ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน440ปล่อยวางลงตรงนี้



ตอน440ปล่อยวางลงตรงนี้

ตอนที่440 ปล่อยวางลงตรงนี้

นัชชาเห็นทั้งสองโต้ตอบกันอย่างเป็นมิตร ในใจก็เหมือน ฟองน้ำชุ่มน้ำ ไม่รู้ขอบตาร้อนผ่าวตอนไหน ความสุขแบบนี้ไม่ ได้มาง่ายๆ เธอรอมานานแสนนาน

ธีมนต์และคุณหมอช่วยกันพยุงเขากลับไปที่ห้องผู้ป่วย เขากลัวลูกจะออกแรงมากเลยไม่ได้ใช้แรงอยู่ตลอด เมื่อนอน ลง นัชชาก็ไปหยิบผ้าอุ่นมาเช็ดเหงื่อที่ศีรษะเขาทันที “ทำ กายภาพกินแรงเลยล่ะ?”

“ยังทนได้” เขาพูดเสียงเรียบ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมาก ราวกับว่าคนที่กัดฟันกรอดใช้แรงเมื่อครูไม่ใช่เขา

นัชชารู้ว่าเขารักศักดิ์ศรี ในใจต้องเข็มแข็ง และไม่ได้พูด

อะไร

“พ่อครับ พ่อปวดตรงไหน เดี๋ยวผมนวดให้” ธีมนต์ไม่รู้ว่า เตชิตไม่สบายตรงไหน เพียงแต่ตอนดูละครโทรทัศน์ได้ว่า ทำนวดแบบนี้แล้วจะสบาย

นัชชากำลังจะพูด ไม่รอให้พูดก็ถูกเสียงนุ่มของเขาขัดขึ้น

“งั้นหนูช่วยพ่อนวดนิ้วแล้วกัน”

ตอนนี้ทั้งร่างเขารู้สึกไม่ค่อยสบาย มีเพียงนิ้วมือเท่านั้นที่ให้เขาเล่นได้

เด็กน้อยพยักหน้าทันที เคลื่อนตัวมาที่หัวเตียง สองมือเล็ก

ยังใหญ่ไม่เท่าฝ่ามือใหญ่ แม้ว่าท่าทางจะเงอะงะแต่ก็นวดให้

เขาอย่างระมัดระวัง เตชิตมองใบหน้าที่เหมือนพิมพ์แบบมาจากเขา ความรู้สึก

อัศจรรย์ใจไหลมาในสายเลือดเขา

ความกตัญญู อย่างนั้นล่ะมั้ง

ภายนอกห้อง ชนุดมยืนอยู่ข้างห้องผู้ป่วย เพิ่งเห็นภาพ เหตุการณ์ตรงหน้า สามคนพ่อแม่ลูกมีความสุข แม้ว่าจะถูกกั้น ด้วยบานประตูที่หนา แต่เขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นอันแสนหวาน อย่างเคย แต่มันไม่เกี่ยวข้องกับเขา

อิจฉาหรอ?

คงไม่มีใครไม่อิจฉาหรอกมั้ง แต่อิจฉาแล้วอย่างไรล่ะ ไม่ใช่ของของเขาไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ใช่ของของเขา

วันนี้จริงๆแล้วจะไปเยี่ยมธีมนต์ที่ไวโรจน์วิลล่า ไปถึงถึงจะ รู้ว่านัชชาพาเด็กมาที่โรงพยาบาล เขาก็รีบมาอย่างไม่สบายใจ ได้เห็นภาพภายในห้องผู้ป่วย ก็รู้สึกเจ็บชาในใจ

ความรู้สึกที่มีต่อนัชชา ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ช้ากว่าหนึ่ง ก้าว เตชิตกลายเป็นคนที่ตรานาบในใจเธอไปแล้ว ทั้งชีวิตนี้ก็ ไม่อาจลบออก

ชนุดมรู้มาตลอด เพียงเขาไม่ยอมรับให้มันผ่านไป
“จะเข้าไปไหม?”

ขณะที่เขากำลังหมกมุ่นในใจ ก็มีเสียงอ่อนโยนของผู้หญิง ดังขึ้นมาข้างกาย

ชนุดมหันร่างไปมองหญิงที่สวมชุดกาวน์ตัวยาวสีขาวด้าน หลัง ผมเธอถูกสางมาทั้งหมด เผยเห็นใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ เครื่องหน้าสละสวย ตรงหน้าอกมีป้ายติดเขียนสามพยางค์ สุวีรา ด้านล่างคือตำแหน่งเธอ ศัลยแพทย์

เขาขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ความคุ้นเคยองระบบประสาท เตรียมพร้อมป้องกันก็คลายลงเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา “ไม่ครับ”

สุวรารู้จักเขา แม้ว่าไม่เคยพบมาก่อน แต่เมื่อก่อนเคยได้ ยินนัชชาพูดถึง เธอเดินผ่านแถวนี้ แต่ถูกร่างใหญ่ดึงดูดสายตา อย่างไม่คาดคิด

อาจจะเป็นเพราะไหล่ที่กว้างเกินไป แต่ทั้งร่างมองดูแล้ว เศร้าๆ

เธออดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้า มองใบหน้าด้านข้างของเขา ชัดๆ ประจวบเข้ากับชื่อที่เธอเคยได้ยินมา มีผู้ชายคนที่นิสัย โอหังแบบนี้ ก็คือชนุดมนั่นเอง

“คุณมาหาเธอ ทำไมไม่เข้าไป?” สุวีราค่อนข้างไม่เข้าใจ เขาไม่ควรมาเสียเวลาบมองไกลๆแบบนี้หรือเปล่า?

“คุณคิดไม่ผิด” ชนุดมไม่ใช่คนที่อัธยาศัยดี เขาคุยกับคนที่มีประโยชน์เท่านั้น ตอนนี้กลับคุยกันสองสามประโยคอย่าง ไม่รู้ตัว “ผมอยากเจอเธอ แต่ไม่อยากรบกวนเธอ

ได้ยินดังนั้น สุวีราอึ้งไปสักพัก ยากที่จะจินตนาการว่า

ประโยคนี้ออกมาจากปากผู้ชายคนนี้

ผู้ชายคนที่คิดว่าตัวเองดีที่สุดในโลกนี้พูดว่า ไม่อยาก

รบกวนเธอ

สุวีราค่อนข้างปวดใจในทันที ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น แต่ เพราะในใจเขานึกว่าความรักและความห่วงใยของตนจะกลาย เป็นการรบกวนอีกฝ่าย ก็เลยรีบมาที่หน้าประตูห้อง เพื่อมอง แวบเดียว

มีความคิดนับไม่ถ้วนปรากฏในสมอง ผู้ชายตรงหน้ากลับ ยกเท้าก้าวไปอีกทางหนึ่งทันที

สุวีราก้าวเท้าตามเขาไปสองเก้า พลางตะโกนเรียกเขา “คุณชนุดม”

เสียงเธอไม่ดัง ยิ่งไปกว่านั้นสามารถบอกได้ว่ามีความ พลาด แต่ในโทนเสียงนั้นกลับหนักแน่น

ชนุดมหยุดฝีเท้าลง หยุดไปสองวินาทีก่อนจะหันกลับมา

ครึ่งหน้า “มีอะไรหรอครับ?”

“คุณไม่ได้กวนเธอหรอก เธอจะรู้สึกขอบคุณพระเจ้ามากที่ ตัวเองได้เจอคุณ” สุวีราลังเลไปครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นมา

ที่จริงเธอก็ไม่รู้ว่าพูดแบบนี้มันดีหรือไม่ดี แต่นี่เป็นความหมายที่นัชชาเคยแสดงออกมาจริงๆ เธอเพียงรู้สึกว่าผู้ชายคน นี้สูญเสียไปเยอะ แม้ว่าจะเห็นแก่ตัว แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเลว แน่นอน ไม่ควรจะเดินออกไปเศร้าสร้อยแบบนี้

เกือบไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดประโยคนี้ หลังจากชนุดมฟัง จบก็อึ้งไป กำปั้นที่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว ระงับอารมณ์ไว้

ทั้งที่ประโยคธรรมดาๆไม่แน่นอนนี้ กลับสาดเป็นวงกว้าง ภายในใจเขา

ราวกับว่าความรู้สึกหลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็มีบทสรุป ที่ จริงแล้วไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินประโยคนี้จากปากของนัชชา เพียงแต่ว่าตอนนี้เวลานี้ฟังแล้วยิ่งเป็นรูปธรรม ยิ่ง……ลึกซึ้ง

สุวีรามองเขายืนอยู่กับที่เกือบจะครึ่งนาที ในตอนที่เขา กำลังจะเดินมาข้างหน้า ทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างอึมครึม “ขอบคุณ”

สองพยางค์ลอดผ่านอากาศเข้าสู่หู ฟังดูแล้วไม่ค่อยชัด ยากที่จะคิดว่าคนอย่างชนุดมจะบอกขอบคุณเธอจริงๆอะนะ? ตอนที่รอสุวีราคืนสติมาได้ ร่างที่อยู่ไม่ไกลก็ได้หายไปที่ มุมตั้งนานแล้ว

บนทางเดิน แสงนอกหน้าต่างลอดผ่านเข้ามา ราวกับว่า ไม่เคยมีคนเดินผ่านมาก่อน สุวีราเบนสายตาไปมองห้องผู้ป่วย สุดท้ายไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วเดินออกไปอีกทาง

หลังจากชนุดมออกมาจากโรงพยาบาลก็สั่งให้ผู้ช่วยของตั๋วเครื่องบินให้ แล้วบินไปประเทศอังกฤษ ในวันต่อมา

ไม่ใช่อ่อนแอ ไม่ใช่ว่าทนไม่ได้ ไม่ใช่ว่าช็อคหรืออื่นๆ เขา เพียงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ในตอนนี้ควรจบลงเพียงเท่านี้

ห้าปีก่อนเธอช่วยเขาไว้ที่ริมทะเลสาบโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมดเริ่มที่ตรงนั้น จากนั้นทุกอย่างก็ชัดเจนประทับในหัว สมองราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน

ชนุดมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง เงยศีรษะผ่านช่องแสงบน หลังคามองท้องฟ้าด้านนอก ความรู้สึกผิดหวัง ความรู้สึก เสียดาย อารมณ์เสียดายสิ่งนี้สิ่งนั้นก็ยังมี ใช้ชีวิตมาสามสิบ กว่าปี เป็นครั้งแรกที่รู้ว่ารักคืออะไร รู้อย่างลึกซึ้ง

ตอนที่เขาบอกเธอว่าจะอยู่ด้วยกัน เขาได้ตัดสินใจจะให้ อนาคตและความรับผิดชอบแก่เธอ แต่ตอนที่เธอเลือกที่จะ จูงมือหนีไปกับผู้ชายอีกคน เขาก็ได้รู้แล้วว่าตัวเองไม่มีโอกาส แล้ว

บางครั้งจังหวะชีวิตก็สำคัญ เขานึกว่าเรื่องทั้งหมดเป็น เพียงจุดเริ่มต้น แต่ไม่รู้ว่าตัวเองสายไปนานแล้ว

ปากบางของเขายกยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น อย่างนี้ก็แล้วกัน ความสุขของเธอก็คือสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุดไม่ใช่หรอ?

ไม่มีคำว่าเสียดาย เสียใจ ไม่มีความรู้สึกผิดหรือถูก ตราบ ใดที่ครั้งหนึ่งเคยจริงใจต่อกัน ทั้งหมดที่มีความหมาย ไม่ถือว่า ไม่คุ้มค่า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ