ตอน473เจอศัตรูหัวใจอีกครั้ง
ตอนที่ 473 เจอศัตรูหัวใจอีกครั้ง
เธอไอหนึ่งที่เพื่อปิดบังความกระวนกระวายใจของตน จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา “อีกสองวันธมนต์ก็กลับมา แล้ว ฉันสัญญากับลูกไว้ว่าจะไปรับลูกที่สนามบินกับคุณ
เช้าวันนี้ชนุดมส่งข้อความมา บอกว่าวันมะรืนตอนเย็น เครื่องบินจะถึงเมือง
เตชิตเมื่อคิดถึงลูกชาย แววตาก็อ่อนโยนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “โอเค ผมสัญญากับลูกมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้ทำตามสัญญา สักที”
นัชชานึกถึงท่าทาง โอดครวญถามคุณพ่อมาตลอดครึ่งปี ของมนต์ ก็ยกมุมปากขึ้นอย่างอดไม่ได้ “จริงด้วย ถ้าคุณไม่ กลับมาลูกคงได้เกลียดคุณจริงๆแล้ว
“ถึงตอนนั้นคงซื้อพวกขนม ของเล่น ไอศกรีมตามใจลูก
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน ลิฟต์ก็ถึงพอดี ถืออาหารเข้าไปใน ห้องผู้ป่วย ณัชชนม์กำลังให้เมทนีดื่มน้ำ เห็นพวกเขาเข้ามาก็ ค่อนข้างประหลาดใจ “ที่โรงอาหารคนไม่เยอะหรอ ทำไมกลับ มาเร็วจัง?”
เตชิตนำซุปบำรุงที่สั่งมาวางไว้บนโต๊ะ กำลังจะแกะกล่องเก็บความร้อนออก กลิ่นจางๆลอยมาแตะจมูกกระจายในห้อง ป่วย ไม่ใช่กลิ่นจำพวกผงชูรส เป็นกลิ่นเข้มข้นที่มาจากส่วน ประกอบของอาหารเป็นพิเศษ
“คุณพ่อเพิ่งผ่าตัดเสร็จต้องการอาหารเสริม อาหารในโรง อาหารโภชนาการไม่พอ ผมสั่งซุปบำรุงมาให้ครับ” เตชิตเอ่ย เรียบๆ ขณะที่พูดก็ถือชามส่งให้ณัชชนม์
“ไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก ยังไงพวกเราก็อยู่ในโรง พยาบาล ทานด้วยกันก็ได้” ณัชชนม์รับมา ปากก็พูดแบบนี้แต่ ในใจก็ประทับใจ
โดยปกติดูแล้วเป็นคนที่เย็นชาไม่สนใจ เธอไม่คิดว่าเต ชิตจะเป็นคนละเอียดอ่อนขนาดนี้
การฟื้นฟูหลังผ่าตัดของเมทนี้ไม่เลวเลย ไม่ต้องเจ็บจาก การเสียบหลอดอาหาร ณัชชนม์ยกซ้อนขึ้นมาเป่าให้อุณหภูมิ เหมาะสม นัชชาก็คอยช่วยเช็ดปากให้ เพื่อไม่ให้ซุปไหลโดน คอ
“แม่คะ ทานเสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะค่ะ หนูกับเตชิตจะ อยู่เองที่นี่” รอจนเมทนทานข้าวเสร็จ นัชชาสงสารเธอ อายุ มากแล้ว กลัวว่าร่างกาจจะรับไม่ไหว
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้างๆมีอีกเตียง หมอปรัณก็เตรียม พยาบาลมาดูแลแล้ว ไม่ได้ลำบากอะไรมาก” ณัชชนม์รีบ โบกมือ
“แต่ว่า……”
ณัชชนม์ขัดคำพูดเธอ “ไม่ต้องแต่ แม่ไม่อยู่ที่นี่ดูพ่อก็จะยิ่ง กังวล วันนี้การผ่าตัดยังไม่ได้หายห่วง ลูกไปงีบหลับกันที่ข้าง ห้องกันสักหน่อย ถ้ามีอะไรเดี๋ยวแม่เรียก ”
นัชชาคิดอยากจะพูดอะไร ก็ถูกเตชิตกุมมือแน่น แล้วเอ่ย ปากพูด “คุณแม่ครับ ถ้ามีอะไรก็กดกริ่งได้นะครับ พวกเราอยู่ ห้องข้างๆ
“จ้าๆ”
ทานอาหารเรียบง่าย พยาบาลนำของที่เหลือไปเก็บล้าง ทำความสะอาด เตชิตดูออกว่าณัชชนม์มีอะไรจะพูดกับนัชชา เลยขอตัวออกมาก่อน
ในห้องจึงเหลือเพียงสามพ่อแม่ลูก ณัชชนม์มองเมทนีที่ ลืมตาอยู่บนเตียง ถอนหายใจเบาๆแล้วเรียก “นี่คุณ ถ้าง่วงก็ นอน”
เมทนีกรอกตาไปมา ท่าทางเหมือนจะพูดอะไร ณัชชนม์ โน้มตัวลงไป “คุณพูดอะไร?”
“อาหาร อาหารนั่น……..เตชิดซื้อมาหรอ?” เมทนีออกแรง ถามอย่างไม่ต่อเนื่อง
ณัชชนม์พยักหน้า “ใช่ เจ้าเตชิตกลัวว่าอาหารในโรง อาหารจะไม่มีโภชนาการ บอกว่าคุณต้องเสริมโภชนาการเลย ไปสั่งมาให้
พูดจบ เธอก็พึมพำกับตัวเอง “ไม่รู้เหมือนกันว่าไปสั่งตอนไหน ตั้งใจดีจริงๆ”
“แม่ อย่าพูดอย่างนี้เลย เขาไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรหรอก ค่ะ” นัชชากลัวว่าณัชชนม์จะลำบากใจ จึงรีบปลอบเธอ
“อะไรกัน ที่จริงเจ้าเตชิตก็ไม่เคยไม่ใส่ใจลูกมาโดยตลอด ลูกขาดการติดต่อไปห้าปี แต่เขาก็ไม่เคยหยุดส่งของมาให้แม่ กับพ่อเลย นอกจากนั้นตอนนั้นลูกก็คาดเดาไม่ได้ พ่อกับแม่ก็ เกลียดเขา ไม่ได้สนใจอะไรพวกนั้น ตอนนี้ดูแล้ว ก็รู้สึกว่าทำ กับเขาไม่เหมาะสม
“แม่คะ” นัชชาขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าแม่จะพูดเรื่องพวกนี้ “เต
ชิตไม่เคยบ่นเรื่องพ่อแม่เลยสักคำ เป็นเรื่องเล็กน้อยในใจเขา ณัชชนม์พยักหน้า “โอเค ตอนนี้ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตด้วยกันดีๆ เรื่องพวกนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว
“พ่อคะ ตอนนี้พ่อก็ไม่ต้องคิดอะไร คอยทำตามคุณหมอ ใส่ใจสุขภาพร่างกายให้ดีสำคัญกว่าอะไรอื่น เรื่องอื่นเดียว พวกเราจัดการเอง” นัชชาค่อนข้างแสดงออกทางสีหน้า “หนูรอ พ่อร่วมงานแต่งหนูอยู่นะคะ”
เมทนีอึ้งไปสักพัก สายตาหันมาทางเธออย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างค่อนข้างลำบาก “โอเค…….
สองวันผ่านไปในพริบตา นัชชาเกือบจะหมกตัวอยู่ที่โรง พยาบาล ห้องผู้ป่วยกลายเป็นบ้านหลังที่สองของเธอ ดีที่อาการของเมทนีคงที่มาก การฟื้นฟูหลังผ่าตัดไม่แย่เลย หน้ากากออกซิเจนบนหน้าก็เอาออกแล้ว พูดคุยได้ปกติไม่มี ปัญหา
วันนี้เป็นวันที่มีมนต์กลับมา นัชชากลับบ้านกับเตชิต เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดและคล่องตัวเป็นพิเศษ รีบไปที่สนามบิน ด้วยกัน
รถจอดที่ทางออกสนามบินก็เป็นเวลาสองทุ่มครึ่งแล้ว ไฟลท์ของธีมนต์ลงจอดเวลาสองทุ่มยี่สิบนาที ตอนนี้คงถือ กระเป๋าเดินทางออกมาแล้ว
ทั้งสองนั่งรออยู่บนรถ ไม่ถึงสิบนาที ผู้ชายข้างกายก็เปิด ประตูรถออกไปทันที ยืนอยู่ข้างรถแล้วมองออกไปที่ประตูทาง เข้าของสนามบิน ด้านหลังมีตัวหนังสือใหญ่ๆสองพยางค์คือ เป็นห่วง
นัชชารู้ว่าเขารอที่จะเจอลูกไม่ไหวแล้ว ก็เลยลงรถตามเขา ยืนอยู่ข้างกาย ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวก็ออกมาแล้ว
เมื่อพูดจบ เพียงเห็นคนตัวใหญ่หนึ่งคน ตัวเล็กหนึ่งคน สูง หนึ่ง เดี๋ยหนึ่ง ปรากฏในสายตา เขาใส่เสื้อกันลมสีดำ ผมที่เพิ่ง ตัดสั้นก็ยาวขึ้นมาหน่อย ยืนอยู่ตรงหน้า
เขาจูงมือเด็กที่สวมเสื้อกันหนาวสีดำเหมือนกัน ทั้งสอง เดินอยู่ไกลๆ เพียงมองแวบเดียวก็สะดุดตา
เด็กน้อยเดินผ่านประตูเซ็นเซอร์ ดวงตาโตมองไปรอบๆ มองเห็นเตชิตก็หยุดฝีเท้าทันที เบิกตากว้าง ไม่กี่วิต่อมาเหมือนร่างกายถูกเร่งเครื่อง วิ่งมาทางเขาอย่างบ้าคลั่ง
“พ่อครับ!”
น้ำเสียงสดใสดังกระจายในลม เตชิต โน้มตัวรับร่างเล็กที่ พุ่งเข้ามาหา “วิ่งช้าหน่อย เดี๋ยวล้ม”
“พ่อครับ พ่อกลับมาแล้ว!! ธีมนต์เงยศีรษะมองเตชิต ดวงตาเป็นประกาย ปากเล็กยิ้มยังฟันอย่างโอเวอร์ อย่าว่าแต่ เห็นฟันแปดซี่เลย สิบก็เห็น
“อืม พ่อกลับมารับลูกแล้ว” เตชิตลูบผมบนศรีษะเล็ก นวด เบาๆอย่างรักใคร่ “สูงขึ้นอีกแล้ว”
ธีมนต์ยิ้มอย่างมีความสุข มือเล็กกุมฝ่ามือใหญ่ของเขา แน่น “ผมจะสูงให้ได้เท่าพ่อเลย!
“แน่นอน” เตชิตอดยิ้มไม่ได้ที่จะตอบรับ กวาดสายตามอง ชนุดมที่เดินเข้ามา ยืนตัวอยู่ในระดับเดียวกัน คนคนนี้เคยช่วย ตนตอนที่ป่วย เจอกันอีกครั้งด้วยความบาดหมางที่ลดลง “ไม่ เจอกันนานเลยนะ”
“อืม” ชนุดมตอบรับ และไม่ได้เอ่ยอะไรมาก หันศีรษะไป มองนัชชาข้างๆ เพียงจากมาสองสามวัน ใบหน้าเธอก็มีสีขึ้นมา หน่อย เป็นเพราะเตชิตกลับมาล่ะมั้ง
นึกถึงเหตุผลนี้แล้ว ชนุดมเหล่ตามองไปแวบหนึ่ง “ฉันพา เด็กกลับมาอย่างปลอดภัย
เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม นัชชารับรู้ได้ เลยค่อนข้างกังวล”คุณเป็นหวัดหรอ?”
ความห่วงใยที่อ่อนโยนของเธอทำให้ใจเขาอ่อนยวบ ใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าออกไปอย่างเคย “อากาศเปลี่ยนนิด หน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“คุณชนุดม รถเตรียมอยู่ด้านข้างเรียบร้อยแล้วครับ ผู้ ช่วยอยู่ข้างๆเตือนเขาพอดี รับรู้ได้ถึงบรรยากาศระหว่างทั้ง สามคนที่ไม่ปกติ
ได้ทำงานกับคนแบบนี้ จะต้องมีความสามารถในการมอง
ออก
ชนุดมพยักหน้า มองสำรวจพ่อแม่ลูกทั้งสามคน ภาพอัน อบอุ่นทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดี แกล้งพูดอย่างสบายๆ ไปแล้ว นะ มีอะไรจะติดต่อมา
พูดจบ ชนุดมไม่รอให้ทั้งสองตอบกลับก็หมุนตัวเดินไป เต ชิตพลันตะโกนเรียกเขา “ว่างๆก็มาหาอะไรทานกันที่บ้านนะ
ชนุดมไม่หยุดฝีเท้า แขนยาวยกขึ้นโบกไปมา “ถ้ามีเวลา ไปแน่”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ