ตอน490 ใครสำคัญที่สุด
ตอนที่490 ใครสำคัญที่สุด
ท่าทางของเธอทำให้เขากลืนคำพูดลงไปทั้งหมด บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นหยุดนิ่งครู่หนึ่ง ทั้งสองมองหน้ากันอยู่ นาน เตชิตก็พูดออกไปอย่างทนไม่ไหว
“นัชชา ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงผม แต่ในฐานะเป็นทนายความ มันคือหน้าที่ที่พวกเราควรทำให้ดีที่สุด”
นัชชาทนไม่ไหว พูดออกไปอย่างไม่คิด “แต่ไม่มีคุณก็ยังมี คนอื่น ทำไมคุณถึงอยากจะไปทำนัก? ถ้าตอนนี้คุณไม่ได้กลับ วงการกฎหมาย คดีนั้นก็คงจะถูกพักไว้ก่อนหรอ?”
ประโยคนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นอย่างเหนือความคาด หมาย ที่เขากลับไปก็เพราะว่าในใจตัวเองอยากจะทำ เพราะว่า เธออยากให้เขาไป แต่ตอนนี้ได้ยินเธอต่อต้านเรื่องพวกนี้ เต ชิตก็รู้สึกหงุดหงิดใจ
นัชชาพูดออกไปก็รู้สึกผิดในทันที แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก อื่น เธอเป็นห่วงเขามากเกินไป มองเห็นใบหน้าแข็งกร้าวเย็น ชาของเขา เธอก็พูดอย่างน้อยใจและกังวล “คุณก็คิดแต่ว่าคุณ เป็นทนายความคนหนึ่ง คุณไม่ได้คิดว่าคุณเป็นสามีของฉัน เป็นคุณพ่อของลูกเรา? ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เรื่องที่ คุณทำทั้งหมดจะส่งผลต่อคนในครอบครัว ฉันไม่อยากให้คุณเป็นอะไรอีกแล้ว”
พูดจนถึงตอนจบ เสียงเธอก็สะอึกสะอื้น เพราะว่าเขาไม่ เข้าใจเธอ
เตชิตเห็นดวงตาแดงก่ำของเธอ ก็ไม่มีอารมณ์โกรธเหลือ อยู่ ทั้งหมดคือความสงสาร ยื่นมือดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด ก็ถู กนัชชาหลบ
เธอยังกลั้นน้ำตาไว้ พยายามอย่างมากไม่ให้เสียงสะอื้น “เรื่องนี้คุณก็พิจารณาด้วยตัวเองแล้วกัน”
พูดจบ
เธอก็ไม่ได้เถียงอีก หันตัวออกจากห้องทำงานไป
เตชิตเห็นประตูที่เปิดและปิดลง สายตามองไปที่แก้วนมที่ ยังอุ่นอยู่บนโต๊ะ ฝ่ามือใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะค่อยๆแน่น หลัง จากทั้งสองดีกันนี่เป็นครั้งแรกที่ทะเลาะกันหนัก
ที่จริงก่อนที่จะบอกนัชชา เขาก็ยังลังเลว่าจะรับหรือไม่รับ คดีนี้ แต่วันนี้ได้เห็นปฏิกิริยาของเธอ ความคิดในใจที่แท้จริง ของเขากลับซ่อนไว้ไม่อยู่
เขาอยากจะรับมัน เพราะคนที่ได้รับผลกระทบจากคดีนี้ เยอะมาก เขาอยากจะยืนขึ้นสู้เพื่อกลุ่มคนพวกนี้
ไม่มีเขาจะมีคนอื่นหรอ?
บางทีอาจจะมี แต่ก็ไม่ดีเท่าเขาแน่นอน
แต่ก่อนมีประสบการณ์เรียนที่ต่างประเทศมา มีความ เข้าใจในภูมิหลังต่างประเทศและภูมิหลังของคดี ทำให้เขามีความสามารถในการรับคดีนี้มา ประเด็นที่เขาลังเลขึ้นอยู่กับ นัชชาและลูก
ไม่มีใครรู้ว่าคดีความจะนำไปสู่ผลลัพธ์ทางไหน เรื่องนี้มัน ไม่ง่ายแน่ จะต้องระมัดระวังอย่างดี
แม้แต่ธนัทก็มีท่าทีที่เป็นกลาง ถ้าไม่ใช่เพราะเบื้องบนส่ง คดีนี้ให้เขาโดยตรง เขาคงไม่ได้รับคดีนี้มาทำ
คืนนี้ นัชชาและเตชิตนอนไม่หลับทั้งคู่ เตชิตเข้าห้องไป ตอนเที่ยงคืน บนเตียงใหญ่ก็ไม่มีร่างของเธอ คงไปที่ห้องนั่ง เล่น
เขาไม่ได้ไปหาเธอ รู้ว่าตอนนี้เธอคงต้องการอยู่คนเดียว ถ้าหากไม่ยอมและกดดันกันเกินไป อาจจะทำให้เกิดความ บาดหมางได้
ตื่นนอนในเช้าวันต่อมา เตชิตก็ไม่อยู่ที่คฤหาสน์แล้ว นัช ชาพาลูกลงมาข้างล่างทานข้าวเช้า และพาธีมนต์ไปโรงเรียน
ระหว่างทางเธอค่อนข้างกังวล แม้แต่ลูกก็ดูออก จึงถาม
เธออยู่ข้างๆ “แม่ครับ เป็นอะไรหรอครับ?”
นัชชาหันศีรษะมามองใบหน้าหล่อและอ่อนเยาว์ของ ลูกชาย พูดออกไปด้วยสีหน้าซับซ้อน “ธีมนต์โตขึ้นอยากเป็น อะไรครับ?”
เด็กก็คือเด็ก ถูกเบี่ยงเบนความสนใจอย่างรวดเร็ว “ผม อยากเป็นสถาปนิกครับ!”
“ทําไมหรอ?”
“เพราะมันน่าสนใจ ผมชอบต่อเลโก้ใหญ่ๆ ได้เห็นตึกที่ สวยๆแล้วรู้สึกว่าเจ๋งมาก ถ้าวันหนึ่งผมมีตึกแบบนั้นก็คงจะดี ตอนที่ธมนต์พูดขึ้นมา ดวงตาก็เป็นประกาย รับรู้ได้ถึงความ จริงใจของลูก
นัชชาฟังแล้วก็รู้สึกไม่เลวเลย ยากนะที่จะมีความคิดเห็น เป็นของตัวเอง “งั้นธีมนต์ก็ต้องขยันให้มาก สถาปนิกไม่ใช่ว่า ใครจะเป็นได้นะ”
“แน่นอนครับ!” เด็กน้อยกำมือพูดจบ จู่ๆก็นึกถึงอะไรขึ้น มา “จริงด้วยคุณแม่ครับ ผมยังมีความฝันอีกอย่างหนึ่ง
“อะไรหรอ?”
“ผมก็อยากเป็นทนายความเหมือนกัน”
ได้ยินดังนั้น นัชชาก็อึ้งไปสักพัก ค่อนข้างคิดไม่ถึง “ทำไม หรอ?”
“ผมอยากเป็นเหมือนคุณพ่อคุณแม่ ได้ช่วยคนอื่น!” ตอน
ที่ธีมนต์พูดขึ้นมาก็รู้สึกภาคภูมิใจเหลือเกิน “เพื่อนที่โรงเรียน
ถามผมว่าพ่อแม่ผมทำอะไร ผมตอบว่าทนายความ พวกเขาก็
อิจฉาและรู้สึกว่าเจ๋งมาก! ผมอยากเป็นแบบนนั้นเหมือนกัน
ครับ!”
เด็กน้อยไม่รู้ว่าอาชีพทนายความนนั้นทั้งกดดันมากและ น่าเบื่อ เพียงแต่เห็นว่าผู้ใหญ่พยายามอย่างมากและได้รับการเคารพ ในใจก็เลยเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมา
นัชชาได้ยินแล้วก็รู้สึกซับซ้อนในใจ ถ้าเมื่อคืนเขาไม่ได้ ทะเลาะกับเตชิต บางทีตอนนี้เธออาจจะประทับใจอย่างมาก ดีใจแทนลูกชาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทั้งหมด เธอแค่รู้สึก ซับซ้อน
ดีใจก็ดีใจ พอใจก็พอใจ แต่ก็เกิดความกังวลเหมือนกัน
ขับรถไปถึงหน้าประตูโรงเรียน ธีมนต์เดินเข้าประตู โรงเรียนไป นัชชาขับรถไปที่ร้านดอกไม้ ระหว่างทางก็คิดเยอะ มาก
ตอนแรกเพื่อดูแลลูก อยู่เคียงข้างครอบครัว เลยเลือกที่จะ เปิดร้านดอกไม้ และไม่ได้มีความปรารถนาในการกลับไปทำ ผลงานทางด้านกฎหมาย แต่พอได้ยินลูกชายพูดขึ้นในวันนี้ เธอจึงเกิดความสงสัยในความคิดเห็นเมื่อคืน
หรือว่าเธอไม่ได้มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในอาชีพนี้เลย จริงๆ?
พอคิดแบบนี้แล้วนัชชาก็รู้สึกสับสน เธอมีนะ คิดมาตลอด ว่าตัวเองมี แม้ว่าตอนนี้เธอจะให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็น ส่วนใหญ่ แต่ครั้งหนึ่งอยู่ในประเทศมาปีหนึ่ง ทำงานเป็นทนาย ที่ต่างประเทศมาห้าปี ทำให้เธอได้เข้าใจความในใจของตัวเอง เธอไม่ใช่พวกที่ชอบถอย หรือคลุมเคลือกับกฎหมาย
เธอภูมิใจในตัวเองมาตลอด แต่พอเผชิญหน้ากับเตชิตกับเรื่องนี้ เธอกลับเลือกที่จะทำแบบนี้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองผิด เธอ รักครอบครัวตัวเองผิดหรอ? แต่การเลือกแบบนี้ทำให้เธอเกิด ความสับสนว่าควรหรือไม่กันแน่
ช่วงวันนี้นัชชาเกือบจะไม่มีอารมณ์อะไร กิจการของร้านก็ ดี ตอนนี้ติณณาสามารถจัดการคนเดียวได้ นัชชาให้เธอเป็นผู้ จัดการร้านแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ สิ่งที่เธอยิ่งทำก็คือการพูดคุย การร่วมมือกันทางการค้ากับพันธมิตร
ไม่เคยผิดพลาดในการทำงานมาตลอด แต่วันนี้กลับ พลาดในการทำใบสั่งง่ายๆ
ติณณานึกว่าเธอไม่สบาย ขณะที่ไปส่งดอกพุทราเข้าไปใน ห้องทำงาน “คุณนัชชา สีหน้าไม่ค่อยดีเลย วันนี้กลับไปพักผ่อน ก่อนดีไหม?”
นัชชาถอนหายใจยาว “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันก็ดีขึ้น
หนึ่งวันผ่านไป นัชชาไม่ได้อารมณ์ดีตลอด เหมือนหัวจะ แตกยังไงอย่างงั้น คิดถึงเรื่องในร้านสักพัก ก็ไปคิดถึงเรื่องของ เตชิต เหนื่อยใจจนทนไม่ไหว
กว่าจะเลิกงาน เธอก็ไม่ได้รีบกลับบ้าน ส่งข้อความไปบอก เตชิตว่าเธอจะทำงานล่วงเวลา จากนั้นก็นัดจินต์ออกมาดื่มชา สักแก้ว
ทั้งสองเลือกบาร์เงียบๆที่เป็นสมาชิกอยู่ บรรยากาศดีมาก ไม่มีคนที่โวยวายเสียงดัง
ไม่เจอกันนาน จินต์ก็ผอมลงไม่น้อย แต่ยังดีที่แก้มยังมีสี
สีหน้ายังคงไม่เลว
“เธอเป็นอะไร หน้าหดหูมาแต่ไกล” จินต์เพิ่งนั่งลงมาก็อด
แซวไม่ได้ “ใครในบ้านยั่วโมโหมาหรอ?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ