ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน 568พ่อแม่กลับมาแล้ว



ตอน 568พ่อแม่กลับมาแล้ว

ตอนที่ 568 พ่อแม่กลับมาแล้ว

กินข้าวมื้อหนึ่งประมาณเกือบชั่วโมงหนึ่ง ระหว่างทานอา หารนัชชนม์กับเมทนีก็ถามนั่นถามนี้อย่างไม่วางใจ ขณะที่นัก ชาตอบกลับไม่ได้ เตชิตก็รับคำถามนั้นมาอย่างใจเย็น ทั้งสอง ช่วยกันโดยที่ไม่ถูกจับได้

ทานข้าวเสร็จแล้วก็นั่งสักครู่ เวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว เห็นเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว ยากที่จะกลับมา นัชชากับเตชิต ตัดสินใจไปรับลูกที่โรงเรียนด้วยตัวเอง

ระหว่างทางไปโรงเรียน ตามองเวลายังเช้าอยู่ พวกเขาจึง จอดรถอยู่ทางเข้าหน้าร้านของเล่น เข้าไปเลือกโมเดลดีๆสอง กล่องแล้วจึงขับรถต่อ

ตอนถึงโรงเรียนเป็นเวลาบ่ายสี่โมงยี่สิบนาที ประตูใหญ่ ของโรงเรียนเปิดออก เป็นโรงเรียนประถมที่ดีที่สุดในเมือง เด็กในโรงเรียนมีแต่คนรวย เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน หน้าประตู โรงเรียนก็มีแต่รถหรูมากมายจอดอยู่

ไม่นาน เด็กๆก็เดินตามคุณครูมา ต่อแถวยาว เดินออกมา ประตูใหญ่อย่างเป็นระเบียบ

นัชชามองดู ใบหน้าที่เห็นในวิดีโอมานับครั้งไม่ถ้วนกำลัง ทำหน้ามองหาท่ามกลางฝูงชน รออยู่นาน ตามองไปที่แต่ละแถวค่อยๆออกมา แต่ไม่เห็นเงาของ มนต์เลย ฝ่ามือเธอมีเหงื่อ ผุดขึ้นมา

“ทำไมยังไม่ออกมาอีกล่ะ?” นัชชาอดจะถามผู้ชายข้าง

กายอย่างแผ่วเบาไม่ได้

ไม่รู้ว่าได้ยินเสียงกรีดร้องในใจเธอไหม ไม่รอให้เตชิตได้ พูด ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยที่แสนน่ารักและโดดเด่นปรากฏขึ้น

ใบหน้าหล่อที่แตกต่างจากเด็กคนอื่น และยังมีกลิ่นกายที่ คุ้นเคยมากขึ้น ทำให้นัชชาเมื่อเห็นก็จำเด็กคนนี้ได้

ไม่ใช่ธีมนต์แล้วจะเป็นใครได้ล่ะ?

ร่างเล็กใส่เครื่องแบบนักเรียนอย่างเหมาะสม เครื่องแบบ เป็นเสื้อคลุมชุดสูทสีเข้มและเสื้อเชิ้ตสีขาว ตรงหน้าอกมีเข็ม กลัดโรงเรียน ที่ปกคอมีเน็คไทสีน้ำเงินหนึ่งเส้น ทั้งสุภาพและ น่ารัก

ปกติจะเป็นณัชชนม์มารับเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นเมื่ออกมา จากประตูโรงเรียนเดินมาเห็นผู้ปกครอง ธีมนต์ก็ยืนรออยู่ใต้ ต้นไม้ใหญ่ รอคุณยายปรากฏตัวอย่างใจเย็น

เพื่อนนักเรียนรอบข้างมีพ่อแม่อยู่ข้างกายกันหมด มีเพียง เขาที่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างโดดเดี่ยว ดวงตากลมโตเต็มไปด้วย ความอิจฉา แม้ว่าจะหนีออกมาไกลขนาดนี้ นัชชาก็ยังจับตา มองเห็นได้ชัดเจน

เจ็บปวดหัวใจเหมือนกัน เธอไม่ได้เป็นคนเดียวสินะ?
เตชิตมองภาพตรงหน้า ในใจก็ไม่ได้หงุดหงิด เกือบจะ เปิดประตูรถลงไปทันที เดินไปทางลูกชายที่น่าสงสาร หลังจากนัชชาเดินตามไปติดๆ มือเล็กถูกเขากุมไว้ ทำให้

รู้สึกปลอดภัยขึ้นมามาก “ธมนต์” ระยะห่างใกล้ขึ้นมาหน่อย เตชิตเอ่ยเรียกชื่อเขา พบว่าเสียงตัวเองแหบพร่า เขาเคลียร์ลำคอก่อนจะตะโกนเรียก

อีกครั้ง “ธีมนต์”

ธีมนต์ที่ยืนรอคุณยายมารับอย่างเชื่อฟังใต้ต้นไม้เดิมที่ไม่ ได้สังเกตเห็น แม้ว่าเหมือนจะได้ยินคนเรียกชื่อตัวเองแต่ก็ไม่ได้ เงยหน้าขึ้นมา

พ่อแม่ไม่อยู่ คงไม่ใช่พวกเขาหรอก คงเป็นเสียงพ่อแม่ เด็กคนอื่นล่ะมั้ง

คิดแบบนี้ จนกระทั่งเตชิตเดินมายืนตรงหน้าเขา เด็กน้อย ถึงได้เงยคอขึ้นมา ขณะที่สายตาสัมผัสถึงใบหน้าที่คุ้นเคย เหลือเกิน ราวกับว่าไม่กล้าเชื่อจึงกะพริบตาทันที

ร่างเล็กยืนเหม่ออยู่กับที่ ดีใจปนตกใจ เหม่อลอย ยากที่ จะเชื่อ ดวงตาที่ใสชื่อคู่นั้น เตชิตรู้สึกเหมือนกับมีคนเอาก้อน มาทุบหัวใจแรงๆ เจ็บจนเขาต้องหายใจถี่ขึ้นมา

ร่างสูงย่อตัวลงไป ยื่นมือโอบกอดเด็กน้อย ไม่กล้าใช้แรง มาก กลัวว่าจะทำให้เขากลัว “ธมนต์ พ่อกับแม่มารับหนูแล้ว”

ได้ฟังประโยคนี้ เหมือนกดปุ่มเปิด ดวงตาประกายคู่นั้นก็มีน้ำตาไหลอกมาสองข้างทาง ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นอยากจะเข้า มาใกล้แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร มันยากที่จะเข้าใกล้

เด็กอายุเท่านี้ ปกติต้องใสซื่อบริสุทธิ์ แต่เพราะผู้ใหญ่ แยกทางกันหลายครั้ง ทำให้เด็กน้อยโตขึ้นเร็วกว่าคนอื่น ได้ เจอพ่อแม่ที่ปรากฏตัวขึ้นด้วยฉับพลัน ธีมนต์ก็ไม่รู้จะทำ อย่างไร ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ

ทั้งๆที่รอคอยพ่อแม่กลับมาเสมอ แต่ตอนที่พวกเขาตอบ กลับจริงๆ เขากลับสับสนขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด

เรื่องทั้งหมดนี้ เตชิตเห็นอยู่ในสายตา เจ็บปวดอยู่ในใจ ไม่อยากให้วัยเด็กของเขาได้แบกรับอะไรมากมาย ใช้ชีวิต อย่างเรียบง่ายและมีความสุขก็พอแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้

นัชชามองใบหน้าเด็กน้อยที่ถอดแบบมาจากเตชิต แม้ว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้เธอเชื่อแล้ว

เหมือนกันมากจริงๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพ่อลูกกันไม่ผิด

แน่

เห็นน้ำตาของเด็กน้อยไหลออกมาในพริบตา ในใจเธอก็ มีปฏิกิริยาเดียวกัน ขณะที่เธอไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ราวกับว่า ร่างกายเกิดความทรงจำขึ้นมา ยกมือขึ้นลูบหัวเด็กน้อยอย่าง รวดเร็ว

“ธีมนต์ อย่าร้องไห้เลยนะ ขึ้นรถไป…….กับพ่อแม่ก่อนนะ” แม้ว่าขณะที่พูดคำว่าแม่ออกไปจะติดขัดเล็กน้อย แต่เด็กน้อย ตรงหน้าไม่ได้รู้สึกแปลก
ทั้งสามขึ้นรถไป นัชชานั่งเบาะด้านหลังเป็นเพื่อนมนต์ เตชิตขับรถ มองแม่ลูกด้านหลังผ่านกระจก

“พวกเราไปทานอาหารกัน ธีมนต์อยากทานอะไรไหม ครับ?” ถึงจะไม่มีความทรงจำในการเป็นแม่ในอดีต การดูแล ลูก เธอก็รู้สึกไม่เก่ง แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เธอก็ยังพยายาม คล้อยตามให้ดี

ธีมนต์ตั้งแต่ขึ้นรถสายตาที่มองออกนอกหน้าต่างตลอด หันกลับมา มองไปที่มือเล็กที่วางบนตัก เขากับเข็มขัดบนตัว เหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด “ได้หมดครับ

ได้หมด?

เตชิตขมวดคิ้ว มองผ่านกระจกไปที่ร่างเล็ก “ลูกไม่ได้ชอบ ร้านอาหารเด็กที่ถนนวารีหรอ?”

เขาจําได้ว่าเมื่อก่อนบ่อยครั้งที่เขาร้องอยากไป เพราะว่าน ชชาไม่ชอบให้ลูกทานอาหารขยะ เขาจึงให้เขาเป็นคน สนับสนุน

นึกว่าครั้งนี้เขาจะยกข้อเสนอนี้มา แต่ไม่คิดว่าจะยังไงก็ได้ เตชิตขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก

“ร้านอาหารเด็กอาชนุดมพาผมไปทานหลายครั้งแล้ว ผม

ไม่อยากไปแล้ว” ธีมนต์ตั้งใจพูดประโยคนี้ดังๆ เหมือนกับจะ บอกพวกเขา

แม้จะภูมิใจในประโยคนี้มาก แต่ท่าทางขุ่นเคืองอย่างเห็น
ได้ยินคำว่าอาชนุดม ในใจเตชิตก็เกิดเสียง “คลิก” ออก

มาโดยอัตโนมัติ กำลังจะเอ่ยปากก็ได้ยินนัชชาถามอย่างสงสัย ว่า “อาชนุดมคือ……. คำว่า “ใคร” สุดท้ายก็ไม่ได้ออกไป เขารีบแทรก “อาชน ดมพาหนูไปหรอ? ตอนพ่อแม่ไม่อยู่ อาชนุดมดูแลหนูตลอดเลย

ใช่ไหม?”

นัชชาเงียบ จึงเข้าใจแล้วว่า อาชนุดมที่เด็กน้อยเพิ่งพูดน่า จะเป็นคนรู้จักของเธอ

ยังไงธีมนต์ก็เป็นเด็ก ไม่รู้สึกถึงบทสนทนาที่อ่อนไหว ระหว่างพวกเขา แล้วออกแรงพยักหน้า “ครับ อาชนุดมดีกับผม มาก พาผมไปเที่ยวด้วยล่ะ!”

เห็นท่าทางเขาภูมิใจเหลือเกิน เตชิตก็อิจฉาในใจ “พ่อไม่ เคยพาหนูไปหรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ