ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน593ชีวภาลูกสาวของฉันเธอจะตื่น ขึ้นมาใหม



ตอน593ชีวภาลูกสาวของฉันเธอจะตื่น ขึ้นมาใหม

ตอนที่ 593 ชีวภาลูกสาวของฉันเธอจะตื่นขึ้นมาใหม

แต่สิ่งที่เขาต้องทําคือทำก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะระเบิด อารมณ์ขึ้นมา เขาเสนอวิธีการรักษาขึ้นมา พูดง่ายแต่อาการ ของชีวภานั้นมันยากกว่าที่คิดไว้เยอะ

สมองของเธอได้รับกระทบกระทือนมาก หากเป็นการ รักษาระบบประสาทแบบคนทั่วนั้นรับรองได้ว่าคงไม่ได้อยู่ใน สภาพนี้ แพทย์เฉพาะทางด้านสมองและระบบประสาททุกคน กำลังพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้หล่อนฟื้นคืนกลับ มา

สำหรับคณะแพทย์แล้วถือได้ว่าไม่ใช่เรื่องการรักษาคนไข้ ตามปกติธรรมดาแต่มันเป็นการท้าทายความสามารถด้าน วิชาการในระดับสูง

แต่ปรัณก็เคยพูดอยู่ว่าถึงจะเป็นความท้าท้ายต่อการสู้รบ แล้ว แต่ครั้งนี้การสู้รบห้ามพ่ายแพ้ ถึงแม้ว่าจะสำเร็จแค่เจ็ดสิบ เปอร์เซนต์หรือมีส่วนใดที่ผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็ตามเขาก็ ไม่อนุญาตให้มันเกิดขึ้นต่อไปได้

มันเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเป็น อย่างมาก ปรัณคิดแล้วคิดอีกเขาตัดสินใจว่าต้องแจ้งให้ชนุดมทราบถึงสภาพอาการของชีวภาในระยะนี้ก่อนเพื่อเป็นวัคซีนใน การป้องกันเอาไว้ก่อนจะเกิดเรื่อง

ปรัก ใส่เสื้อกาวน์ยาวสีขาวเดินไปทางห้องพักผู้ป่วย ตลอดทางแพทย์พยาบาลหลายคนเจอเขาแต่ไม่มีใครทักทาย เขาสักคน นอกจากสุวีรา

ในปีนี้สุวีราได้ทำเรื่องใหญ่ที่ทำเกินความคาดหมายไว้ ตอนนี้เธอเป็นหัวหน้าแผนก ตำแหน่งสูงขึ้น ภาระงานที่หนัก หน่วงบนว่ามีมากขึ้น เวลาก็น้อยลง แต่สิ่งที่เขาโมโหมากที่สุด คือปรับเอาแต่ทำงาน ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันคือเดือนก่อนได้ แค่กินข้าวมื้อเดียว

สุวีรามองไปยังทางที่ผู้ชายสามสิบกว่าคนนั้น หล่อนโกรธ มากเวลาเขาเดินผ่านไป

ปรัณมองเธอที่เดินเฉียดเขาไปอย่างไม่ใยดี เขาได้แต่ส่าย

หัวเบาๆ ปล่อยไปก่อน รอเวลาช่วงนี้ผ่านไปก่อนเดี๋ยวเขาค่อย

ไปง้อทีหลัง

ปรัณเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วยห้อง VIP บาน ประตูมีช่องกระจกเล็กๆการออกแบบแบบนี้ก็เพื่อที่ให้แพทย์ และพยาบาลเดินตรวจดูในเวลาค่ำคืนสามารถมองเข้าไปดู ภายในห้องนั้นได้สะดวกซึ่งเป็นการสังเกตอาการคนป่วย ภายในห้องเป็นอันดับแรก

และในเวลาที่เขาเดินมาหน้าประตูห้องและพร้อมจะเข้าไปข้างในก็ต้องหยุดลง
ปรักเขามองเข้าด้านในทางช่องกระจกที่หน้าประตูกับ เห็นหลังของชายคนหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ที่ปลายเตียงจนถึง กลางเตียง ชนุดมเขาหันหลังให้ประตูห้อง ตัวเขาเอนไปด้าน หน้ามือทั้งสองข้างของเขากุมมือเด็กสาวบนเตียงข้างที่ไม่มี อุปกรณ์การแพทย์อยู่อย่างระมัดระวัง

ถึงแม้จะมองไม่ออกถึงการแสดงออกของผู้ชายคนนั้น แต่ ว่าด้านหลังของร่างกายที่ใหญ่โตนั้นแสดงถึงอาการอารมณ์ เสียขึ้นมาหน่อยๆทั้งความดุร้ายและกำลังใจถดถอยลง

ปรัณรู้สึกประหลาดใจโดยปกติแล้วผู้ชายอย่างชนุดมไม่ ว่าจะจัดการเรื่องอะไรก็ตามค่อนข้างเฉียบขาด ตั้งแต่เรื่องที่เขา เป็นอริกับเตชิตหรือเรื่องตอนเขาช่วยเหลือที่เกิดขึ้นกับนัชชา ก็ตามที เขาเป็นเหมือขนจุดศูนย์กลางของทุกเรื่องมาโดย ตลอด เขาทั้งน่ากลัวจนทุกคนขยาดกันไปตามๆกันเลย

หากพูดถึงเตชิตแล้วปรัณคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีอำนาจ มากที่สุด แต่ชนุดมนั้นก็ไม่ได้อำนาจด้อยกว่าแต่อย่างใด

แต่ ณ เวลา มองสภาพเขาในตอนนี้จากด้านหลังแล้วเห็น ได้ชัดเลยว่าเขาลดความน่ากลัวลงไปเยอะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ดู ออกได้เลยว่าเขากำลังเจ็บปวด

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนรอบตัวเขาที่เป็นคนที่มีชื่อ เสียงและประสบความสำเร็จมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับความรัก มากมายก่ายกอง เตชิตเองก็ผ่านมาเยอะทั้งการเอาชีวิตเข้า แลกถึงได้ตัวนัชชามาถึงทุกวันนี้ ดูท่าแล้วผู้ชายตรงหน้านี้ก็ด้วย เรื่องนัชชาก็จะผ่านมาได้ก็ไม่ง่ายเลย แล้วนี่เรื่องมาถึงเขา ผู้ชายคนนี้อีก ยากจริงๆ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขารู้สึกว่าเรื่องระหว่างเขากับสุวีราน ถือว่าโชคดีไม่มีเรื่องอะไรที่คอขาดบาดตายเข้ามาแทรกมีแค่ ทะเลาะกันบ่อยๆแค่นั้น

เหตุการณ์ที่อยู่ข้างหน้าถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ปรัณไม่ อยากเข้าไปทำลายบบรยากาศ เลยคิดว่าเดี๋ยวค่อยมาแจ้งข่าว อีกทีดีกว่าเพราะเรื่องที่จะพูดนั้นมันเป็นคำแนะนำที่ค่อนข้าง ยากในการอธิบายออกมา

ในช่วงที่เขาคิดตัดสินใจ มีคนแต่ที่น่าเขา

เขาตกใจ รีบหันกลับไปดูก็พบว่ามีผู้หญิงมีอายุคนหนึ่ง หน้าตาคุ้นๆ คิดแล้วคิดอีกถึงนึกขึ้นได้ว่าเป็นแม่ของชีว

“สวัสดีครับคุณป้า”

“อื้อ!สวัสดีค่ะ” ดุลยามองเขาที่มีอาการแปลกๆยื่นมือจะ เปิดประตูเข้าห้องแต่ทำไมยืนอยู่แต่ข้างนอกไม่เข้าไป สักทีว่า ตอนนั้นเองถึงได้เห็นว่า ในห้องนั้นมีชนุดมอยู่ในห้องก่อนแล้ว

เธอพยักหน้าลงพร้อมกับรับรู้ในทันที “ท่านผู้อำนวยการ คะ มีเรื่องอะไรก็คุยกับฉันได้โดยตรงเลย”

ปรัสบตากับดวงตาที่มีอายุของดุลยาคู่นั้นถึงแม้ว่าดุล ยาอายุก็ไม่น้อยแล้ว ไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรมากเท่าไหร่แต่ดุลยาคนนี้เธอไม่ใช่คนไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด

ปรัณนับถือชีวภาจริงๆ ดุลยาคนเดียวเลี้ยงดูลูกสองคนใน สังคมปัจจุบันนี้มันไม่ได้ง่ายเลย อตนนี้เกิดเรื่องขึ้นมันสามารถ ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าหลังจากที่ดุลยาได้รับความช่วยเหลือจา กชนุดมนั้น ตัวเองก็รีบเร่งมาดูแลตัวเองให้ข้มแข็งขึ้นเพื่อกลับ มาดูแลลูกสาวตัวเอง

ปรัณเรียกดุลยาเข้ามาคุยในห้องรับรอบข้างๆห้องพักผู้ ป่วย “คุณป้าครับ คุณป้าต้องดูแลสุขภาพของตัวเองนะครับ พักผ่อนบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวร่างกายจะรับไม่ไหว

ดุลยาโบกมือหยอยๆ “ไม่เป็นไร ฉันมันกระดูกเหล็กแล้ว ทนทานมาก!

พูดเสร็จ ดุลยารีบกลับห้องพักของชีวภา “ท่านผู้อำนวย การ อาการของชีวภาเป็นไงบ้างคะ?”

หล่อนคิดว่าปรัณเป็นถึงผู้อำนวยการของโรงพยาบาล โดยปกติแล้วงานยุ่งมากแน่ๆ วันนี้มาหาเป็นกรณีพิเศษต้องมี เรื่องอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเรื่องที่เขาเคยพูดกับชนุดมนั้นเขาสามารถ พูดกับดุลยาได้ เพราะรับในสถาณการของแต่ละคนนั้นไม่ เหมือนกัน ชนุดมนั้นไม่ว่าจะลำบากหรือทรมานเขาก็เคยผ่าน เหตุการณ์ถึงแก่ความตายมาแล้ว แต่ว่าดุลยานั้นไม่เหมือนกัน เขาเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายมาทั้งชีวิต หากตอนนี้บอกสภาพ อาการของคนป่วยทั้งหมดเชื่อเลยว่าเธอจะรับไม่ไหวอย่างแน่นอน

คิดได้ถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ปรัณได้แต่เก็บปากเก็บคำได้แต่พูด ปลอบใจไป “ตอนนี้คณะผู้เชี่ยวชาญได้เริ่มวิจัยเกี่ยวกับวิธีการ รักษาคนไข้ ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานานไปสักหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อที่จะให้คนไข้นั้นได้รับผลสำเร็จในการผ่าตัดที่สูงที่สุด ตราบใดที่มีช่องทางในการรักษา คุณไม่ต้องคิดมาก

ดุลยาหยิบแก้วน้ำกระดาษในนั้นใส่น้ำอุ่นๆ ยื่นให้ปรัณ สีหน้าไม่ได้แสดงอาการแต่อย่างใด แต่สิ่งที่หล่อนเอ่ยขึ้นมา ทำให้เขาตะลึง “ผู้อำนวยการคะ พูดความจริงกับฉันเถอะ ลูกสาวฉันชีวภาสามารถตื่นขึ้นมาไหม?”

ปรัณคิดไม่ถึงเลยว่าดุลยาจะถามแบบนี้ในขณะที่เขาตั้ง ตัวไม่ทัน โดยปกติแล้วดุลยาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับ การรักษาของทีมแพทย์มาโดยตลอด ทีมแพทย์พยายามสร้าง บรรยากาศที่ดีให้เหมือนกับบ้านเกิดของเขา โดยทีมแพทย์คิด ว่าหญิงชราผู้นี้ค่อนข้างมั่นใจในอาการป่วย แต่ทว่าไม่เคยคิด เลยว่าในใจของดุลยานั้นไม่ได้สบายใจมาโดยตลอด ในความ เป็นจริงแล้วเป็นอย่างไร ดุลยาหล่อนเข้าใจดีอย่างชัดเจน

การถูกถามมันทำให้ปรัณลำบากใจ แต่ได้แค่ค้านหัวชน ฝากับดุลยาว่า “คุณป้าครับ คุณสบายใจได้เลยนะ เรามีวิธี หากไม่มีวิธีการรักษา พวกเราจะบอกคุณแน่นอน

ดุลยาเหมือนยังต้องการที่จะพูดอะไรต่อ หล่อนอ้าปากแต่ ไม่มีเสียงใดๆออกมา ผ่านไปสักครู่ หล่อนก้มหัวลง เอ่ยเสียงออกมาอย่างยากลำบาก “ท่านผู้อำนวยการคะ หากลูกสาวของ ฉันชีวภาไม่ฟื้นขึ้นมา ฉันหวังว่าคุณจะบอกความจริงกับฉัน ฉัน จะไม่เลิกการรักษาตัว แค่ลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ต่อ ฉันจะยอม รักษาตัวต่อ แต่ว่าฉันไม่อยากใช้ชีวิตคิดเองเออเอง

ปรัณได้เผชิญหน้ากับครอบครัวผู้ป่วยมามากมาย สถานการณ์ที่ทำให้คนซาบซึ้งมามากก็เคยผ่านมาแล้ว พวก เขาได้แต่ขอร้องให้หมอว่าต้องรักษาอาการให้หายขาด แต่พอ หลังจากคนป่วยเสียชีวิตลงนั้น ใบหน้าของพวกเขานั้นต่าง ร้องไห้ แต่ว่าคนที่จะพูดตรงๆแบบดุลยานั้นกลับไม่เยอะ

เปลือกตาเขาร้อนผ่าว จมูกเหมือนถูกใครบีบไว้ มันเจ็บ

ปวด

เขาเป็นหมอ เขาต้องมีสติและไม่สามารถที่จะถ่ายทอด อารมณ์ความรู้สึกไปยังครอบครัวคนไข้

ปรัณพยายามอดกลั้นความรู้สึกกับความร้อนที่อยู่ใน ดวงตา ได้แต่ใช้มือตบบ่าของดุลยาอย่างเบาๆ “ได้ครับ ผม สัญญา”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ