ตอน731ฉันไม่หวังว่าเธอจะต้องเข้มแข็งขนาดนี้
ตอนที่ 31ฉันไม่หวังว่าเธอจะต้องเข้มแข็งขนาดนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่สองดราณีตื่นขึ้นมาเพราะเสียงตรวจ คนไข้ของหมอประจำโรงพยาบาลเธอลืมตาขึ้นเห็นเสนานี กำลังปรนนิบัติป้อนข้าวป้อนน้ำให้ทยุติอยู่ด้านข้าง
เธอสะลึมสะลือลุกขึ้นแล้วเรียกแม่ตัวเธอเองก็ยังไม่ค่อย ได้สติอยู่เท่าไร
“ตื่นแล้วหรือลูก”เสนานีชี้ไปที่โต๊ะด้านข้างที่มีโจ๊กและ
ซาลาเปาวางอยู่”แม่ซื้ออาหารเช้ามาให้แล้วไปล้างหน้าล้างตา
แล้วมากินซะตอนยังร้อนๆ
รู้สึกว่าช่วงนี้เธอเหนื่อยจนหมดแรงไม่มีชีวิตชีวาตอนเช้า เห็นเธอหลับลึกขนาดนั้นเสนานี้เลยไม่อยากปลุกให้เธอตื่น
ตราณีพยักหน้ารีบไปล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็วแล้วนั่ง ลงที่หน้าโต๊ะก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้า
ทยุติมองดูลูกสาวสุดที่รักมีรอยเป็นเพราะนอนฟุบ เฝ้าไข้ตนรู้สึกปวดใจจึงพูดขึ้นว่า”เสนานี้จะให้ดราณีอยู่ที่โรง พยาบาลแบบนี้ก็ใช่เรื่องไม่อย่างนั้น ให้ลูกกลับไปอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเถอะ”
ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะทำงานสะดวกดราณีไม่เคยไปพักที่ มหาวิทยาลัยเลย
เดิมทีเสนานีก็คิดแบบนั้นแต่หลังจากที่เธอรู้ความสัมพันธ์ ระหว่างลูกสาวตนกับชนัยก็ไม่ค่อยวางใจสักเท่าไร
เห็นลูกต้องนอนบีบตัวบนเตียงเล็กๆเช่นนี้ทุกวันผู้เป็นแม่ ทุกข์มากกว่าใครแต่ยอมที่จะเหนื่อยสักนิดลำบากสักหน่อยก็ดี กว่า ให้เธอเดินผิดทาง
“เราไม่ได้จองที่พัก ในมหาวิทยาลัยก่อนอีกอย่างหอพักที่ มหาวิทยาลัยที่จำกัดเวลาเข้าออกต้องกลับดึกดื่นทุกวันเขาก็ไม่ ยอมให้เข้าหอพักอยู่ดี”เสนานี้ไม่ได้บอกทยุติเรื่องเกี่ยวกับชนัย ที่เธอกำลังเป็นห่วงอยู่เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาเป็นกังวล เรื่องแบบนี้อีก
ตอนนี้สิ่งที่สําคัญที่สุดคือต้องฟื้นฟูร่างกายให้เร็วที่สุด ทยุติยังคงเป็นห่วงอยู่”ถ้าอย่างนั้น ให้ดราณีไปพักกับหมุ ยก่อนสักสองวันดีไหม?”
หมุยเป็นชื่อเล่นของอาสาวเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น เสนานีพูดค้านเป็นคนแรก”เดิมที่คุณเข้าโรงพยาบาลกรบกวน พวกเขาอยู่แล้วแล้วจะให้ดราณีไปเป็นภาระครอบครัวเขาอีก หรือ…”
“เราเป็นคนครอบครัวเดียวกันอีกอย่างมันไม่มีทางเลือก อื่นนี่หน่า”ทยุติยืนกรานตอนกลางวันลูกอยู่ที่มหาวิทยาลัยกิน ข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยได้ตอนกลางคืนต้องหลับต้องนอนก็ต้องวิ่งมานอนที่นี่ถึงเวลานั้นร่างกายฉันแข็งแรง ดีแล้วแต่ลูกหล่ะไม่เหนื่อยตายก่อนเหรอ!
ทยุติพูดอย่างรวดเร็วอาจจะสำลักอะไรบางอย่างเลยไอ
ใหญ่
ดราณีตกใจรีบเดินไปที่ข้างเตียงผู้เป็นพ่อ”พ่อคะหนูไม่ เป็นไรไม่ต้องกังวลเรื่องของหนูหรอกคะ”
“จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง!”ทยุติเป็นห่วงเธอในสายตาของ เขาดราณียังเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ลูกไม่อยากไปอาศัยบ้านอา เขาเหรอ?”
ประเด็นกลับมาที่เรื่องของเธอดราณีมองสีหน้าของเสนานี แวบหนึ่งเงียบไปพักหนึ่งไม่รู้จะตอบผู้เป็นพ่ออย่างไรกลัวว่าพ่อ กับแม่จะต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องของเธอ
ท้ายที่สุดเสนานีทนต่อไปไม่ไหวเลยต้องยอมอ่อนข้อ ให้”เอาอย่างที่คุณพูดก็ได้อยากให้ลูกไปอาศัยกับอาฉันก็ไม่ ขัดจะร้อนรนอะไรหนักหนาตอนนี้คุณไม่สบายอยู่ต้องควบคุม อารมณ์ของตัวเองรู้ไหม?”
ทยุติเห็นเธอยอมอ่อนข้อให้เลยค่อยๆคลายอารมณ์ ลง”ดราณีตอนกลางคืนลูกไปอาศัยบ้านอานอนไปก่อนนะรอให้ พ่อร่างกายดีขึ้นกว่านี้ลูกก็ไม่ต้องมาเฝ้าพ่อทุกวันแล้ว”
“หนูรู้แล้วคะพ่อ”ถึงแม้ว่าในใจดราณีจะไม่อยากไปแต่ เธอก็จําใจพยักหน้ารับปากอย่างว่าง่าย ไม่ต้องโมโหคะหนูยัง เด็กอยู่วิ่งไปวิ่งมายังไหวสบายมาก”
ลูกเป็นเด็กดีมากแต่ทยุติก็ยังรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกผิด
ต่อลูก
ในฐานะของพ่อแม่นอกจากไม่สามารถเลี้ยงดูลูกให้สบาย ได้แล้วยังต้องมาเป็นภาระให้ลูกต้องมาดูแลตัวเองอีกไม่ว่าจะ ในฐานะผู้เป็นพ่อหรือในฐานะของสามีทยุติรู้สึกผิดต่อลูกและ ภรรยามาก
ชายที่อายุเกือบจะห้าสิบดำเนินชีวิตด้วยความสุจริต ตลอดมาแสดงออกและพูดคำหวานไม่ค่อยเป็นได้แต่เอาสิ่ง เหล่านั้นเก็บไว้ในใจรู้สึกอยากให้โรคที่รุมเร้าอยู่นี้หายไวๆ ไม่อยากเป็นภาระให้กับลูก
หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จดราณีก็ออกจากโรง พยาบาลเดินทางไปมหาวิทยาลัยเธอยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายเธอ ไม่ได้สังเกตเห็นว่าโทรศัพท์มือถือที่ใส่ไว้ในกระเป๋าปรับเป็น โหมดสั่น
สิบนาทีต่อมาเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำจอดอยู่ข้างทางตอน แรกเธอไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งรถคันนั้นลดกระจกหน้าต่าง ลงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
นี่ไม่ใช่ผู้จัดการของมูตี้คลับเฮาส์หรือ?
ดราณีรู้สึกไม่คาดคิดเล็กน้อย”ผู้จัดการ?”
“คุณตรา ท่านชมัย ให้ผมมารับคุณรีบขึ้นรถมาสิ”ผู้ จัดการพูดพลางไม่ลืมที่จะยิ้มให้เธออย่างสุภาพท่าที่ดูใจดีและเป็นมิตร
ด้านหลังมีรถบีบแตรไล่ดราณีไม่มีเวลาถามต่อรีบเปิด ประตูเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง
รถขับแล่นออกไปส่วนตัวเธอก็อดที่จะสงสัยไม่ได้”คุณรู้ได้ อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่?”
พูดไปผู้จัดการก็รู้สึกลำบากใจ”ท่านชมัยบอกผมว่าตอน บ่ายโมงครึ่งคุณต้องไปเข้าเรียนท่านกำชับให้ผมมารับคุณไปที่ มหาวิทยาลัยตอนแรกผมไปรออยู่ที่ประตูหลังแต่ไม่เห็นคุณ ออกมา โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ก็เลยขับรถออกมาดูที่ประตูด้าน หน้า”
ดราณีหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูอย่างรวดเร็วบนหน้า จอสายที่ไม่ได้รับดั้งเจ็ดแปดสาย
เธอรีบขอโทษอย่างรวดเร็ว”ต้องขอโทษด้วยนะคะพอดี
เมื่อครู่ฉันกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่เลยไม่ได้ดูโทรศัพท์”
“ไม่เป็นไรครับคุณก็พูดเกินไป”ผู้จัดการไม่สามารถรับคำ ขอโทษของเธอได้พูดต่อว่า”มารับคุณได้พอดีตอนแรกผมก็ กลัวว่าจะหาคุณไม่เจอ”
เพิ่งจะคุยจบหน้าจอของโทรศัพท์ก็สว่างขึ้นอีกครั้งคราณี มองไปที่หน้าจอก็เห็นนัยโทรเข้ามา
คนๆนี้คงจะกะเวลาถูกก็เลยโทรมาล่ะสิ ดราณีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู”สวัสดีคะ?”
“เธอขึ้นรถหรือยัง?
“ขึ้นแล้วคะ”ดราณีมองรถบัสในตอนเที่ยงที่แล่นอยู่ด้าน นอกกระจกรถมองผ่านกระจกใสแผ่นใหญ่เห็นเด็กใส่ชุด นักเรียนแล้วก็ผู้ใหญ่ที่กำลังจะไปทำงานยืนเบียดเสียดกันอยู่ ในรถเมล์ท่าทางของพวกเขาช่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน
ตอนแรกเธอก็ควรจะเป็นหนึ่งในนั้นเป็นพราะชนัยเธอถึง ไม่ต้องไปเบียดเสียด ในรถเมล์
“อีกพักหนึ่งฉันจะต้องไปประชุมที่โรงแรมก็เลยไปส่งเธอ ด้วยตัวเองไม่ได้”
ดราณีอ้าปากค้าง “อุ้ย…ไม่ต้องค่ะฉันไปเองได้”
เธอไม่ค่อยสนใจสักเท่าไรแต่ชนัยรู้สึกใจแป้วนิดหนึ่งพวก เขาเพิ่งจะคบกันเขาอยากอยู่ใกล้ๆเธอตลอดเวลาไม่อยากห่าง เธอแม้แต่วินาทีเดียว
“ฉันไม่หวังว่าเธอจะต้องเข้มแข็งขนาดนี้”ชนัยถอนหายใจ อย่างเงียบๆ ตอนแรกๆก็เพราะนิสัยเข้มแข็งของเธอดึงดูดให้ เขาเข้าใกล้เธอแต่พอคบกันเขากลับอยากให้ดราณีอ่อนแอ บ้างพึ่งพาเขาบ้าง
ดราณีกัดริมฝีปากไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร
ที่จริงเธอไม่ได้อยากเข้มแข็งขนาดนี้เธอแค่กลัวว่านิสัย ของเธอจะกลายเป็นความรำคาญให้กับเขา
แต่อย่างไรก็ดีคำอธิบายแบบนี้เธอพูดไม่ออกพูดไปก็ เหมือนเธอคุยโม้อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง
ชนัยรออยู่ครู่หนึ่งเธอก็ไม่ตอบกลับสักทีก็เลยพูดเอง ว่า “ตอนเย็นฉันจะรีบทำงานให้เสร็จแล้วไปรับเธอนะไปทาน ข้าวดูหนังเสร็จแล้วค่อยกลับไปส่งเธอ”
“ได้ค่ะ”ไม่รู้เพราะอะไรดราณีรู้สึกอับเฉาอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนว่าคำพูดของชมัยพูดแทงใจ เธอ
“ถ้าอย่างนั้นฉันวางสายนะ?”
“อย่าเพิ่งค่ะ……….
ชนัยไม่คิดว่าเธอจะห้ามเขานิ้วที่จะกดวางสายหยุดชะงัก หยิบโทรศัพท์มาแนบหูเหมือนเดิม”มีอะไรอีกหรือป่าวคะ?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ