ตอน609ไม่สามารถแทนที่เธอได้
ตอนที่ 609 ไม่สามารถแทนที่เธอได้
ในอีกด้านหนึ่ง ชนุดมไม่เหมือนเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ที่เขา มาเฝ้าไข้ทุกวัน สัปดาห์หนึ่งจะมาสักสองสามวัน และมาตอน กลางคืน ไม่มาบ่อยเหมือนแต่ก่อน
ทั้งดุลยาและไวทย์ก็เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง ตอนแรกแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้ไม่รู้สึกอะไร ไหนๆเรื่องก็กลายเป็น แบบนี้แล้ว คนที่ยังสบายดีอยู่ก็ต้องพยายามมีชีวิตต่อไป แต่ พอเวลาเริ่มผ่านไปนาน ก็เริ่มไม่แน่ใจ
คิดไปคิดมาก็เริ่มคิดไปในแง่ลบ
หรือเห็นว่าชีวภาไม่ฟื้นขึ้นมาสักที ก็เลยไม่อยากแยแส แล้ว หรือว่าเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว?
แต่ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเขาจ่ายมาโดยตลอดไม่เคย ขาด เงินโอนมาต่อเนื่องไม่ขาดสายโรงพยาบาลไม่เคยต้อง มาทวงค่ารักษากับญาติคนไข้ ส่วนผู้อำนวยการปรัณ พยายามเต็มที่ เขาเลือกห้องที่พักที่ดีที่สุดให้กับพวกเขาเสมอ
เรื่องทั้งหมดนี้ดุลยาสำนึกในบุญคุณอย่างล้นเหลือ ถึงแม้ ว่าชนุดมจะไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอก็ไม่มีข้อกังขาใด ๆ
ไวศทย์จิตใจไม่สงบเหมือนคนที่ผ่านโลกมานานเหมือนผู้เป็นแม่ พอเห็นท่าทางของชนุดมเปลี่ยนไป ก็เริ่มไม่ค่อยพอใจ ตามจริงที่พี่สาวของเขาอยู่ในสภาพนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะชน ดมถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะรับผิดชอบอย่างดีที่สุด แต่เขาก็ยัง รู้สึกไม่คุ้มค่าที่ชีวภาต้องตกอยู่ในสภาพนี้
กลัวว่าผู้ชายคนนี้จะลืมพี่สาวของเขา และไม่เห็นคุณค่า ของเธอ
ดังนั้น ในเวลากลางดึกเกือบเที่ยงคืน ไวทย์ตั้งใจไปดัก รอชายหนุ่มที่ลานจอดรถใต้ดินของโรงพยาบาล เขาจำรถของ ชนุดมได้ จึงไปยืนรออยู่ข้างๆรถ
ไม่รู้ว่ารอนานแค่ไหน เขายืนตัวตรงรออยู่ท่าเดียวจนเมื่อย ขา ในที่สุดก็เห็นเงาที่คุ้นเคยเดินออกมาจากประตูลิฟต์
ชนุดมเดินมาคนเดียว ข้างๆไม่มีผู้ช่วยหรือบอดี้การ์ด เงา
นั้นเหมือนเต็มไปด้วยความหงอยเหงาและหว้าเหว่
เมื่อเห็นเขาอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มไม่แปลกใจสักนิด ไม่รอให้ เขาปริปากถาม ก็ถามเขาก่อน “ไปดื่มอะไรด้วยกันหน่อย ไหม?”
คำพูดที่ไวทย์คิดมาตั้งนานว่าจะเปิดฉากยังไงก็กลาย เป็นสูญเปล่าเพราะ ‘คำเชิญ ของชายหนุ่ม เขาไม่ลังเลเลยที่จะ ตอบ ในทันที “ครับ”
หลังจากขึ้นรถ ชนุดมขับรถพาเขาออกจากโรงพยาบาล ระหว่างรอสัญญาณไฟจราจร เสียงทุ้ม ของชายหนุ่มก็ดังมา จากด้านข้าง “ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่กลับโรงเรียนอีกละ 2”
ไวทย์เงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูดตรงไปตรงมาว่า “ผมตั้งใจ
มาหาคุณ” ชนุดมหัวเราะออกมานิดหนึ่ง แล้วค่อยๆพยักหน้า ไม่พูด
อะไรต่อ
หลังจากบทสนทนาสั้นๆ จบไป ทั้งคู่ก็เงียบไปเป็นเวลา นาน นักธุรกิจใหญ่กับนักเรียนที่ไร้เดียงสา เพราะเรื่องของชีว ภาทำให้ทั้งคู่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน เดิมทีก็ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร แต่ที่น่าแปลกคือ ความเงียบดังกล่าวไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดใจ แต่กลับรู้สึกสบายอย่างหาสาเหตุไม่เจอ
พวกเขาชอบความเงียบที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา มากกว่าพยายามหาเรื่องที่จะคุยกัน
ตอนแรกไวทย์คิดว่าชนุดมจะพาเขาไปที่คลับเฮ้าส์ระดับ ไฮเอนด์ แต่ไม่คิดว่าเขาผ่านร้านสะดวกซื้อและซื้อเบียร์นำเข้า มาสองกระป๋อง และในที่สุดก็จอดรถที่ริมแม่น้ำ
หลังคารถสามารถเปิดได้ เมื่อไม่มีอะไรมาบัง ดวงดาวใน ยามค่ำคืนส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางเวหา แม้ว่าภาพดัง กล่าวไม่ได้สวยงามอย่างที่สุด แต่ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วย ความวุ่นวายนี้ก็ถือว่าเป็นภาพที่ไม่ได้มีให้เห็นง่ายๆ
ชนุดมขยับเอนที่นั่งนิดหน่อย ชี้ไปที่ด้านข้างของไวทย์ “ตรงนั้นมีปุ่มอยู่”
ไวทย์ถึงสังเกตเห็น ทำตามที่เขาบอก ท่าทางเกๆกังๆ ค่อยๆปรับที่นั่งเอนลงไปด้านหลัง
ชนุดมหยิบเบียร์มาสองกระป๋อง ใช้นิ้วสอดไปที่แหวน เปิดฝากระป๋อง ป๊อก” เสียงนั้นดังกังวานในยามราตรีที่เงียบ สงบ
เขายื่นให้ไวทย์ๆรับมา มองดูกระป๋องเบียร์ในมือ ทันใด นั้นรู้สึกหวั่นไหวนิดๆ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาดื่มเบียร์ไปอีก ใหญ่
ชนุดมเห็นท่าทางของเขา ก็ไม่ได้หยุดเขา เปิดกระป๋อง เบียร์ที่อยู่ในมือเขา แล้วค่อยๆดื่มอย่างช้าๆ เป็นเบียร์ชัดๆแต่ ท่าทางของเข้าเหมือนกำลังดื่มไวน์ชั้นเยี่ยม
ทั้งสองคนดื่มเบียร์ของตัวเอง โดยไม่พูดอะไรสักคำ ชนุดม ดื่มอีกหนึ่ง ไวทย์ดื่มอีกหนึ่ง แม้แต่ชนแก้วกันก็ไม่มี ไม่มี กับแกล้มก็ดื่มให้กับเรื่องที่ไม่สบายใจ ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไร มาก คิดแค่อยากให้แอลกอฮอล์อาบใจเท่านั้น ชำระความไม่ สบายใจทั้งหมดให้ออกไป
แน่นอนว่าไวทย์คอแข็งไม่เท่าชนุดม เขาดื่มอย่างเร่งรีบ แล้วก็กระชั้นเกินไป แปบเดียวก็เริ่มเมา ใบหน้าหล่อเหลา สะอาดสะอ้านของเขาเริ่มแดง ยังมีสติอยู่นิดหน่อย ส่วนความ กล้าก็มากขึ้นเพราะดื่มเบียร์ ถามคำถามที่ตอนนี้คาใจเขามา นาน “คุณชนุดม ช่วงนี้งานคุณยุ่งมากใช่ไหม?”
ชนุดมเอนหลังไปที่พนักพิง สีหน้าหม่นๆ ทันใดนั้นเขาก็ตอบกลับ “เธอต้องการถามฉันว่าทำไมไม่มาหาพี่สาวของเธอ บ่อยๆ ใช่ไหม?”
ไวทย์ก๋ากระป๋องในมือแน่นขึ้น เขารู้สึกว่าความคิดที่เขา อุตสาห์พยายามปิดบังไว้ ฝ่ายตรงข้ามมองออกทั้งหมด เขา รู้สึกตกใจ และละอายใจนิดหน่อย “คุณรู้ความคิดของผมได้ยัง ไง?”
ชนุดมอายุขนาดนี้แล้ว จะมองความความคิดในใจของ เด็กไม่ออกได้อย่างไร แต่เขาก็ยังไว้หน้าไวทย์อยู่ “เธอคิด อะไรอยู่ ลองพูดให้ฉันฟังหน่อยสิ”
ไวทย์นึกถึงความเป็นไปได้ที่วนอยู่ในหัวทุกวัน เขาค่อน ข้างละอายใจที่ต้องพูดออกมา แต่พอนึกถึงพี่สาวที่นอนอยู่บน เตียงคนไข้ เขาจึงดึงดันพูดออกมา
บางทีเขาคงเก็บอะไรมากมายไว้ในใจ ทำให้คนที่พูดน้อย อย่างไวทย์ ในตอนนี้กลับพูดน้ำไหลไฟดับ ชนุดมไม่ ขัดจังหวะให้เขาระบายความในใจออกมา เขาฟังอย่างเงียบๆ จนจบ เมื่อถึงตอนสุดท้ายถึงเปิดปากถามเขา “เธอคิดว่าฉันจะ ยอมแพ้ แล้วทิ้งพี่สาวของเธอ ในที่สุดใช่ไหม? ”
ไวทย์ไม่ตอบ แต่หันหน้าไปจ้องเขาอย่างนิ่งๆ
หนุ่มน้อยอายุเพียงสิบแปดสิบเก้าเท่านั้นเองอาจจะยังไม่ โตพอ แต่ดวงตาเขาที่จ้องมองมาช่างมั่นคงและชัดเจน
ชนุดมมองตาเขากลับ น้ำเสียงจริงจังขึ้น “ถ้าฉันคิดจะทิ้ง พี่สาวของเธอ เธอคิดว่าเธอสามารถห้ามฉันได้หรือ? ”
ไวทย์โดนประโยคคำถามของเขาเขาไปก็ชะงัก เงียบไป เป็นนานไม่รู้จะเถียงเขาอย่างไร เพราะชายคนนี้พูดถูก ถ้าเขา ต้องการทิ้งพี่สาวของเขา ไม่มีใครสามารถห้ามเขาได้
“ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่สาวของเธอ เธอคงยังไม่รู้ ไม่ รอให้หนุ่มน้อยตอบกลับ ชายหนุ่มก็พูดต่ออย่างช้าๆ “พวกเรา ไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากมาย การที่ฉันได้รู้จักกับเธอก็เป็น ความบังเอิญก่อนที่เธอจะตกอยู่ในอาการสลบไม่ได้สติ พวก เรายังไม่มีเวลาได้รู้ใจของกันและกันด้วยซ้ำ”
พอคำพูดหลุดออกจากปาก ไวทย์ตกตะลึงไม่รู้จะพูด เสริมอะไรต่อ เพราะคำพูดเหล่านี้แตกต่างจากที่แม่บอกกับเขา อย่างสิ้นเชิง
“สิ่งที่ฉันบอกกับแม่ของเธอไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เมื่อ เห็นความสงสัยในแววตาของเขา ชนุดมก็พูดอย่างตรงไปตรง มาว่า “ถึงฉันพูดความจริงทั้งหมด แม่ของเธออาจจะยอมรับไม่ ได้”
ไวทย์ยังคงติดอยู่ในอาการตกตะลึงยังดึงสติกลับมาไม่ ได้ “สรุปแล้วคุณกับพี่สาวของผมเป็นอะไรกัน?”
เป็นอะไรกัน?
สี่คำนี้ทำให้ชนุดมเงียบไปครู่หนึ่ง นึกถึงสาวน้อยอายุ ยี่สิบสองปีคนนั้น นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือน ว่ายากนักที่จะอธิบายได้ในประโยคเดียว
พวกเขาไม่ใช่คนที่กำลังดูใจกัน หรือคนรักกัน แม้กระทั่งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นอะไรกัน แต่สาวน้อยที่อ่อนแอคนนั้นเมื่อ เขาหันหลังกลับไป เธอต้องอยู่ในสภาพนี้เพราะเขา
ชนุดมจ้องไปที่ที่ใดที่หนึ่งเงียบอยู่นาน เขาถึงพยายามพูด ต่อ “สำหรับฉันพี่สาวของเธอ คือสิ่งที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ ได้
เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แต่กลับต้องกลายเป็นแบบนี้ ชนุดมไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อชดใช้ มุ่งมั่นเหมือน คนบ้าที่อยากให้เธอฟื้นขึ้นมา มีคำพูดหลายอย่าง มีการตัดสิน ใจเยอะแยะอยากให้เธอรับรู้ ผ่านไปทุกวันความคิดนั้นก็ยิ่ง แน่วแน่มากขึ้น เพียงแต่ในตอนนี้เขาไม่กล้าคิดลึกเกินไป เพราะกลัวว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะอยู่ในโรงพยาบาลตลอด เขาต้อง ทำงานเพื่อเติมเต็มช่องว่างในชีวิตของเขา เขาต้องเรียนรู้ที่จะมี ชีวิตต่อไป ไม่เช่นนั้นจะเป็นหายนะสำหรับคนอื่น
ไวทย์จ้องมองไปที่ชายที่นั่งเงียบอยู่นาน ความจริงที่ว่า เขายังไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกที่หนักหน่วงของผู้ชายคนนี้ที่ ต้องแบกรับไว้ แต่ประโยคที่บอกว่าพี่สาวของเขาเป็นสิ่งที่ไม่ อาจมีอะไรมาแทนได้ เขาก็พอจะเข้าใจว่าทำไมพี่สาวของเขา ถึงตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ได้
“คุณชนุดม ผมไม่มีมารยาทเอง ผมแค่กลัวว่าความทุ่มเท ของพี่สาวของผมมันจะกลายเป็นความสูญเปล่า ผมไม่อยาก ให้วันไหนที่พี่สาวของผมตื่นขึ้นมา แล้วพบกับฉากที่โหดร้าย …
ชนุดมกระดกเบียร์ในมือ ดื่มจนหยดสุดท้าย “มันจะไม่มี วันนั้นเป็นอันขาด”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ