ตอน607เป่าลมที่หน้าของเธอ
ตอนที่ 607 เป่าลมที่หน้าของเธอ
แต่ดูเหมือนว่าอายุน้อยเกินไป น่าจะไม่เกินสิบแปด ไม่มีใครในมูตี้คลับเฮาส์ กล้าขัดจังหวะเขาตอนสั่งอาหาร ก็ได้ เห็นแกหน้าตาน่ารักๆของเธอ ไม่สั่งต่อก็ได้
ชนัยคืนเครื่องกดเมนูอาหารคืนให้เธอ เห็นหญิงสาวเอื้อม มือจะมาหยิบ ปลายนิ้วสัมผัสกับหลังมือของเธอดูเหมือนไม่ ตั้งใจ ที่รู้สึกแปลกคือมือของเธอเย็นเชียบ
ชายหนุ่มหรี่ตามองเธออย่างเจ้าชู้ รอจนเธอเดินลับตาเขา ก็หัวเราะขึ้นนิดๆ ดูซิ ทำให้หญิงสาวคนนั้นหวาดกลัวเสียแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน รายการอาหารทุกอย่างก็ถูกจัดวางไว้ บนโต๊ะ ประตูห้องปิดลง ชนัยคืบเนื้อปลาทูน่าน้ำเงินชั้นยอด วางให้ในจานของเตชิต “ลองชิมดู ร้านนี้ปลาดิบเขาอร่อย มาก”
เตชิตเลยคีบเนื้อปลาใส่ปาก เนื้อทั้งสดทั้งนุ่ม อีกอย่างคือ ความหนาของการแต่กำลังดี เยี่ยมยอดจริงๆ
“ไปหาร้านนี้มาจากไหน?” จากที่เขารู้นิสัยของชนัย ถ้า
ไม่มีอะไรมาดึงดูดเขาไม่เข้าร้านเล็กๆทานข้าวแน่ๆ
เขากลืนปลาแซลมอนในปากลงคอ “ผู้จัดการของผมพามาที่ร้านนี้ครั้งหนึ่ง อยู่ใกล้ตีก็เลยกินแก้ขัด”
“จริงสิ แล้วพี่สะใภ้เป็นยังไงบ้าง? ”
ในกลุ่มคนที่รู้จักก็มีแต่ชนัยที่เรียกนัชชาว่าพี่สะใภ้อยู่ เนืองๆ ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงเดี๋ยวนี้เรียกซะเต็มปากเต็มคำ แม้แต่เตชิตก็ไม่รู้สึกอะไร
ถ้าไม่พูดถึงนัชชา เกือบลืมไปเรื่องหนึ่ง “เธอฟื้นความทรง
จําแล้ว”
ชนัยกำลังคืบกุ้งหวานอาร์กติกเข้าปาก พอได้ยินประโยค นี้ กุ้งที่คบอยู่ก็หลุดออกจากตะเกียบ “อะไรนะ? ?”
“อุบัติเหตุรถชนทำให้สมองของเธอกระทบกระเทือน ก็ เลยฟื้นความทรงจำทั้งหมด ฉันรีบไปหน่อยเลยยังไม่ได้บอก ปเลย…….” ในเวลานั้นเขาคิดแค่ว่าจะรีบมาหาชายหญิงคู่นี้
ชนัยวางตะเกียบลง ตบฝ่ามือดังฉาด “ทุกขลาภน่า ดีแต่ ว่าไม่ได้เจ็บตัวฟรี … ว่าแต่ผมรู้ก่อนพี่ปรัณอีกเหรอ?”
“อืม”
ชนัยรีบหยิบมือถือออกมา ส่งข้อความไปให้ปรัณ สีหน้า ภาคภูมิใจอย่างออกนอกหน้า “เขาชอบทำให้ผมช็อกอยู่บ่อยๆ คราวนี้เปลี่ยนเป็นผมทำให้เขาช็อกบ้าง”
ในบรรดาเพื่อนฝูงมีแต่คนชอบแกล้งเขาตลอด?
หลังจากที่ชนียส่งข้อความเสร็จ วางโทรศัพท์มือถือลง ก็ เห็นว่าชายหนุ่มนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด เลยยกมือขึ้นตบไหล่เตชิต “พี่เตชิตอย่าถือสาผมเลย ในกลุ่มพวกเราก็มีแต่พี่ที่แต่งงาน แล้ว”
H H
เตชิตเลยไม่อยากถือสาอะไรชายอายุ สามสิบห้าปีคนนี้ ทานอาหารไปได้ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นโรงพยาบาลก็โทร มาบอกว่านัชชาฟื้นแล้ว เตชิตรีบวางตะเกียบในมือ แล้วรีบจาก ไปทันที
ชนัยมองอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะ ไม่มีอารมณ์กินต่อ จึง เรียกพนักงานมาเก็บเงิน แต่พนักงานแจ้งว่าเตชิตจ่ายเงิน เรียบร้อยแล้ว
ยังไงพวกเขาก็เงินไม่ขาดมือ ใครจ่ายก็เหมือนกัน ชนัย
พับกระเป๋าเงินเก็บเข้าเสื้อสูทกำลังจะออกจากร้าน
เห็นพนักงานสาวยืนอยู่ที่ประตู ฝีเท้าหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อกี้ยังไม่รู้สึกอะไร พอลองยืนเทียบดูฝ่ายตรงข้ามเตี้ยกว่า เขาเยอะอยู่เหมือนกัน
ความสูงน่าจะประมาณร้อยหกสิบห้า สูงสุดคงเท่านี้ ไม่น่า จะสูงได้มากกว่านี้แล้ว
พนักงานสาวรู้สึกถึงสายตาของเขามองมาที่ตัวเอง จึง ถามอย่างไม่รู้เหตุผล “คุณลูกค้า ต้องการห่ออาหารกลับไหมคะ?”
ฟังจบชนัยหัวเราะ ห่ออาหารกลับ? เธอกำลังดูถูกเขาอยู่ หรือเปล่า? สายตาของเขาดูเหมือนคนอยากห่ออาหารกลับ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพนักงานสาวคนนี้หน้าตาน่ารักใช้ได้ ถ้า เปลี่ยนเป็นพนักงานชาย คงโดนจับโยนออกไปนอกร้านพร้อม กับอาหารที่เหลือแล้ว
แต่—
เขาหัวเราะเพราะหน้างงๆของเธอ ร่างสูงโปร่งค่อยๆ เอนตัวลงนิดหนึ่ง เป่าผมหน้าม้าบางๆ ของเธอที่หนึ่ง
พนักงานสาวตกใจรีบหลับตา คิ้วขมวดเข้าหากัน สีหน้า เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “คุณ คุณ?!”
“อยู่นี่ จะเรียกทำไม?” ชนัยแค่อยากหยอกเธอเล่น แต่ ใบหน้านั้นช่างบริสุทธิ์และไร้เดียงสาความรู้สึกผิดในใจของ เขาก็เริ่มเกิด คิ้วหนาๆของเขายกขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ทำอะไรที่ เกินเลยมากไปแล้วเดินออกไปนอกร้าน
มองร่างสูงโปร่งของของหนุ่มเดินลับตาไป พนักงานหญิง ถึงโล่งอกขึ้น มือเล็กๆของเธอทาบไว้ที่อก นึกถึงตอนที่สบตาที่ ระยิบระยับคู่นั้น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เขาตั้งใจที่จะล้อเล่นกับเธอใช่ไหม?
เธอย่นจมูกโด่งๆของเธอ นิสัยคนๆนี้แย่เสียจริงๆ
เมื่อเตชิตไปถึงโรงพยาบาลนัชชาฟื้นอยู่ ผลักประตูห้อง ป่วยเข้าไป เธอกำลังพูดคุยกับพยาบาลอยู่ เกี่ยวกับอาการของ เธอ เมื่อเห็นเขาเข้ามา พวกเธอก็หยุดคุย มองมาที่เขา
เตชิตเดินไปข้างเตียง ฝ่ามือกุมใบหน้าของเธออย่าง ทะนุถนอมสายตาสีหน้าอ่อนโยน “ฟื้นแล้วเหรอ? รู้สึกไม่สบาย ตรงไหนบ้าง?”
นัชชาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ในเวลานั้น เธอยังรู้สึกตระหนกอยู่เล็กน้อย เงียบไปเป็นครู เสียงแหบพร้า ของเธอตอบกลับ “ไม่เป็นไรคะ…..…..”
ประโยคที่ได้ยินแหบพร้าเหมือนเสียงโม่หิน
เตชิตกำลังคิดจะหยิบน้ำอุ่นจากหัวเตียงมาให้เธอดื่ม พยาบาลรู้ความคิดของเขาเลยรีบห้ามไว้ “คุณเตชิต คนไข้เพิ่ง ฟื้นยังดื่มน้ำไม่ได้ แต่เอาแตะที่ริบฝีปากได้คะ”
เตชิตขมวดคิ้ว มองพยาบาลคนนั้นด้วยสายตาที่ดุดัน บางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกต
นัชชารีบหันหน้าไปพูดกับพยาบาลอย่างอ่อนโยน “คุณ ออกไปก่อน ถ้ามีอะไรเดี๋ยวจะเรียกคะ”
เมื่อพยาบาลได้ยิน ก็รีบเดินออกไปนอกห้อง
งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ ข้างเตียงด้วยความช่วยไม่ได้ “อย่าเป็นอย่างนี้สิ ฉันไม่เป็นไร อย่าเอาความโกรธไปลงกับคนอื่น”
นัชชามองเงาที่รีบออกไปนอกห้อง มองชา
“ไม่ได้โกรธหนิ” เขาแค่อ่อนไหวเป็นพิเศษ อะไรนิดๆ หน่อยๆก็รู้สึกระแวงไปหมด
นัชชารู้ความคิดของเขา เธอฝันยกแขนขึ้นเขย่าฝ่ามือของ ผู้หนุ่ม “เมื่อคุณออกไปไหนมา? นึกถึงเมื่อครู่ แววตาของชายหนุ่มก็หม่นหมอง “ไปกินข้าว
กับชนัยมา”
ชนัย ?
นัชชานึกถึงชนัยก็นึกถึงคลับเฮาส์ พอนึกถึงคลับ เฮาส์ก็นึกถึงสถานที่ที่อันตรายเต็มไปด้วยมาเฟีย บางทีอาจ เป็นเพราะคลุกคลีกับพวกเขาบ่อยๆ เลยรู้จักกับพวกเขาดี จิตใต้สำนึกรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“คุณตามเจอสองคนนั้นที่ขับรถชนฉันแล้วใช่ไหม?”
เตชิต โดนคำถามของเธอเข้าไปใจสะดุ้งขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่สีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมามากนัก
เห็นเขานิ่งเงียบไม่พูด นัชชาก็รู้ว่าเธอเดาถูกแล้ว ในใจก็ อดกังวลไม่ได้ “คุณไม่ได้ทำอะไรพวกเขาใช่ไหม?”
เธอรู้จักนิสัยของเตชิตดี ถ้าสองคนนั้นอยู่ในกำมือของเขา จะต้องไม่มีจุดจบที่ดีแน่ๆ แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้ชาย ที่รักของตนทําเรื่องแบบนั้น
เตชิตรู้ถึงความกังวลของเธอ แน่นอนว่าเขาไม่ได้เล่าราย ละเอียดทั้งหมดให้เธอฟัง แต่ก็รู้ว่าคงปิดบังเธอไม่ได้ จึงเล่าให้เธอฟังเฉพาะตอนสำคัญเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่สั่งสอน นิดหน่อยแล้วก็เอาตัวไปส่งตำรวจ ”
“จริงเหรอ? ” นัชชาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ในใจก็กังวล ใช้ แรงดึงนิ้วมือของเขา “คุณน่าจะรู้ว่าฉันไม่อยากให้คุณทำอะไร มากที่สุด”
ตอนนี้ร่างกายของเธอยังป่วยอยู่ เตชิตไม่อยากให้เธอ
กังวลใจ เอนตัวจูบปากที่กำลังพูดไม่หยุดของเธอ “ฉันรู้”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ