไม่ห่างจากเธอเลยแม้ สักก้าวเดียว ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นใครในใจก็ไม่สามารถสงบใจลง ใต้ โดยเฉพาะแม่ที่หาลูกตัวเองไม่เจอ

เตชิตกับจริยาไม่กี่ครั้งหนึ่งปี ครั้งนี้ที่แม่มาเขาเองยัง รู้สึกถึงความแปลกนี้เขานั่งลงข้างนัชชา พลางกุมมือของนัชชา ที่เกิดอาการกลัวจนมือเย็นไว้ “พวกเราสบายดีถ้ากลับไปก็กลัว ว่าแม่จะเป็นห่วงกลัวแม่จะรีบร้อน

“ดูคำพูดของแก ฉันเป็นแม่แกจะไม่ให้ฉันห่วงแกได้ยัง ไง?” จริยาพูดไปบ่นไป “แกคิดว่าผ่านไปสักระยะก็ควรกลับบ้า สักครั้ง กลับมาดูฉัน กลับมาหาคนที่บ้าน

ตอนแรกนัชชาคิดว่าเตชิตฟังคำพูดแล้วจะทำให้เกิด ความซาบซึ้งตาม แต่ผิดคาดเขาได้แต่พยักหน้าอย่าง สงบเสงี่ยม “รู้แล้ว”

การมาหาของจริยาทำให้ป้ารินต้องเตรียมอาหารเช้าเพิ่ม ขึ้นมาจนเป็นที่จากเดิมสองที่ แล้วยังมีอาหารปลานึ่งซีอิ้วและ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์เพิ่มขึ้นมาอีก

นัชชานั่งอยู่ในห้องรับแขกอย่างหวาดระแวง หล่อน พยายามหาข้ออ้างที่จะไปห้องครัวเพื่อที่จะได้ช่วยป้ารินเตรียมของ
จริยาเห็นเธอเดินออกไปก็ถอนหายใจ เพราะเธอกับนชา ไม่ได้อะไรกันมากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในใจของเธอเองก็มีบาง สิ่งที่ยังปล่อยวางไม่ได้

เตชิตมองผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านหน้า สีหน้า เป็นอย่างไรก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่เริ่มไม่เปลี่ยนเลย “แม่ วันนี้แม่ มามีธุระ?”

เขาเรียนในต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก ภายหลังจริยาก็มา หย่ามาแต่งงานใหม่จนมีเวธนี ความสัมพันธ์ของแม่ลูกอาจะไม่ ให้สนิทสนมมากนัก แต่ที่สุดแล้วก็ยังมีสายสัมพันธ์ทางสาย เลือดยังไงความสัมพันธ์ก็ยังอยู่ดี

จริยาได้แต่หัวเราะอย่างเก้อเขิน “แกนนะ ฉันมาก็เพราะ ว่าเป็นห่วงเด็กสองคน ถ้าฉันไม่มีธุระมาไม่ได้แล้วหรอ….”

เตชิตส่ายหน้า “ไม่ได้หมายความแบบนั้น ไม่มีเรื่องก็

ดีแล้วนี่”

ดูเหมือนหล่อนไม่ได้คาดว่าเขาจะพูดแบบนี้ สิ่งที่จริยา อยากพูดได้แต่อัดอั้นไว้อยู่ที่คอ หล่อนยังคิดไม่ออกว่าจะพูดยัง ไง ทว่าเวธนี้ที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับอดไม่ได้ที่จะทนนั่งต่อไป “แม่ เม่รีบบอกพี่เค้าไปสิ นี่มันกี่วันแล้ว ยิ่งผลัดไปเรื่อยก็จะไม่ทัน แล้ว …

ถึงแม้ว่าเวธนีจะลดเสียงลงอย่างน่าสงสัยแต่เตชิตก็จับ อาการกับคำพูดทั้งหมดได้

สายตาของเขามองไปยังจริยาที่แสดงอาการออกมากอย่างมีพิรุธ แม่ก็คือแม่และก็ไม่อยากทำให้แม่ลำบากใจเลย หันไปถามเวชนีแทน “มีเรื่องอะไร โตจนป่านี้แล้วทำไมไม่บอก พี่โดยตรงเลย?”

เวธกลืนคำพูดลงคอไปทั้งหมด ในความทรงจำตั้งแต่ ไหนแต่ไรมาเธอกลัวพี่ชายคนนี้อยู่แล้ว แม้ว่าทุกครั้งเขาจะให้ ของมากมายแก่หล่อน หรือ ให้เงินที่บ้านเป็นจำนวนมาก แต่ใน ตัวก็ยังมีรังสีความน่ากลัวแผ่กระจายออกมาอยู่ดี กาดต้องพูด กับพี่ชายขึ้นมาหล่อนต้องหดหัวลงไปอีก และตนนี้ก็เป็นด้วย

เตชิตมองหล่อนที่อยู่ในสภาพไม่มีปากไม่มีเสียง หัวคิ้ว ขมวด “ไม่พูดฉันก็ไม่ถามต่อ

เวธนี้รู้ตัวว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วหล่อนกัดฟันที่จะ ยอมอ้าปากพูดออกมา พี่คะ เรื่องเป็นแบบนี้ ที่ช่วงนี้ที่ มหาวิทยาลัยมีการรับสมัครนักศึกษาเพื่อสมัครเข้าเรียนใน ระดับปริญญาโท ใช่ไหม ฉันก็สมัครแล้ว แต่ว่าคนที่จะได้รับ การรับรองนั้นมีจำนวนไม่เยอะ และฉันก็อยากไปมาก….

หล่อนพูดเท่านี้ก็ไม่ได้พูดต่อ เตชิตฟังแล้วก็รู้ความหมาย เลยว่าแปลว่าอะไร

“เธออยากให้ฉันช่วยเธอเรื่องทุนการเรียนปริญญาโท?” เวธนพยักหน้าลงอย่างเบาๆ “ค่ะ”

จริยารีบผสมโรงพูดต่อ “เต ลูกก็รู้ว่าคะแนนน้องสาวแก ถ้าเรียนต่อในระดับปริญญาโทมันห่างไกลไปเยอะ แต่ตอนนี้ วุฒิการศึกษามันจำเป็นมากในสังคมเวลานี้ และก็ไม่อาจปล่อยอย่างไม่ทำอะไรเลยให้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่แย่ๆได้

เตชิตไม่ได้แสดงออกอะไรต่อคำพูดเหล่านี้ หากแต่ถามเว ธนี “การรับรองการสอยปริญญาโทยังมีการทดสอบอีก หากพี่ รับรองแล้วเธอไม่คิดที่จะไปลองสอบดูหรอ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องสอบขึ้นมาเวธนี้ยิ่งใจสลายหนักกว่าเดิม ทำเสียงเบาจนเบาไม่ได้อีกแล้ว “พี่ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รู้ว่าคะแนน ของฉันจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นได้ไง…

เตชิตที่เดิมที่ขมวดคิ้วอยู่แล้วกลับขมวดคิ้วงงหนักกว่า เดิม สายตาของเขามองสำรวจผู้หญิงสองคนนี้ เขาทำเสียงที่ เกรงขามบอกกับเวธนี “หากมีการสอบก็ควรเข้าร่วม หากคิด หาวิธีที่จะฝากเข้าเธอก็จะเรียนได้ไม่ดีอย่างแน่ๆ

เวธนี้ได้ยินสิ่งที่เขาพูดมา หัวใจเย็นยะเยือกขึ้นมาไม่กล้า ที่จะขอร้องเขาต่อได้แต่หันไปขอร้องจริยาแทน “แม่……..

จริยากุมมือลูกสาวคนโปรดอย่างแน่นๆ บางทีหล่อนก็ไม่ เข้าใจความคิดของเตชิตได้แต่พยายามพูดกับเขาดีๆ “เต ก็ ช่วยน้องหน่อยครั้งหนึ่ง น้องต้องตั้งใจเรียนแน่ๆถึงยังไงแกก็ เป็นพี่ชายเขา ไม่ใช่ไม่ดูดำดูดีปล่อยให้น้องไม่มีรายชื่อในการ เรียนต่อใช่ไหม ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ