ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน664คนที่อ่อนแอที่สุดคือเขา



ตอน664คนที่อ่อนแอที่สุดคือเขา

ตอนที่664คนที่อ่อนแอที่สุดคือเขา

นัชชารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เขานั้นผิดปกติมาก เหมือนกำลังเอาตัวเองนั้นยังอยู่บนโลกอีกใบหนึ่งความคิดและ ความรู้สึกของเขานั้นอยู่อีกโลกใบนั้นแล้วเขาไม่หยุดที่จะโทษ ตัวเองแถมยังเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำที่ผ่านมา

“ไม่ใช่แบบนี้เตชิตนายทำได้ดีที่สุดแล้วถ้าฉันเป็นนายฉัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเผชิญกับคนในครอบครัวยังไงทั้งชีวิตนี้ไม่มี ใครที่จะเดินไปตลอดได้ถึงแม้จะโหดเหี้ยมมากแต่เธอต้อง ยอมรับว่านี่คือความจริงเธอกอดเขาแน่นๆเหมือนอยากจะ กระชากตัวเขาออกมาจากขุมนรกนั่นการตายของคุณท่านไม่ เกี่ยวกับนายเขาแค่ป่วยสิ่งที่นายต้องทำคืออยู่เคียงข้างเขา เดินเส้นทางระยะสุดท้ายกับเขานายไม่ใช่ไม่ดีคุณท่านก็ภูมิใจ ที่นายเป็นแบบนี้และเข้าใจนายถ้านายไม่อยากให้ระยะสุดท้าย ของชีวิตเขานั้นมีอะไรค้างคาใจก็อย่าเป็นแบบนี้อีก!”

คำพูดของเธอทำให้ดวงตาของผู้ชายที่ดูว่างเปล่าเหมือน มีไฟอ่อนๆสว่างขึ้นมาเหมือนว่ากำลังถามเธออยู่แต่เขานั้น เหมือนกำลังถามตัวเองมากกว่า “ถ้าฉันเป็นแบบนี้เขาคงจะไป ไม่วางใจ…….

“ใช่ดังนั้นนายต้องเข้มแข็งกลับไปเป็นหลานที่เขารู้สึกภาคภูมิใจให้เขาสบายใจในตอนที่จากไปไม่ใช่จากไปด้วย ความไม่สบายใจ”

เตชิตมองไปทางไฟนอกหน้าต่างไฟแต่ละดวงที่สว่างนั้น ทำให้เขาเริ่มมองไม่ชัดเหมือนเห็นดอกไม้ที่มัวๆมีสีแดงสีเขียว สีเหลืองทำให้เขานั้นรู้สึกบาดตามากแต่ก็ไปส่องให้หัวใจที่ มืดมนของเขานั้นสว่างขึ้น

ใช่เดินมาถึงจุดนี้ของชีวิตแล้วเขาไม่สามารถที่จะเห็นแก่ ตัวได้อีกต่อไปควรจะให้คุณท่านจากไปอย่างสบายเรื่องแค่นี้ก็ ทำไม่ได้เขาไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ที่จะเสียใจ

คำๆนี้เหมือนกระชากเขาออกมาจากหลุมความมืดมน ทำให้สมองของเขานั้นโล่งไปไวมากถึงจะรับรู้ถึงลมที่ผ่านเข้า มาจากหน้าต่างนั้น

เมื่อกี้เขาไม่รับรู้ถึงสิ่งภายนอกทั้งใจของเขานั้นเต็มไป

ด้วยความรู้สึกผิด

เขายืนตัวตรงใหม่หันหลังมองไปทางผู้หญิงตัวน้อยๆ ที่อยู่ ด้านหลังตัวเองนี่ก็ใกล้จะดึกมากแล้วบนใบหน้าของเธอนั้นเต็ม ไปด้วยความเหนื่อยล้าช่วงเวลานี้ที่เขานั้นรู้สึกลำบากเธอนั้นก็ ลำบากตามระหว่างที่อยู่กับเขายังจะต้องดูแลธีมนต์ทำให้ตัว เธอนั้นผอมไปเยอะมากเลย

เตชิตรู้สึกเอ็นดูเธอก็เลยยกมือไปจับที่หน้าของเธอแล้ว พูดว่า “ขอโทษที่ทำให้เธอลำบากเหมือนฉัน

“พูดอะไรเนี่ยนายคือสามีของฉันถ้าฉันไม่สามารถที่จะอยู่เคียงข้างนายได้แล้วฉันจะมีประโยชน์อะไร? “เห็นเขานั้นฟังคำ พูดของคนอื่นเข้าหนัชชาเองก็โล่งอกยกมือไปควงแขนของ เขาไปเถอะพวกเรากลับบ้านกันพรุ่งนี้จะได้พาธีมนต์มาอยู่เป็น เพื่อนคุณท่าน”

เตชิตปล่อยให้เธอนั้นกระชากตัวเองในใจของเขานะรู้สึก อบอุ่นขึ้นมาหน่อย“OK”

ในช่วงเวลาที่ดีกอย่างน้อยข้างๆของเขาก็ยังมีเธอ

หลังจากครั้งนี้ที่พูดคุยกันเสร็จนัชชารับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าตอนที่เตชินเผชิญหน้ากับคุณท่านจะพูดคุยมากกว่าเดิม

ก่อนหน้านี้เขาไม่ใช่คนที่จะแสดงความรู้สึกตัวเองเก่งใน ช่วงเวลาปกตินั้นส่วนใหญ่เป็นเขานั่งฟังคนอื่นพูดน้อยครั้งที่

เขานั้นจะเป็นคนพูดเอง

แต่ว่าสองสามวันนี้เขาอยู่ข้างเตียงตลอดไม่ใช่เพียงแค่ เป็นห่วงเป็นใยแถมยังจะพาธีมนต์ทำเรื่องบางเรื่องที่คุณท่าน รู้สึกมีความสุข

แต่สิ่งที่เริ่มแย่ลงคือช่วงนี้สายตาของคุณท่านนั้นเริ่ม เบลอๆบางทีก็จะหลับนานมากตอนที่ลืมตานั้นก็ยังอึ้งอยู่ความ สว่างในดวงตาก็เริ่มหายไปทีละนิดทั้งตัวเขานั้นยิ่งอยู่ก็ยิ่ง เงียบ

ทุกคนรู้ว่าทั้งหมดนี้เกิดอะไรขึ้นแม้กระทั่งสุดท้ายจริยาไม่ยอมนอนโรงพยาบาลพร้อมเตชิตและธีมนต์เธอนั้นกลัวว่า ตัวเองจะควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้วร้องไห้

ในค่ำคืนหนึ่งเตชิตอยู่เป็นเพื่อนคุณท่านนัชชาเองก็อยาก จะอยู่ด้วยแต่เขานั้นไม่ยอมกลัวว่าร่างกายเธอนั้นจะรับไม่ไหวก็ เลยให้คนขับรถส่งสองแม่ลูกกลับ

แต่ไม่มีใครคาดคิด ในคืนที่เงียบสงบร่างกายของคุณ

ท่านนั้นก็มีปัญหาขึ้นมา

หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จตอนสามทุ่มคุณท่านให้เขาไป หาคนมาถอดหลอดอาหารที่เสียบไว้ออกสักแป๊บนึง

วินาทีที่หลอดนั้นออกจากปากสีหน้าของคุณท่านนั้น เปลี่ยนไปทันทีแต่สามารถที่จะอ้าปากปิดปากไม่มีการขัดขวาง ของหลอดนี้ก็ทำให้ปากรู้สึกสบายมากขึ้น

“ไม่สบาย ทรมานจริงๆ……..เสียงของคนแก่ทำให้เตชิต

นํ้าตาคลอเบ้า

“อดทนหน่อยนะครับเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว

คุณท่านฟังแล้วก็ส่ายหัว “ฉันรู้สุขภาพของตัวเองดีเตชิต นายไม่ต้องปิดฉันแล้วฉันอยู่ได้แค่ไม่กี่วันแล้วใช่ไหม?”

เตชิตไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงอีกอยากจะบอกคุณท่านว่า ไม่ใช่อย่างนั้นยังมีเวลาอีกมากมายที่จะเดินไปต่อแต่เขาพูดไม่ ออกมองไปทางหน้าใบนั้นที่มีการเติมน้ำยาแล้วทำให้เหลือง เขาก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว
“ผ่านมาหลายปีแล้วนายก็ไม่เปลี่ยนเลย” คุณท่าน พยายามนั่งขึ้นแล้วคุยกับเขาเบาๆเขากลัวว่าถ้าตอนนี้ไม่พูด ต่อไปจะไม่มีโอกาสพูดอีก”ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ไม่รู้คนในบ้าน ถามนายอะไรนายก็ทำหน้าบึ้งตลอดพอโตขึ้นหน่อยก็ปากแข็ง หลังจากที่ทํางานก็ไม่เคยบ่นกับคนในบ้านนายเป็นคนที่ใช้ ชีวิตได้ดีที่สุด….…………..

เตชิตนั่งฟังเงียบๆเขาไม่ได้พูดอะไรแต่หน้าตาที่เขาก้มหัว แล้วรับฟังนั้นดูเป็นคนเชื่อฟังมาก

นานมากแล้วที่คุณท่านไม่ได้เห็นสภาพที่เขานั่งฟังแบบนี้ก็ เลยอดจะพูดเยอะไม่ได้”อย่าคิดตลอดว่าตัวเองควรจะทำนี่ทำ นั่นคนเราจะมีภาระเยอะขนาดนั้นได้ไงไม่เจ็บไม่ป่วยก็ดีแค่ไหน แล้วฉันรู้ว่านายรู้สึกผิดต่อครอบครัวแต่เตชิตคนในครอบครัว ต่างหากที่ต้องรู้สึกผิดต่อเธอ………..

นึกถึงตอนนั้นที่จริยาทะเลาะกับพ่อของเตชิตเดี่ยวๆก็ ทะเลาะกันการกระทำทุกอย่างเด็กนั้นก็ได้ซึมซับเข้าไปเต็มๆ แม้ กระทั่งตบตีกันก็เป็นเรื่องธรรมดาการกระทำของทั้งสองนั้น คงจะเป็นแผลในใจของเด็กไปตลอดชีวิต

เตชิตก็เลยเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กไม่ใช่คนที่ร่าเริงมีช่วง เวลาหนึ่งที่คนในบ้านกลัวว่าเด็กนี้จะเป็นโรคซึมเศร้าหรือ เปลี่ยนนิสัยไป

เริ่มตั้งแต่ที่คิดที่จะทำงานทนายก็เกี่ยวกับการเจริญ เติบโตของเขาเหมือนกันตั้งแต่ที่เขาทำงานสำเร็จเรื่องแรกที่ประกาศก็คือไม่รับคดีหย่าร้างกัน

ของพวกนั้นสำหรับเขาแล้วยังไงก็หนักในใจอยู่ดี

หลังจากนั้นมาจริยาเดินออกจากความเศร้าแต่งงานใหม่ และมีเวธนี้ทั้งหมดนั้นก็กำลังเข้าสู่ทางเดินที่ดีแต่กลับมองข้าม ความรู้สึกของเขาทำให้เขายิ่งอยู่ยิ่งห่างเหินกับคนในบ้านทุก ครั้งที่มีเวลาเขาก็จะเป็นคนแรกที่มา

ทั้งหมดนี้คุณท่านรู้หมดคนยิ่งแก่ตาก็ยิ่งดีทั้งหมดที่เขาทำ นั้นเก็บไว้ในใจเสมอ

เตชิตลังเลสักแป๊บแต่ก็ยื่นมือไปจับมือของคุณท่าน ท่าน อย่าพูดแบบนี้สิครับตอนนี้ผมก็สบายดีอยู่ไม่ใช่หรอครับ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ