ตอน 146ศัตรูร่วมมือกัน
ตอนที่ 146 ศัตรูร่วมมือกัน
นัชชายอมเชื่อ ถ้าไม่เชื่อเธอคงไม่ทำถึงขั้นนี้ ถึงแม้เขา ไม่กลับทั้งคืนก็ไม่ได้ถามสักคำ รู้ว่าเขางานยุ่งกลัวว่าจะสร้าง
ปัญหาให้เขา
แต่ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่คำที่จะอธิบายจะให้เธอเชื่อต่อไป ยังไง?
เหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรผู้ชายก็อ้าปากพูดด้วยน้ำ เสียงที่ทุ่มๆ “ไม่ใช่ไม่อยากจะบอกเธอ แค่ยังคิดไม่ได้ว่าจะพูด กับเธอยังไง
นัชชาสูดหายใจเข้าลึกๆเสียงสั่น “นายพูดความจริงก็ พอแล้ว”
เตชิตดูดบุหรี่แรงๆไม่รู้ว่าดูดแรงเกินไปหรือเพราะอะไรก็ เริ่มไอ นัชชาฟังจนหัวใจจะเต้นออกกมาแล้วเห็นเขาทรมานเธอ ก็รีบไปเอาบุหรี่ในมือของเขามาบีบทิ้ง “ร่างกายไม่สบายก็ไม่ ต้องดูดแล้ว ตอบคำถามของฉัน………นยากขนาดนั้นเลยเห รอ?”
“ไม่ยาก เขาตอบไวมาก สายตามองไปทางอื่นไม่ได้มอง
ไปทางเธอ “ฉันแค่ไม่อยากจะให้เธอคิดมาก
แต่ตอนนี้ฉันคิดมากแล้ว นัชชาก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลที่ เขาปกปิด “นายเคยเห็นฉันเป็นแฟนไหม?”
พอได้ยินแบบนี้ผู้ชายถึงจะหันหน้ามองมาทางเธอ
“สําหรับฉันแล้วเธอสําคัญมากกว่าคำว่าแฟน
แล้วทำไมนายไม่ยอมบอกฉันมีเรื่องอะไรที่ฉันรู้ไม่ได้?
นัขขาไม่อยากจะบังคับเขา แต่ตอนนี้เธออยากที่จะไม่คิดมาก จริงๆ
คำบางคำถ้าไม่พูดให้ชัดเจนต่อไปคงไม่มีโอกาสจะพูดอีก
ถึงแม้เธอไม่รู้ว่าเรื่องที่เตชิตปกปิดนั้นสำคัญมากขนาด ไหนแต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาโดนไฟส่องข้างนึงอีกข้างนึง
อยู่ในความมืดมน “นัชชา ให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม? รอฉัน จัดการเสร็จฉันจะบอกกเธอแน่นอน”
นัซซาอ้าปากแล้วปิดปาก ในใจเต็มไปด้วยความเสียใจ และผิดหวัง “เวลาหละนายต้องการนานเท่าไหร่?
“ฉันไม่รู้” พูดจบเขาเหมือนจะรู้สึกตลกเหมือนกัน “ฉันจะ ทำให้เร็วที่สุด”
ในรถเข้าสู่ระยะเวลาเงียบ นัชชาไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไง เธออยากจะให้เขาพูดทุกอย่างในตอนนี้ แต่…มองไปทาง หน้าของผู้ชายที่มืดครึ้ม คำขอพวกนั้นก็พูดไม่ออกแล้ว
เงียบไปนานมาก มือของนัชชาที่อยู่ข้างๆกำแน่นแล้วปล่อย ก่าแน่นแล้วปล่อยซ้ำไปซ้ำมา ในใจของเธอลังเลมาก สุดท้ายเธอก็ยอม
“ได้ ถ้านายยากที่จะพูดขนาดนี้ฉันก็ไม่บังคับนายแล้ว รอ วันที่นายอยากจะพูดค่อยพูดกับฉัน เธอพูดชีวๆแต่ความคิด ที่แท้จริงนั้นไม่ใช่แบบนั้น ในใจคือความเครียดที่ไม่มีทาง คลี่คลาย
เตชิตมองไปทางนัยน์ตาของเธอที่ไม่มีความเชื่อใจมา แทน เหมือนมีมือมาบีบที่หัวใจของเขาและไม่มีคำไหนที่จะมา แก้ตัวได้เลย
เขาพยักหน้าสองครั้ง “ได้”
การพูดคุยที่แยกกันอย่างไม่มีความสุข สิ่งที่เตชิตปกปิด ทั้งหมดนั้นเป็นการทำลายหัวใจสำหรับนัชชา จนกระทั่งวันที่ สองอารมณ์ของเธอก็ไม่ดีขึ้น
หลังจากที่เลิกงาน ณัชชนม์โทรมาให้เธอกลับไปกินข้าว นัชชาไม่พร้อมที่จะไปเจอกับเตชิตด้วยก็เลยตกลงไป
หลังจากที่กินข้าวเสร็จก็นั่งอีกแป๊บ ณัชนม์เห็นเวลาก็ไม่ เช้าแล้วก็เลยไล่เธอกลับบ้านกลัวว่าดึกจะไม่ปลอดภัย
แต่นัชชาไม่มีท่าทีที่จะกลับ กลัวว่าถ้านอนที่นี่แล้วชนม์ จะคิดมากลังเลไปสักแป๊บก็ไปจากที่นี่
เธอนั่งรถกลับไปที่ไวโรจน์วิลล่า รถแท็กซี่จอดอยู่ตรงหน้า วิลล่า มองไปทางบ้านสามชั้นที่มืดมน ความคาดหวังในใจของนัชชา เริ่มเย็นลงไป
เขา ยังไม่ได้กลับบ้าน
“คุณครับ ถึงแล้วครับ คนขับรถเห็นเธอไม่ลงจากรถก็เลย พูดออกมาเตือน
นัชชาได้สติกลับจ่ายตังแล้วลงจากรถ
อีกทางหนึ่ง หลังจากที่เตชิดรู้ว่านัชชากลับบ้านก็ขับรถมา ที่เขตเหนือวิลล่าแล้ว วันนี้เป็นวันที่ดีนาร์ตรวจร่างกาย ปรัณ ช่วยของจอร์จที่อยู่อเมริกาก็อยู่ ห้องหลังบ้านก็กลายเป็นห้อง ตรวจสุขภาพแล้วมีอุปกรณ์ทางแพทย์พร้อมทุกอย่าง
เตชิตมองดูทีนาร์โดนเย็นเข้าไปในการตรวจร่างกาย ต่างๆ หยุดแบบแล้วออกมา ทำไปประมาณ20กว่ารายการถึง
จะจบ
ปรัณจับผลการตรวจที่พึ่งออกมาสีหน้าก็ดูสบายใจ “โอเค ร่างกายแข็งแรงดี นายไม่ต้องเป็นห่วงปัญหาไม่เยอะ
เตชิตถอนหายใจ ไม่ว่ายังไงที่นาร์ก็พึ่งกลับมาในประเทศ ครั้งแรก ในระหว่างห้าปีที่ผ่านมากลัวว่าเธอจะไม่ชินกับสภาพ แวดล้อมแล้วมีผลต่อการรักษา
ทีนาร์พึ่งตรวจร่างกายเสร็จก็รีบไปที่ห้องที่เตชิตอยู่ หลัง จากที่รู้ว่าผลตรวจดีก็ถอนหายใจ “ดีจังเลย ทีนี้ฉันไม่ต้องไป แล้วจริงๆจะได้อยู่ข้างนายแล้ว!
ค่นี้เธอพูดไปนับไม่ถ้วนตั้งแต่กลับมา เตชิตฟังจนหูชา แล้ว แต่ปรับกลับเบะปาก
“อ๋อ เตชิตฉันรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้ต่อต้านแสง อัลตราไวโอเลตมากขนาดนั้นแล้ว ห้าปีแล้วที่ฉันไม่ได้ออกไป เที่ยวด้านนอก ครั้งนี้ร่างกายของฉันดีขึ้นแล้วพวกเราออกไป รวมตัวกันหน่อยไหม? ทนาพูดอย่างมีความสุข
เดตไปสบกับตาของเธอที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง น้ำ เสียงเย็นชาจนทำให้รู้สึกใจร้าย “ไม่ได้ ตอนนี้เธอยังไม่หายดี ทั้งหมดต้องเป็นความปลอดภัยเป็นหลัก
โรคของทีนาร์ไม่หายก็จะเป็นมืดที่แทงอยู่ในใจของเขา ไม่ใช่เพราะอย่างอื่นถ้าตอนนี้ทีนาร์เป็นอะไรไปเขาเองก็ไม่รู้ว่า จะปกปิดนัชชาได้อยู่ไหม
ที่เขาปฏิเสธนั้นอยู่ในความคิดของที่นาร์อยู่แล้วแต่เธอไม่ อยากจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้!
เธอใช้หางตามองไปทางปรัณ “ก่อนหน้านี้หมอบอกว่า
ร่างกายฉันฟื้นคืนดีมาก ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ พวกเราหาที่ๆ เป็นที่ส่วนตัวมารวมตัวกันหน่อย ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน ร่างกายของฉันๆรู้ดี วางใจได้
เธอตั้งใจใช้คำพูดของปรัณมาพูด ปรัณที่ได้ยินแบบนี้ก็ ตั้งเลยแถมยังพูดอะไรโต้ตอบไม่ได้ ตอนที่เขาพูดคำนี้เพราะสงสัยว่าที่นาร์แกล้ง แต่ใครจะรู้ว่าเธอจะใช้คำนี้มาใช้ตอนนี้
เตชิตไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
นารู้แล้วว่าเขาเริ่มใจอ่อนก็เลยเข้าไปใกล้ๆเขาพูดด้วย น้ำเสียงที่น่าสงสาร “เตชิต ฉันมีความฝันแค่อันเดียวนายตกลง ได้ไหม? ตอนนี้ฉันไม่เหมือนคนเลยฉันเหมือนผีแล้ว ฉันอยากจะ ออกไปด้านนอกจริงๆ ถือว่าฉันขอร้องนายนะไหม?”
เธอพูดขนาดนี้แล้วถ้าเตชิตยังปฏิเสธก็คงเย็นชาเกินไป แล้ว
อยู่ดีๆมือของทีนาร์ก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าไม่รู้ว่าหาอะไร อยู่ ตอนที่เธอเอาออกมาถึงจะรู้ว่าคือรูปของพ่อแม่ที่นาร์
“ฉันอยากไปดูที่นี่ด้วย นี่คือที่ๆแสดงรักของพ่อแม่ฉัน ไม่
ว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันไปคงจะดีใจมากแน่ๆ
เลย”
ปรัณเข้าใจแล้วว่าทำไมเตซิตถึงยึดอยู่กับอดีต ไม่ต้องพูด เรื่องอื่นแค่ทนาร์มาพูดข้างหูบ่อยขนาดนี้เขาก็ไม่มีวันลืมแล้ว
ผู้หญิงคนนี้เห็นแก่ตัวมากเกินไป หน้ากลัวจริงๆ
สุดท้ายเตชิตก็ไม่ได้ปฏิเสธทีนาร์ ถึงแม้ไม่เต็มใจแต่ก็
ตกลงตามที่ขอ
หลังจากที่เตชิตกับปรัณไป รอยยิ้มบนใบหน้าของที่นา หายไปหมดเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาเบอร์หนึ่ง…….
“ฮัลโหล ปณิตาเหรอ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ