ตอน603ฟื้นฟูความทรงจำ
ตอนที่ 603 ฟื้นฟูความทรงจำ
เตชิตได้ฟังความเคลื่อนไหวของทางนี้แล้ว แววตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจแสดงท่าทีเหี้ยมโหดอะไร แต่ทำให้คนที่เห็นรู้สึก ตกใจกลัวได้
อีกฝั่งหมอและพยายามแทบอยากจะมุดดินหนีไป เพราะรัศมีความน่ากลัวของเขาแผ่กระจายออกมาจนพวกเขา ไม่กล้าแม้จะหายใจ
สักพักใหญ่เขาถึงปริปากพูดออกมา แต่ละค่าเหมือนเบ ลดสเก็ตที่พุ่งออกมา ทิ่มแทงใจคน “คุมตัวไว้ก่อน ฉันเสร็จธุระ ที่โรงพยาบาลเมื่อไหร่ ฉันจะไปจัดการด้วยตัวเอง” ชนัยพยัก หน้า”ได้ ผมจะรอ”
หลังจากวางสายแล้ว ชนัยลักขึ้นยืนแล้วเดินมาหยุดตรง หน้าคนทั้งสอง ชายหนุ่มเงยหน้ามองเขาด้วยความหวาดกลัว “พวกคุณเป็นใครกันแน่ พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย..”
“ไม่ได้ทำอะไรเหรอ”ชนัยหัวเราะออกมาด้วยความ รังเกียจ ยอมลดศักดิ์ศรีทรุดตัวลงมา “แก๊ก” เขาเปิดไฟเช็คใน มือ เสียงนั้น ในเวลานี้ฟังดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ประโยคนี้ ไม่ต้องพูดกับฉัน เก็บเอาไว้อธิบายกับครอบครัวเขาเถอะ แต่ฉันว่าพวกแกสองคน..”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็แกล้งเงียบไปพักหนึ่งแล้วจึงพูดต่อว่า “วันนี้พวกแกคงไม่มีหวังที่จะได้ออกไป
รถที่ปรัณส่งมาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล หมอและ พยาบาลค่อยๆเคลื่อนย้ายเตียงคนไข้มาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน อย่างระมัดระวัง ระหว่างขนย้ายทุกคนต่างกังวล กลัวว่าจะเกิด เหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
เป็นเพราะออร่ารุนแรงของผู้ชายข้างๆที่ทำให้ทุกคนสูญ เสียความเป็นตัวของตัวเองกลายเป็นยอมเชื่อฟังเขาไปเสีย หมด
หลังจากนำคนเจ็บขึ้นรถพยาบาลอย่างราบรื่นปลอดภัย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงโล่งใจเหมือนยก ภูเขาออกจากอก
เตชิตหลังจากพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลสอง สามประโยค จึงเดินทางไปโรงพยาบาลประจำตระกูลของหมอ ปรัณพร้อมกับรถพยาบาล
ระหว่างทางสายตาเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเล็กๆของนัช ชาตลอดเวลาประหนึ่งว่าหากเขาละสายตาไปที่อื่นแม้เสี้ยว วินาทีหล่อนอาจจะหายลับไป
บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความอึดอัด ถึงแม้จะรู้ ว่าหล่อนไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็อดคิดถึงความเจ็บปวดที่ หล่อนต้องเจอมาไม่ได้
ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านออกมาจากกระดูกจะปิดกั้น อย่างไรก็ปิดไม่มิด
การเดินทางเป็นไปด้วยความราบรื่น จนเมื่อมาถึงประตู ทางเข้าโรงพยาบาล จะเป็นเนินขึ้นเล็กน้อย รถสั่นเบา เบามาก จนแทบไม่รู้สึก แต่ก็ด้วยสิ่งนี้เองที่ปลุกนัชชาขึ้นจากการหลับ ไหล
ขนตาของหล่อนขยับขึ้น เตชิตรีบมาอยู่ข้างกาย กุมมือ เล็กที่เย็นเยียบไว้ “นัชชา”
ตลอดทางนัชชาชาอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น อยากจะตื่น ขึ้นมาแต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมากดทับร่างเอาไว้ มาตอนนี้ ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหู สุดท้ายหล่อนก็พยายาม ฝันลืมตาตื่นขึ้นมาจนได้
สิ่งที่หล่อนเห็นในตอนนี้คือใบหน้าที่คุ้นเคยมากที่สุด กำลังแสดงอาการกระวนกระวาย
นัชชายังไม่ได้สติเต็มที่ หล่อนมองไปรอบๆ เห็นพยาบาล ที่นั่งอยู่ข้างๆ รวมถึงหน้าต่างรถที่อยู่เหนือศีรษะของหล่อน นัช ชาตื่นตระหนกเล็กน้อยไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน
“คุณ…” พออ้าปากจะพูดก็รู้สึกเจ็บคอมาก หล่อนขมวดคิ้ว ก่อนจะกระแอมออกมา แค่ออกแรงเบาๆที่ช่องท้องก็รู้สึกได้ถึง ความเจ็บปวดภายในร่างกาย
เตชิตเห็นท่าทางที่เจ็บปวดของหล่อน จึงยกมือไปจับที่ ใบหน้าของหล่อน ห้ามไม่ให้หล่อนขยับไปมา “อย่าเพิ่งขยับคุณบาดเจ็บอยู่นะ”
บาดเจ็บเหรอ
ถึงแม้ว่านัชชาจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่มีสติสัมปชัญญะ เต็มที่นัก หล่อนยังคงเลื่อนลอย จนกระทั่งภาพของเมนต์แบ ขึ้นในสมองทำให้หล่อนได้สติกลับมา พร้อมกับความตกใจ หล่อนจับแขนของชายหนุ่ม “ธีมนต์ล่ะ ธีมนต์อยู่ที่ไหน”
เตชิตมองดูหล่อนตื่นตระหนกจนแทบจะลุกขึ้นมา ขยับ แรงจนอาจจะกระทบกระเทือนบาดแผล คงจะไม่ดีแน่ๆ เขา ขมวดคิ้ว ยึดหัวไหล่ของหล่อนเอาไว้แต่ไม่กล้ายึดแรงมาก แค่ พอควบคุมร่างหล่อนเอาไว้เท่านั้น “ธีมนต์ปลอดภัยดี ตอนนี้อยู่ กับพ่อกับแม่คุณ ไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้คุณอย่าขยับตัวเยอะ คุณยังไม่ได้ตรวจอีกหลายจุด นอนดีๆก่อน
แต่เวลานี้นัชชาไม่ยอมนอนอยู่นิ่งๆแน่ แม้ว่าหล่อนจะรู้สึก วิงเวียนศีรษะอยากจะอาเจียน ไม่สบายตัวแต่หล่อนก็พยายาม ฝืนตัวเอง “ขอโทรศัพท์มือถือให้ฉันหน่อย ฉันจะโทรหามนต์”
เตชิตเริ่มโกรธที่นัชชาทำอะไรโดยไม่เคยห่วงตัวเอง สีหน้านิ่งน้ำเสียงจริงจัง” นัชชา ผมจะพูดอีกครั้ง คุณอย่าเพิ่ง ขยับตัว”
“ฉันไม่เป็นอะไร”
“ศีรษะคุณบาดเจ็บแบบนี้ หน้าตาเขียวแบบนี้คุณยังจะ บอกว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอ” ความรู้สึกไม่พอใจและเป็นกังวล ค่อยๆเริ่มสะสมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากจุดนี้ เพราะความที่หล่อนไม่เคยใส่ใจว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร เขาหายใจติดขัด ถึงแม้ว่า
จําตำหนิหล่อนแต่อีกใจก็รู้สึกสงสารหล่อนจับใจ “คุณคิดว่าคุณ
เป็นแมวเก้าชีวิต คิดว่าจะรอดพ้นอันตรายไปทุกครั้งที่ยังไงถึง
ได้ทำแบบนี้ คุณรู้มั้ยว่าตอนที่ผมได้ยินว่าคุณประสบอุบัติเหตุ
ผมตกใจและเป็นห่วงคุณแค่ไหน เคยคิดมั้ยว่าผมเห็นคุณนอน
ที่เตียงคนไข้ในสภาพอ่อนแอแบบนั้นผมรู้สึกปวดร้าวแค่ไหน
อยากโทรศัพท์ใช่มั้ย ได้ไปหยิบมาโทรเองเลย”
เขาพูดพลางโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง สายตาบ่ง บอกว่าอยากจะทำอะไรก็ทำ
นัชชาไม่คิดว่าเขาจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ ได้แต่ มองด้านข้างของใบหน้าเย็นชานั้นตาปริบๆ สายตามองไปยัง โทรศัพท์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เพียงแค่หล่อนยื่นมือออกไปสา มากรหยิบมันขึ้นมาได้แล้ว
ปลายนิ้วเล็กขาวซีดนั้นขยับไปมา สุดท้ายก็ไม่ได้หยิบ
นัชชาพูดด้วนเสียงเบาๆว่า “ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่นา ฉันก็แค่เป็นห่วงลูกแค่นั้นเอง”
“จะเป็นห่วงอะไร มีผมอยู่ทั้งคน คุณแค่เป็นห่วงตัวคุณเอง ก็พอ” เตชิตโกรธหล่อนไม่ลง พูดจบก็หมุนตัวกลับมา นัยตา เต็มไปด้วยความห่วงใย “ผมไม่ได้อยากจะโกรธคุณ แต่ผม แค่… รู้สึกกลัวเท่านั้น”
หลายต่อหลายครั้ง หลังจากที่ผ่านเรื่องราวต่างๆมา มากมาย ทุกครั้งที่ใกล้จะจบเรื่อง มักจะเกิดจุดหักมุมหรือจุดเปลี่ยนขึ้นมาอีก หากวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เขาคงจะรับมัน
ไม่ไหว
เหนื่อยกายและใจ
คำนี้คงจะบรรยายความรู้สึกของเขาได้อย่างเหมาะสม ที่สุดแล้วในเวลานี้
ไม่ใช่หมดความกล้าหาญ ไม่ใช่เพราะจิตตานุภาพที่สูญ สิ้นไป ต่อให้เขาต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายอะไรมากมายอีกสัก เท่าไหร่เขาก็ไม่มีทางหลับตาท้อถอย แต่เขาไม่ต้องการให้สิ่ง เหล่านี้เกิดขึ้นกับหล่อน
นัชชามองเห็นความกังวลในแววตาของเขา ในใจเหมือน ถูกน้ำมะนาวบีบใส่ หล่อนมัวแต่ห่วงธีมนต์จนลืมว่ายังมีใครอีก คนที่เป็นห่วงหล่อนมากเช่นกัน
นัชชายกมือขึ้นกุมมือของเขา “แค่บาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อ ก่อนเกิดเรื่องเกี่ยวกับคดีที่ทำก็ยังผ่านไปได้ นี่แค่คนธรรมดา สองคนแค่นั้นเอง พวกเขาก็แค่ไม่เคารพกฎหมายไม่ใช่ อาชญากรอย่างพวกHawkเสียหน่อย ไม่ต้องคิดมากได้มั้ย”
ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง เหมือนพยายามจะควบคุม อารมณ์ของตนเองอยู่สักพักจึงเอ่ยปากออกมาว่า “ผมรู้ ผมแค่ กลัวว่าคุณ…..”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ชะงักตรงท้ายประโยค ดวงตาสีดำ ค่อยๆหมุนกลับมามองหล่อน
นัชชามองดวงตาที่กลอกไปมาประหนึ่งแผ่นดินไหวของ เขา อย่างไม่เข้าใจจึงถามออกไปว่า “มีอะไรเหรอคะ”
หน้าหล่อนมีอะไรติดอยู่หรือไง หรือว่าแผลหล่อนมีเลือด ออก
ในขณะที่หล่อนกำลังสงสัยอยู่นั้น อยู่ๆชายหนุ่มก็โน้มร่าง ลงมา ดวงตาดำขลับเป็นประกายยังคงจับจ้องอยู่ที่หล่อน “เมื่อ กี้คุณพูดว่าอะไรนะ”
หล่อนเวียนศีรษะอย่างหนัก ในสิ่งที่เขาถามหล่อน ยิ่ง ทำให้หล่อนงงมากขึ้นไปอีก “ฉันพูดอะไรเหรอ”
“คดี Hawk…” เตชิตรีบร้อนพูดตาที่หล่อนพูดเมื่อครู่อีก รอบ ในช่วงเวลาที่ดวงตาทั้งคู่สบตากัน ดวงตาคู่นั้นกลอกไป มาอย่างรวดเร็วดั่งพายุ “คุณ…คุณจำได้แล้วเหรอ”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ