ยั่วรักทนายคนโหด

ตอนที่22 เมาตอนดึกดื่น



ตอนที่22 เมาตอนดึกดื่น

“เหอะ” นัชชาหัวเราะเยือกเย็น ไม่ต้องมาเสแสร้ง โทรมาต้องการอะไรอีก”

ดวิษไม่สนใจ “ตอนนี้เธออยู่ไหน

“คุณปล่อยให้แม่คุณมารังควานพ่อแม่ฉันอีกแล้ว

ดวิษอึ้ง “ว่าไงนะ”

นัชชาไม่เชื่อคําพูดของดวิษอีกต่อไป “ดวิษ ฉัน แอบชอบคุณตั้งแต่สมัยเรียน ตามจีบคุณ2ปี แต่งงานมา1ปี แม้คุณจะไม่ได้รักฉัน แต่มันเป็นเรื่อง ของเราสองคน ทําไมต้องลากคนในครอบครัวฉันมา ยุ่งกับเรื่องนี้ ทำไมคุณต้องใช้วิธีสกปรกแบบนี้ทำให้ ฉันรู้สึกเสียใจที่เคยรักคุณหรอ”

ทุกอย่าง ตอนนี้เหลือเพียงความเสียใจ จากคนรัก กลายเป็นคนแค้นอย่างไร้เหตุไร้ผลค. คิดว่าไม่ว่านัชชาจะพูดอะไรเขาก็ไม่ใส่ใจ แต่ ตอนที่เขาได้ยินคำว่า ‘เสียใจที่เคยรักเขา’ คำคำนี้ ทําให้ใจรู้สึกแปลกๆ

เธอเสียใจหรอ

ในใจเขา นัชชาเป็นคนที่รักเขามากที่สุด ไม่ว่าเขา จะทําอะไรเธอก็จะคอยสนับสนุน คอยทําตามความ ต้องการ ให้อภัยเขา

นัชชาจะถูกเขาควบคุมทำตามทุกอย่างที่เขา ต้องการได้ แต่ตอนนี้ผู้หญิงที่เขาสามารถควบคุมได้ ทุกอย่างกำลังบอกว่าเสียใจหรอ

เขาไม่อนุญาต

ดวิษโกรธ “นัชชา ฉันไม่สนว่าเธอจะเสียหรือไม่ เสียใจ เธอแต่งงานกับฉันแล้วไม่ต้องคิดว่าจะหนีไป ไหนได้

“แล้วปณิตาละ ถ้าคุณคิดที่จะมีเมียหลายคนคุณ ก็ต้องแยกสมัยด้วย ระวังว่าฉันจะฟ้องคุณข้อหา นอกใจแต่งงานใหม่ ส่งคุณเข้าคุกไปเลย””เธอ….” ด ยังไม่ทันได้พูดต่อ สายก็ถูกตัดไป เขาโมโหยืนขึ้นเตะโซฟาไปหนึ่งที “ไอ้ห่าเอ๊ย”

ค. นึกถึงคำพูดของนัชชา เลยกดโทรหาจรรยา แม่ ไปหาพ่อแม่ของนัชชามาอีกแล้วใช่มั้ย ”

จรรยายอมรับอย่างรวดเร็ว “ใช่ เธอเล่นไม่กลับ บ้านเลยมันก็ไม่ใช่ทางออก ถึงแม้ว่าปณิตาจะอยู่ ข้างๆลูก แต่ถึงไงเธอก็ยังไม่ได้เป็นสะใภ้บ้านเรา ถ้า หากเรื่องนี้แพร่ออกไป..

แม่” ดวิษพูดขัด “ผมบอกแล้วว่าเรื่องนี้แม่ไม่ต้อง

ที่ผ่านมาดวิ ไม่ใช่คนที่จะมาทะเลาะกับตัวเอง เพราะเรื่องของลูกสะใภ้ เพราะแบบนี้จรรยาเลยอึ้ง ไปสักพัก “ทำไปเพราะหวังดีกับลูก”

“หวังดีหรอ แม่ท่าแบบนี้นัชชายิ่งอยากที่จะหย่า พอถึงเวลาเกิดหย่ากันขึ้นมาจริงๆ แม่คงจะพอใจ แล้ว” พูดจบดวิษก็ตัดสายทิ้งแล้วขว้างโทรศัพท์ลง โต๊ะ

หย่าเรื่องที่คิดว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้นก็ค่อยๆกลาย เป็นจริง คนที่คิดว่าจะไม่มีทางจากไปก็ค่อยๆหายไป ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ดวิษไม่สบายใจ ตอนนี้เวลานี้ ทุกอย่างที่สามารถควบคุมได้ก็หลุดลอยออกจากมือ ไป

“ดวิษ คุณมายืนทำอะไรตรงนี้” ปณิตาเดินเข้ามา อย่างบังเอิญ ตั้งแต่นัชชาจากไป เธอก็ตัวติดกับด วิษตลอดทําตัวเหมือนเป็นภรรยาที่ถูกต้องตาม กฎหมาย

ดวิษกำลังรู้สึกเซ็งไม่มีที่ลง พอเห็นเธอก็ดึงแล้วดัน เธอนอนลงบนโซฟา เขาไม่ได้ยับยั้งแรงดึงทำให้เธอ รู้สึกเจ็บ

ดวิษไม่ได้พูดอะไรสักคำ ไม่เกริ่นใดๆ ไม่มีแม้แต่ จูบ ก็ตรงเข้าไปในร่างกายของเธอเลย

ปณิตาดูออกว่าเขาอารมณ์ไม่ดี ไม่กล้าพูดอะไรได้ แต่ทําตามที่เขาต้องการ

นัชชาเดินออกจากซอยหมู่บ้านหลังจัดการกับอารมณ์ของตัวเองเรียบร้อย รถที่มาส่งยังคงจอดรอ เธออยู่ข้างถนน

เธอขึ้นรถโดยตาที่ยังแดงอยู่ คนขับรถไม่ได้พูด อะไรมากได้แต่ยื่นกระดาษทิชชู่วางไว้เบาะตรง กลาง

นัชชาเห็นน้ำตาเกือบไหลอีกครั้ง เห็นเวลาก็ยังเข้า อยู่บังเอิญที่จินต์ก็อยากออกมานั่งชิว พวกเธอสอง คนเลยนัดกินข้าวกลางวันกันที่ร้านหม้อไฟ

พอถึงร้านนัชชาก็ให้คนรถกลับเลย เธอเดินเข้าไป คนเดียว ไม่ได้จองห้องเดี่ยวเป็นห้องกินรวมมองเห็น จินต์ที่ใส่ชุดกระโปรงสีแดงที่สะดุดตา

“เธอไม่ทำงานหรอวันนี้” นัชชาเดินเข้าไปหาเธอ

จินต์สั่งอาหารมาไว้เต็มโต๊ะ เธอยิ้มอ่อนๆ “ไม่ได้ไป อารมณ์ไม่ดี ”

“โดดงานไม่ใช่เรื่องที่เธอจะทำ” นัชชาจำได้ว่าถึง จินต์จะเป็นคนที่ง่ายๆสบายๆ แต่เรื่องที่ควรจริงจัง เธอก็ไม่เคยเล่นๆ เธอก็เป็นคนเรียนกฎหมาย มักจะ ทําอะไรทุกอย่างตามกฎเกณฑ์แผนกกากๆ งานห่วยๆของฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะโดด งานไม่อยู่เป็นเดือนมันอาจจะไม่รู้กันเลยด้วยซ้ำว่า ฉันไม่อยู่” จินต์มองบน “วันนี้ฉันมาเพื่อบ่นให้เธอฟัง

นัชชาเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้วจินต์ไม่ได้มีความสุขเหมือน ที่ตัวเองพูดขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะทำงานอยู่ที่บริษัท ของที่บ้านตัวเองเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย แต่ มันก็ไม่มีอะไรที่สำงานน่าสนใจ ตอนนี้พ่อของเธอยัง ยกให้คนอื่นเป็นคนบริหารดูแล จินต์ไม่เหลืออะไร เลย

คำที่เธอพูดมาหมายถึงเธอก็แค่กินข้าวฟรีแล้วรอ วันตาย ชีวิตไร้ความหมาย

“ตอนนี้ฉันแทบจะลืมมาตรากฎหมายไปหมดแล้ว” จินต์หัวเราะเยาะตัวเอง

“แล้วตอนนี้เธอวางแผนไว้ยังไง ทำงานที่นั่นต่อหรือ ว่าหางานใหม่ท่า”

“ก็ต้องไม่ทําต่อแล้วดิ ดูงานที่ทำอยู่เกือบทำให้ ฉันบ้า วันวันนึ่งอยู่เฉยๆเหมือนเทพ คนไม่รู้สึกว่า วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว” คิดไปคิดมาเธอก็อารมณ์ขัน “ฉันคงจะลาออกมาก่อนแล้วจะว่างงาน ไปสักระยะหนึ่งแล้วค่อยคิดหาทางทํางานใหม่

“ได้ เพราะยังไงเธอก็ไม่มีภาระอะไรแล้วค่อยหา

ทางคิดดีๆ”

จินต์มองนัชชา “ทําไมวันนี้รู้สึกเหมือนเธอแปลกๆ”

นัชชาคืบผักขึ้นมา ยิ้มแล้วส่ายหน้า “เธอเป็นพยาธิ ในท้องฉันจริงๆ ไม่มีเรื่องไหนที่สามารถปิดบังเธอไว้ ได้”

“งั้นฉันคงเป็นพยาธิที่สวยที่สุด” จินต์หัวเราะ แล้ว รีบหุบแล้วถามต่อ “เป็นไรไป เรื่องดวิษกับปณิตา หรือเป็นเพราะเตชิตของเธอทําให้โกรธ

“ฉันบอกพ่อแม่เรื่องที่จะหย่าแล้ว”

เรื่องนี้ทำให้จินต์อึ้งไปจริง แล้วยกนิ้วให้……… กล้า หาญขึ้นเยอะเลยนะเพื่อน

นัชชายิ้มแห้งนั่นก็เป็นเพราะว่าเธอถูกบังคับทำให้

ต้องพูดออกไป”แต่เป็นแบบนี้มันก็ดี ถ้าเทียบกับต้องมานั่งกังวลว่า คนบ้านคา จะหน้าด้านพูด ให้พ่อแม่รู้จากปากเรา เพราะยังไงสักวันพวกท่านก็ต้องรู้อยู่ดี” จินต์เห็น ว่านัชชาสีหน้าไม่ค่อยดี เลยยกแก้วในมือขึ้น “มา วัน นี้เราสองคนมาดื่มกัน ไม่เมาไม่กลับ

ออกจากร้านหม้อไฟก็บ่ายสองแล้ว ทั้งสองคนก็เริ่ม เมานิดๆแล้ว ต่างคนต่างช่วยกันพยุง

ตอนแรกนัชชาก็ไม่ได้กะจะดื่มเยอะ แต่ก็แพ้ให้กับ คำชวนของจินต์บวกกับอารมณ์ที่ไม่ดีของเธออยู่ แล้ว ดื่มไปดื่มมาก็ห้ามตัวเองไม่อยู่

สภาพนี้จินต์ขับรถไม่ไหวแน่ๆ นัชชาก็มีสภาพที่ไม่ ต่างกับจินต์ ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีข้างร้านหม้อไฟเป็น ร้านคาราโอเกะ จินต์เห็นไม่รู้อารมณ์ไหนวิ่งตรงเข้า ร้านไป นัชชาอยากยั้งไว้แต่ก็ไม่ทัน

เปลี่ยนจากร้านหม้อไฟมาเป็นร้านคาราโอเกะ จินต์ จองห้องยาวแล้วยกเบียร์สองลังเข้าห้อง

นัชชาดื่มไปประมาณ2-3ขวด สติขาดหายไป196860432_330723708562514_9142433634217042953_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ