ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน751เพื่อให้เธอปล่อยมือ



ตอน751เพื่อให้เธอปล่อยมือ

ตอนที่751 เพื่อให้เธอปล่อยมือ

ตอนที่ผู้ช่วยจะบอกเรื่องนี้กับชนัยเขาอยู่ในร้านชาส่วนตัว แห่งนึงแถวชานเมืองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกำลังพูดเรื่อง งานกันอยู่

คนนั้นคือคนที่ท่านไว้วางใจที่สุดถือเป็นมือขวาของท่าน เลยก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรในบ้านเขาก็รับรู้ไม่มากก็น้อยห นึ่งในนั้นคือเรื่องของพ่อแม่ชนัย

ปีนั้นเรื่องนี้ดังมากแต่เกิดอะไรขึ้นมีน้อยคนที่จะรู้

ชนัยเคยเจอเขาหลายครั้งเขามีชื่อว่าคมธรรมอายุสี่สิบ กว่าเขาจะเรียกอย่างให้ความเคารพว่าอาคม

ไม่ว่าความสัมพันธ์ของเขากับคุณปู่จะเป็นอย่างไรแต่แต่ เขาเป็นคนเก่าแก่ที่ช่วยงานในบ้านธิสกุลมานานขนาดนี้ชนัย รู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริง

“คุณปู่ตามคุณอารองกลับมาทำงานมีข้อเสนออะไรให้คุณ อาล่ะครับ คมธรรมและชนัยเข้าใจนิสัยต่างฝ่ายดีถ้าหากว่า ไม่ใช่เรื่องจำเป็นจริงๆเขาไม่กลับมาแน่

ชนัยไม่อยากให้มีคนรู้เรื่องของดราณีมากแต่ก็เข้าใจว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังคมธรรม
ถึงแม้จะปิดบังแค่ไหนคมธรรมก็ต้องรู้อยู่ดีเผลอๆคมธรรม อาจจะเป็นคนส่งข้อมูลของดราณีให้คุณปูด้วย

ดังนั้นเขาจึงยิ้มขึ้นมา เรื่องความรักครับ

ความรักเหรอท่าที่เขาไม่ได้ตกใจมากมาย คนหนุ่มสาว มักจะมีทุกข์เพราะความรักครับ

ไม่ถึงขนาดนั้นครับชนัยไม่ยอมรับจงใจจะหลีกเลี่ยงเรื่อง เกี่ยวกับดราณี คุณปู่บอกให้ผมกลับบ้านทุกวันเลยผมก็ไม่ใช่ เด็กๆแล้ว”

คมธรรมมองดูคนที่นั่งตรงหน้า คำพูดแบบนี้ไม่เหมือนคำ พูดของแกเลย

เขากัดไม่ปล่อยดูท่าชนัยก็เริ่มหมดความอดทน

แล้วทำไมครับคุณอาไม่ดีใจที่ผมกลับมาเหรอครับ”

แกกลับมาท่านประธานดีใจเป็นคนแรกส่วนฉันอันดับสอง

“ตามนั้นครับ ชนัยยกถ้วยชาเซรามิคสีขาวข้างมือมา ดื่ม ถ้าคุณอาสบายใจผมยังไงก็ได้ครับชีวิตก็เป็นแบบนี้

“คิดดีแล้วนะ” คมธรรมถามซ้ำอีกครั้งเขาพูดเหมือนไม่

ใส่ใจอะไรแต่ความจริงเหมือนไม่ใช่แบบนั้น

“กลับมาแล้วจะไปอีกไม่ง่ายนะ คมธรรมต้องพูดให้ ชัดเจนไว้แต่แรก

อาคมเรื่องพวกนี้ผมคิดไว้ก่อนนี้แล้วถ้าผมต้องกลับมาสืบทอดกิจการของครอบครัวก็ไม่คิดจะถอนตัวไปง่ายๆผมเป็น ผู้ใหญ่แล้วผมเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

คมธรรมได้ยินแล้วก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง ดีมากได้ยินคำนี้ ฉันก็วางใจ” คนสองคนนั่งดื่มน้ำชากันทั้งคืนข้าวก็ไม่ได้กินคนธรรมนั่ง

ลิสท์เรื่องที่ต้องทำออกมากเรื่องแรกต้องซื้อใจคนต้องทำให้ทุก

คนยอมรับเขาให้ได้

มูตี้คลับเฮาส์ที่ชนัยดูแลเทียบกับธุรกิจของตระกูลธิสกุล

ไม่ได้เลย

โลกนั้นเป็นโลกที่แปลกสำหรับชนัยอย่างมากความ สัมพันธ์ที่ซับซ้อนการแข่งขันทางธุรกิจเป็นสิ่งที่เขาต้องจัดการ ให้ได้ในเวลาอันสั้น

ก่อนที่สองคนจะมานั่งคุยกันคมธรรมก็กำชับบอดี้การ์ด และผู้ช่วยไว้อย่างดีแล้วถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความ ตายห้ามให้ใครเข้ามารบกวนเด็ดขาด

การสนทนาครั้งนี้ใช้เวลาถึงสี่ทุ่ม

ก่อนจะจบการสนทนาคมธรรม ใช้มือที่ไหล่ของชนัยทีนึง พูดออกมาอย่างหนักแน่นจริงจังตระกูลธิสกุลพื้นเพลึกซึ้งมาก ความสัมพันธ์ของคนซับซ้อนกว่าที่แกคิดทำอะไรต้อง ระมัดระวังอาเชื่อว่าแกจะทำได้ดี

ชนัยสีหน้านิ่งเฉย “ครับ”
ก่อนออกจากร้านซามองไปบนท้องฟ้าสีดำที่มีเพียงดาวไม่ กี่ดวงเจอแต่ความรู้สึกเหงาและวังเวง

“คุณชนัยครับเมื่อกี้มีสายจากโทรเข้ามาบอกว่าคุณ

ตราณีไปหาคุณที่บริษัท เห็นชนัยเดินออกมาผู้ช่วยก็รีบเอามือ ถือยื่นให้เขา คุณคมธรรมสั่งไว้ไม่ให้ใครรบกวนผมเลย…

ชนัยหยิบมือถือกลับมาไม่ได้ถามอะไรมากแต่ก็ไม่ได้รับ

โทรกลับไป

ชนัยรู้ว่าการทำตัวแปลกของตัวเองช่วงนี้จะทำให้เราณี จับได้แน่นอนจะช้าหรือเร็วเท่านั้น

แต่ว่าจะอธิบายยังไงเขาก็ยังคิดไม่ออก

ยังไงก็บอกเธอเรื่องที่โดนคุณปู่บังคับให้มาสืบทอด กิจการที่บ้านไม่ได้ไม่งั้นคนนิสัยแบบเธอต่อให้จะต้องเสียใจ แค่ไหนก็ต้องเดินจากเขาไปแน่ๆ

ตอนนี้นอกจากดราณีแล้วอะไรเขาก็ยอมเสียได้ทั้งนั้น

ชนัยยืนนิ่งอยู่หน้าร้านชาผู้ช่วยตื่นตระหนกจนเหงื่อแตก เต็มหน้ากลัวว่าเจ้านายจะอาละวาดใส่ตน

ยังดีที่ชนัยยืนนิ่งสักพักก็เดินขึ้นรถไปผู้ช่วยมองเงาของ ชนัยออกไปแล้วรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

ตอนขึ้นรถคนขับรถถามขึ้นมาว่า “คุณชนัยครับจะให้ไปรับ คุณดราณีที่มหาวิทยาลัยมั้ยครับ
“ไม่ต้องกลับบ้านได้เลย

เวลานี้เธอคงไปรอไล่ถามเขาที่บ้านแล้วไม่ได้อยู่ที่ มหาวิทยาลัยแน่นอน

พอคิดถึงใบหน้าสาวน้อยที่เวลาโกรธจะทำตาโตแบ๊วๆ แล้วความตึงเครียดของเขาก็หายไปพักนึง

ชีวิตเหมือนถูกคนผลักให้เดินไปข้างหน้าตลอดวันนี้มีเธอ อยู่ข้างๆ ทำให้เขาอุ่นใจไม่น้อย

คุณปู่อยากได้อะไรเขายอมให้ทุกอย่างขอเพียงให้ได้คบ กับตราณีต่อไป

รถขับมาถึงบริเวณบ้านตอนห้าทุ่มชั้นสองของบ้านมืด สนิทมีเพียงห้องรับแขกที่ยังมีแสงสว่างของแสงไฟแสงไฟที่ สะท้อนออกมาจากผ้าม่านเป็นแสงและความอบอุ่นเดียวใน ความมืดตอนนี้

ชนัยไม่เคยคิดอยากจะรีบกลับบ้านเร็วขนาดนี้มาก่อนเลย เขารีบเดินไปที่ประตูสแกนนิ้วแล้วเดินเข้าบ้านไป

ขณะเปลี่ยนรองเท้าแตะก็หันไปเห็นเด็กสาวที่นั่งอยู่บน

โซฟาพอดี

บนตัวสวมเสื้อผ้าที่มาจากข้างนอกเรือนร่างผอมเพรียวนั่ง ตัวตรงอยู่บนโซฟาพอได้ยินเสียงเธอก็รีบหันมามอง

ชนัยรู้สึกได้ถึงท่าทีอึมครึมของเธอเขาสวมรองเท้าแตะ แล้วไปนั่งยองๆข้างโซฟา “ยังโกรธอยู่เหรอ”
ตอนแรกดราคิดว่ากลับมาเขาจะอธิบายให้ฟังคิดไม่ ถึงว่าประโยคแรกจะเป็นแบบนี้

คุณยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ

ตราณีเหมือนกับลูกประทัดที่เพิ่งโดนจุดไฟอย่างนั้นแต่แม้ ขณะเธอโกรธเธอก็ไม่ได้โวยวายเสียงดังกลับกันกลับนิ่งเฉย ด้วยซ้ำ ไหนบอกว่าทำโอทีที่บริษัททำไมต้องโกหกฉันด้วย

“ไม่ได้อยากโกหกแต่กลัวคุณคิดมากเลยต้องพูดแบบนี้

“ฉันคิดมากเหรอ ยกมือชี้มาที่ตัวเองทำไมฉันต้อง คิดมากไม่ใช่เพราะว่าช่วงนี้คุณมีอะไรปิดบังฉันไว้เหรอ

คิดเหรอว่าการเปลี่ยนไปของเขาเธอจะจับไม่ได้

ชนัยไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจที่ถูกถามแบบนี้เขากุมมือเธอ ไว้กลางอก ผมไปเจอผู้ใหญ่ในบ้านคนนึงมาเราคุยกันเรื่อง ปัญหาในบริษัทจนถึงเวลานี้ไม่ได้ไปทำอะไรเลย

“ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ไปทำอะไร”วินาทีนี้ดราณีก็ยังเชื่อเขาอยู่ แต่สิ่งที่เธอแคร์คือ ช่วงนี้คุณหลบฉันอยู่ใช่ไหม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ