ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน111 บริจาคทรัพย์สิน



ตอน111 บริจาคทรัพย์สิน

ตอนที่ 111 บริจาคทรัพย์สิน

หลังจากลงมาจากชั้นสอง น้ำสักแก้วปรัณก็ยังไม่ได้ดื่ม

เขาเดินตรงดิ่งออกจากประตูใหญ่ของไวโรจน์วิลล่า สุรา รีบคว้าเสื้อคลุมแล้วเดินตามหลังเขาไปทันที เธอนั่งลงในรถ ก่อนที่เครื่องยนต์จะสตาร์ทตามมาในไม่กี่วินาที

ปรัณเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานออกจากหมู่บ้านเข้าสู่

ถนนใหญ่

รถขับไปด้วยความเร็วสูง เช่นเดียวกับหัวใจของสุรา

ยิ่งเต้นยิ่งเร็วขึ้น

ถึงแม้เธอจะรู้ว่าปรัณ ภายนอกดูไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยต่อ ใครได้แต่เขาก็ไม่ใช่พวกโลกสวยแน่นอน สีหน้าบูดบึงแบบนี้ เธอก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก

คิดไปคิดมา เธอว่าควรจะพูดอะไรสักหน่อย

“อาจารย์หมอคะ เรากำลังจะไปไหนกันคะ

เสียงใสๆของหญิงสาวข้างกายดังขึ้นข้างหนู แต่ไม่ได้ดึง ความสนใจของชายหนุ่มที่กำลังขับรถได้เลย “กลับคณะ
น้ำเสียง เรียบเฉย

สีหน้าและอารมณ์ ยิ่งเรียบเฉยกว่าน้ำเสียงเสียอีก เหมือนกับสิ่งที่เธอพูด เป็นสิ่งไร้สาระ

สุราแกล้งกระแอมออกมาทีนึง เอามือลูบจมูกแก้เขิน “อาจารย์หมอไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ฉันไม่ได้คิดจริงจังค่ะ

“อะไร”

สุวีรามีท่าทีแปลกๆ ผ่านไปพักใหญ่เธอถึงจะตอบออกมา ว่า เมื่อที่คุณเตชิตพูด ฉันไม่ได้คิดอะไร อาจารย์อย่าคิดมาก เลยนะคะ”

” ปรัณจับพวงมาลัยแน่น ทำไมเขากลับรู้สึกว่ายิ่ง เธอพยายามอธิบาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่มากขึ้น

สุวีรา มองหน้าอาจารย์หมอของเธอที่ยิ่งบูดบึงขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อกี้เธอไม่ได้พูดอะไรผิดไปนะ

มาถึงแยกไฟแดง รถหยุดอยู่หลังเส้นรอสัญญาณไฟ ชาย หนุ่มค่อยหันมองด้านข้าง สายตามาหยุดอยู่ที่ใบหน้าขาวใส ของหญิงสาว หน้าตาอันไร้เดียงสา “ที่ผมหงุดหงิดไม่ใช่เพราะ คุณ อย่าคิดเองเออเอง”

สุวีณากระพริบตาถี่ นี่เธอกลายเป็นคนคิดเองเออเองไป ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เตชิตหลังจากให้น้ำเกลือแล้วไข้ก็เริ่มลดลง ร่างกายที่เคย รู้สึกหน่วงๆหนักๆก็เริ่มดีขึ้น พอมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง แต่ปกติ ของคนที่มีใช้สูงพอไข้ลดก็จะเหนื่อยๆเพลียๆ

เขานอนอยู่บนเตียงมานาน ทำให้เขารู้สึกหนักๆหัว หลัง จากดึงเข็มน้ำเกลือออกเอง เขาก็ใส่เสื้อผ้าเดินลงมาชั้นล่าง

นัชชารู้ว่าเขาใกล้จะตื่นแล้ว จึงอุ่นโจ๊กร้อนๆไว้ อาหาร “กินอะไรสักหน่อยนะคะ”

รอที่โต๊ะ

ชายหนุ่มยืนอยู่ในห้องรับแขกไม่ขยับ มือหนึ่งเกาะที่พนัก เก้าอี้ จ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาว

สายตาของเขาที่มองมา ทำให้หญิงสาวคิดว่ามีอะไรผิด ปกติบนใบหน้าเธอรึป่าว จึงยกมือขึ้นมาคลำที่ใบหน้า

“หน้าฉันมีอะไรติดรีป่าวคะ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า”ไม่มี”

นัชชาหน้าร้อนผ่าว “ถ้างั้นคุณมองอะไรคะ”

“อยากมอง”

อยากมอง

นัชชาขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ยิ้มออกมา เดินไป ข้างหน้าสองก้าวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา “คำตอบอะไรของ

เตชิตรวมตัวหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด ด้วยร่างกายที่กำของเขาสามารถรวบตัวเธอไว้ได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เธอ ขัดขืนก็ดิ้นไม่หลุด

นัชชายกแขนโอบกอดตอบชายหนุ่ม พร้อมใช้มือตบเบา ที่หลังเขาแล้วพูดว่า “คุณเป็นอะไร ปาว”

“ไม่มีอะไร “เขาส่ายหัวเบาๆ “ผมแค่คิดว่า เรื่องฟ้องหย่า ของคุณกับดวิษในที่สุดก็เรียบร้อยแล้ว ผมรู้สึกดีใจมาก

นัชชายิ้ม”ฉันก็ดีใจค่ะ”

“ไม่” ชายหนุ่มคลายมือออกแล้วถอยออกมาเล็กน้อย เพื่อให้หญิงสาวมองเห็นใบหน้าเขาได้อย่างชัดเจน “ผมดีใจ เพราะว่า คุณจะเป็นของผมคนเดียว ไม่ว่าทางพฤตินัยหรือ นิตินัย”

หญิงสาวชะงักเล็กน้อย เพิ่งเข้าใจในความหมายแท้จริงที่ แฝงในคำพูดชายหนุ่มเมื่อสักครู่ เขาดีใจไม่ใช่เพราะเธอชนะ คดีฟ้องหย่า แต่เขาดีใจที่นอกจากเขาแล้วเธอจะไม่มีพันธะ ใดๆกับใครอีก

มีเพลงอยู่ประโยคหนึ่งมันร้องว่ายังไงนะ จบกับเขาเรียบร้อย ถึงจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้

แม้ว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเธอและดาษมันจะ ฉาบฉวยจอมปลอมก็จริง แต่เมื่อถึงเวลาที่เส้นความสัมพันธ์ บางๆ ขาดลง ก็ทำให้เธอรู้สึกสบายตัวไม่น้อย

ในที่สุดเธอกับเตชิต ก็สามารถคบกันอย่างเปิดเผยซะที
“เมื่อก่อนอาจจะทำให้คุณรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ” นัชชาหน้า แดงขึ้นมาทันที เธอแกล้งหยอกเขาแต่กลับกลายเป็นว่าเธอมา เขินอายขะแทน

ชายหนุ่มก้มมีศีรษะลงมา คุณจะชดเชยให้ผมเหรอ”

ประโยคนี้เธอได้ยินเขาพูดหลายครั้ง บ่อยจนทำให้เธอ ต้องรีบหาข้ออ้างขึ้นมาตัดบท “คุณยังไม่หายดีเลยนะคะ เกิด แพร่เชื้อโรคมาติดฉันจะทำยังไง

ชายหนุ่มสายตาเป็นประกายพร้อมกับรอยยิ้ม “คิดอะไร ของคุณ ในหัวคุณมีแต่เรื่องอย่างว่าเหรอ”

“ใครคิดเรื่องอย่างว่า…” นัชชารู้ว่าถูกเขาแกล้ง จึง ถลึงตาใส่เขา “ฉันว่าคุณหายดีแล้วล่ะ

เตชิตตึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง แล้วพา เธอไปนั่ง

ที่โต๊ะอาหาร “กินเป็นเพื่อนผมหน่อย”

นัชชาเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน จึงไม่ปฏิเสธ หยิบ

โจ๊กมานั่งกินข้างๆเขา

“ใช่แล้ว” นัชชานึกถึงเรื่องที่ฝากให้ทนายกรณ์จัดการให้ จึงไปถามเขาว่า ถ้าคดีจบแล้ว ควินต้องแบ่งทรัพย์สินครึ่ง หนึ่งให้ฉันใช่มั้ยคะ

“ประมาณนั้น ขึ้นอยู่กับคำพิจารณาตัดสินของศาล

มือที่กำลังตัก โจ๊กในชามหยุดนิ่ง หากเป็นอย่างที่เธอคิด
เตชิตมองเธอ”ท่าไม คุณไม่อยากได้เหรอ”

เขายังจำได้ตอนแรกที่เธอมาที่สำนักงานแล้วบอกว่าจะ ฟ้องหย่านเสียงหนักแน่นว่าต้องการให้ดาษพินาศล่มจม สิ้น เนื้อประดาตัว

นัชชารู้สึกหดหู่เล็กน้อย “ฉันแค่รู้สึกว่าเงินพวกนั้นมัน ทำให้ฉันไม่สบายใจ

ได้ยินเหตุผลของเธอ เตชิตเม้มปากเล็กน้อย “อยากเป็น แม่พระก็เป็น แต่อย่าใจดีจนถูกเขาหลอกจนกลายเป็นคนโง่ พอ”

“ฉันรู้ค่ะ” นัชชาเข้าใจความหมายของเตชิต “ฉันไม่ได้ อยากเป็นแม่พระ แค่รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ”

ถึงแม้ว่า ในทางกฎหมายเงินส่วนนี้ต้องตกเป็นของเธอ ก็ตาม แต่ไม่ใช่เงินที่เธอหามาได้ เวลาหนึ่งปี กว่าที่แต่งงาน อยู่ร่วมกัน ดาษเป็นคนที่นอกใจเธอมาตลอด เธอเป็นผู้ถูก กระทำซึ่งควรจะได้รับการชดเชยจากเงินก้อนมหาศาลหลังจาก หย่ากัน แต่พูดไปคนอื่นก็จะหาว่าเธอฝันกลางวัน

“ฉันโชคดีมากที่มีคุณเป็นคนจัดการเรื่องฟ้องหย่า ไม่ อย่างนั้นคุณอาจจะเข้าใจฉันผิดนัชชายิ้มสายตาเป็นประกาย มองไปยังชายหนุ่มตรงหน้า “จริงๆแล้วฉันมีความคิดแปลกๆ อย่างนึง”

“ว่ามา
“ฉันอยากจะนำทรัพย์สินที่ได้หลังจากการหย่าส่วนนึง ไป

บริจาค”

“เท่าไหร่”

นัชชาคิดครู่นึง น่าจะสักครึ่งนึง

ในโลกนี้ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ เธอก็เป็นแค่ผู้หญิง ธรรมดาคนหนึ่ง สิ่งที่พอทำได้ก็มีแค่นี้ เงินส่วนที่เหลือเธอ อยากเก็บไว้ให้เมทนีกับณัชชนม์ไว้ใช้ยามแก่เฒ่า

ถ้าเกิดวันนึง เตชิตต้องจากเธอไป ชาตินี้เธอคงไม่คิดจะ แต่งงานอีกแล้ว ถึงเวลานั้นพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องมาพลอย ล่ามากกับเธอ

เตชิตวางซ้อนลง หยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่นค่อยๆเช็ด ที่มุมปาก หลับตาลงเพื่อบดบังความซับซ้อนที่ซ่อน ในดวงตา

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดสิ่งที่เธอทำทั้งหมด เพราะ เธอยังไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเขา มาตอนนี้เขายิ่งเข้าใจชัดว่า อะไรคือสิ่งที่เธอกังวล แต่สิ่งที่ทำให้เขาอ่อนแรงที่สุดคือเขา กลับไม่สามารถยื่นข้อเสนออื่น ให้เธอได้

ความสัมพันธ์ของพวกเขามันช่างซับซ้อนและเปราะบาง จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่กับ บางเรื่องกลับไม่มีเลย

ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณ” หญิงสาวมองโจ๊กในชาม อยู่ๆก็รู้ สึกเบื่ออาหารขึ้นมา”ค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ