ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน 113 คืนที่เราจะไม่แยกจากกัน



ตอน 113 คืนที่เราจะไม่แยกจากกัน

ตอนที่ 113 คืนที่เราจะไม่แยกจากกัน

เตชิตป่วยอย่างกะทันหัน แต่ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว วันที่ สองเขาก็แทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว

สิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำหลังจากหายป่วยก็คือจัดการเรื่องสิน สมรสหลังจากการหย่า ติดต่อหน่วยงานที่รับบริจาค แบ่งสรร ปันส่วนที่จะต้องบริจาค

เรื่องนี้เขาตั้งใจจะให้เป็นข่าวออกไป ไม่นานสื่อหลาย สำนักข่าวนี้ออกมา ทำให้ภาพลักษณ์เมื่อก่อนที่แย่ๆของนัก ชา ถูกทำให้ดีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

บวกกับคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในสื่อโซเชีย ลมีเดียทำให้ความจริงกระจ่างแจ้งขึ้นมา ซึ่งอันที่จริงแล้วนัชชา ไม่จำเป็นต้องถูกซักฟอกอะไร แต่จะว่าไปมันก็เป็นผลดีต่อเธอ ไม่น้อย

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนเราก็จะแรงผลักดันในแง่มุมที่ สวยงามของชีวิตเสมอ

หลังจากเรื่องราววุ่นวายต่างจบลง นัชชาก็ยังคงทำงานที่ เตนทลอว์เฟิร์มต่อไปตามปกติ สองคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย ปัญหาวุ่นวายค่อยๆน้อยลง ทำให้นัชชารู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

เรื่องงานหากเธอไม่เข้าใจอะไร ก็จะถามเตชิต อีกฝ่ายก็

เต็มใจที่สอนเธออยู่แล้วแต่มักจะต้องต่อรองด้วยเงื่อนไขบาง อย่าง

อย่างเช่น เย็นวันนี้ คดีที่นัชชารับผิดชอบด้วยตนเองเป็น งานแรก เธอจึงละเอียดรอบคอบเป็นพิเศษ มีบางจุดที่เธอไม่ ค่อยเข้าใจจึงจะไปขอคำปรึกษาจากเตชิตที่ห้องหนังสือ

เตชิตกำลังประชุมทางวิดีโอคอล เธอจึงรออยู่ ข้างๆ 10นาทีผ่านไปเขาถึงวางสาย

ชายหนุ่มรับเอกสารจากเธอไปดู น้ำเสียงเรียบ เฉย” เหตุการณ์ลักษณะนี้คราวก่อนก็บอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไม่เข้าใจอีก

นัชชางงเล็กน้อย…..สองแบบนี้ไม่น่าจะเหมือนกันนะคะ

“ไม่เหมือนกันตรงไหน

นัชชาอึกอัก ตอบไม่ถูก

เขากวักมือเรียก “มานี่”

นัชชามักโดนเอาเปรียบเสมอจึงยืนนิ่งไม่ขยับ “คุณบอก ฉันก็ได้ค่ะ”

“อ่าวนี้คุณอยากให้ผมสอนมั้ยเนี่ย

“คุณก็รู้ดีอยู่แล้ว ก็แค่อธิบายมาให้ฉันฟังก็พอ ทุกครั้งที่ขอให้คุณช่วย…” นัชชาไม่ค่อยพอใจบ่นพึมพำกับตัวเอง ใน ใจก็รู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อย

เตชิตยิ้ม “ปัญหาแบบเดียวกันผมก็เคยบอกไปหลายรอบ แล้วนะ คุณจำไม่ได้เอง จะโทษใครล่ะ

เขาเห็นเธอนิ่งเงียบ เขาจึงไม่ต่อว่าเธอแล้ว เขาหยิบ เอกสารและพระราชกฤษฎีกามาทำเครื่องหมายแล้วยื่นให้ เธอ”คุณเอาไปลองดูเองละกัน

นัชชารับมา ในใจรู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังรู้สึกว่า อารมณ์ตัวเองยังไม่เข้าสู่ภาวะปกตินัก เหมือนถูกเขาแกล้ง

ในห้องหนังสือมีข้อมูลแทบทุกอย่าง เธอจะหาอะไรก็ สะดวก ปัญหาที่เธอไม่ค่อยเข้าใจเมื่อสักครู่ตอนนี้เธอก็เข้าใจ แล้ว

นัชชานั่งบนโซฟา มองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลา หมดจดของชายหนุ่ม ตั้งของเขาสูงเด่นชัด ขอบตาค่อนข้างลึก เรียกว่าอวัยวะทั้ง5บนใบหน้าสวยเด่น หากมองแต่รูปลักษณ์ ภายนอกนี้ สามารถเป็นดาราได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะระหว่าง ช่วงคิ้วและตามีเสน่ห์แบบบอกไม่ถูก

หญิงสาวนั่งเหม่อมองจนไม่รู้ว่าตัวว่าตัวเองมองเขานาน ขนาดไหน จนกระทั่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะรู้สึกตัวหันหน้า มามองแล้วถามเธอว่า รู้สึกว่าแฟนตัวเองหล่อมากเลยใช่มั้ย
นัชชาเกือบจะสําลักน้ำลายตัวเอง รีบสะสายตาจากชาย หนุ่ม อยากจะรีบก้าวขาออกจากห้อง แต่ชายหนุ่มก็รู้ทันรีบไป ดักรอที่ประตูเสียแล้ว “ผมพูดกับคุณอยู่นะ ไม่ได้ยินเหรอ”

เวลาที่เขาถามเธอมักจะชอบยักคิ้วขึ้นดูแล้วออกแบดบอย นิดๆ เธอเผลอใจเต้นออกมา รีบกระแอม ในคอ หน้าร้อนผ่าว ปากแข็งตอบไปว่า “ฉันไม่ได้มองคุณสักหน่อย

“ในห้องนี้ยังจะมีใครอีก”เตชิตก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก็ก้าว เข้าใกล้เธอขึ้นอีกนิด กลิ่นกายหลังจากที่เขาอาบน้ำมาหอม สดชื่น บวกกับฮอร์โมนเพศชายที่วนเวียนอยู่รอบกายเธอ “นี่ก็ กมากแล้ว งานเสร็จแล้วหรือยัง”

คำพูดแบบนี้ เธอได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน ทำไมเธอจะไม่รู้ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอรีบยกมือขึ้น “ยัง ยังค่ะ ยังเหลือตอน ท้ายอีกนิด…”

ยังไม่ทันสุดเสียงหญิงสาว ก็ถูกเขาอุ้มขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่ การอุ้มท่าเจ้าหญิง แต่อุ้มโดยใช้ทั้งสองแขนโอบรัดรอบ สะโพกของเธอแล้วยกเธอขึ้น

เพียงชั่วพริบตาเธอก็ถูกอุ้มลอยขึ้นมาจากพื้น เธอก้มมอง ลงไปที่ชายหนุ่ม พร้อมถลึงตาใส่คุณทำอะไรของคุณ

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ไม่รู้ว่าเพราะแสงที่มากระทบกับ ศีรษะพอดี หรือเปล่าแม้แต่ในดวงตาก็ยังส่องประกายแวววับ “คุณถามว่า ผมจะ ทํา อะไรเหรอ
เตชิตแกล้งเน้นน้ำเสียง เพื่อให้หญิงสาวรู้ว่าเขาต้องการ

ทําอะไร

ใบหน้าเนียนขาวของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที อีกๆ อักๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดออกมาว่า “นี่มันเพิ่งจะกี่โมงเอง

“คุณมาถามคำถามผมแล้วก็ไป แบบนี้มันไม่ใจร้ายไป หน่อยเหรอ” เตชิตเข้า มาถึงตอนนี้แม้แต่เธอก็กลายเป็นสี แดงแล้ว อดไม่ได้เผยอปากออกมาอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว คุณยังจะเข็นอยู่อีก”

ยิ่งเขาพูดแบบนี้ เธอยิ่งเขินหนัก ยกมือขึ้นไปที่หัวไหล่ ของเขา ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้

ชายหนุ่มไม่เพียงไม่ปล่อยเธอแต่ยังอุ้มเธอออกจากห้อง หนังสือ เขาออกกำลังกายทุกวันสม่ำเสมอ เรี่ยวแรงดีไม่มีตก อุ้มเธอจากชั้นสามลงมาห้องนอนชั้นสองอย่างสบาย เหมือน กับอุ้มหมอน ไม่มีเหนื่อยหอบเลยแม้แต่น้อย

ประตูห้องนอนเปิดออก ไฟที่ผนังห้องเปิดอยู่ไม่กี่ดวง ภายใต้แสงไฟสลัว นัชชาถุงวางลงบนเตียงนุ่มๆ

ชายหนุ่มโน้มร่างลงมา จูบเบาที่ซอกคอ ปลุกเร้าอารมณ์ จากอวัยวะรับสัมผัสของเธอทั้งหมด

นัชชาทนไม่ไหว ร้องครางออกมาเบาๆ เพียงเสี้ยวนาที

เธอก็ปล่อยให้ชายหนุ่มที่อยู่บนร่างเธอควบคุมร่างกายของเธอ โดยที่เธอไม่รู้ตัว คุณตัวหนักจัง… เธอพูดเสียงขึ้นจมูก
เตชิตได้ยินดังนั้น ก็ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น ช่วงนี้มีเรื่องยุ่งๆ มากมาย แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาจัดการเรื่องพวกนี้ เขาพยายามอด กลั้นมาตลอด แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ

เขาชอบมองเธอ ที่เหมือนแผ่นน้ำ เวลาอยู่ใต้ร่างของเขา อ่อนโยนเหนือความคาดหมาย สวยจนทำให้ใจหวั่นไหว เธอ บริสุทธิ์ สวยงาม มีความเซ็กซี่เย้ายวนเฉพาะตัวแบบที่มีเพียง เขาคนเดียวที่สัมผัสได้

หลังจากเล้าโลมปลุกอารมณ์ของเธอสำเร็จ เตชิตก็ยังคง รุกต่อ เขาก้มกระซิบเสียงต่ำที่ข้างหูของเธอ “ที่รัก คุณช่าง สวยเหลือเกิน”

“เบาๆนะคะ”

“ครับ”

ค่ำคืนที่มืดมิดภายนอกหน้าต่าง แม้แต่ลมยังพัดอย่าง แผ่วเบา ภายในห้องชายหญิงร่วมรักด้วยอารมณ์ดื่มดิ่งลึก เป็นของกันและกันทั้งกายและใจ

มีบางเรื่องบางปัญหาที่นัชชาคุ้นเคยดี ไม่จำเป็นต้องไป ถามเขาแล้ว ไม่เช่นนั้นเธออาจจะต้องใช้บางอย่างเป็นข้อแลก เปลี่ยน

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ควิษขออุทธรณ์คำตัดสินในคดีฟ้อง หย่า แต่ศาลยังคงพิพากษายืนตามคำตัดสินเดิม ดังนั้นนัชชาจึงดำเนินการนำเงินไปบริจาคตามแผนที่วางไว้ เธอเลือกสถาน สงเคราะห์เด็กกำพร้และอยากจะไปด้วยตนเอง

เตชิตตั้งใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ แต่ติดภาระงานที่บริษัท จะ ต้องไปทำงานที่เมืองสองวัน

ก่อนไปเขาจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อม ทั้งรถ ทั้งของรวม ทั้งเงินที่จะนำไปบริจาค เขากลัวว่าเธออยู่ตัวคนเดียวจะยุ่ง วุ่นวายจัดการได้ไม่เรียบร้อย

เช้าวันเสาร์นัชชาพร้อมขบวนบนรถเดินทางไปสถาน สงเคราะห์เด็กกำพร้า ซึ่งอยู่ในเขตเมืองเก่า สิ่งปลูกสร้าง บริเวณนั้นจึงค่อนข้างเก่า หากมองจากด้านนอก สถาน สงเคราะห์ก็ยังดูใหม่อยู่ แต่พอเข้าไปด้านในกลับตรงกันข้าม ทั้งสภาพแวดล้อมและเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องสาธารณูปโภค ต่างไป

นัชชาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์ เธอไม่ ต้องการพิธีรีตองอะไรยุ่งยาก ขอแบบเรียบง่ายก็พอ เธออยาก จะดูสภาพรอบๆภายในสถานสงเคราะห์ด้วย

ทั้งพิธีรีตองต่างๆ ทั้งการถ่ายรูป มีแต่จะทำให้ผู้รับของ บริจาครู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า เธอไม่ต้องการแบบนั้น

อยู่ก็มีมือเล็กๆสองข้างมากอดที่ขาของเธอ พร้อมกับ เสียงเล็กที่ถามว่า “คุณน้าคะ คุณน้าเป็นคุณครูคนใหม่เหรอคะ ผมคุณน้าสวยจังเลยค่ะ”
นัชชา มศีรษะลง เด็กผู้หญิงอายุ 4-5ขวบกอดขาของ เธออยู่ เธอยิ้มให้เด็กน้อย แล้วย่อตัวลงมาให้เท่ากับเด็กน้อย พร้อมกับเอามือลูบศีรษะที่มีผมบางๆ เพราะอาจจะขาดสาร อาหารของเด็กหญิง แล้วตอบเธอว่ารอให้หนู โตกว่านี้อีก หน่อยก็จะมีผมที่สวยเหมือนน้าเองค่ะ”

“จริงเหรอคะ ” เด็กหญิงกระพริบตาโตของเธอพร้อมกับ ถามอย่างไร้เดียงสา

“จริงสิค่ะ จริงที่สุดเลย ขอแค่หนูกินข้าวเยอะๆนอน เยอะๆ”

“ดีจังเลยค่ะ” เด็กหญิงตบมือดีใจ แล้วหันไปมองเพื่อนๆ แล้ววิ่งออกไป วิ่งไปพลางหันมาดูนัชชาพลางพร้อมโบกมือให้ หญิงสาว”บ๊าย บายค่ะ”

นัชชายังคงยืนอยู่ที่เดิม มองร่างของเด็กหญิงที่ค่อยลับ สายตาไป ในใจรู้สึกหดหู โลกนี้ช่างไม่มีความยุติธรรมซะเลย ยังมีคนมากมายที่ต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายมากกว่าเธอ หนึ่งใน นั้นก็คือเด็กๆเหล่านี้ที่ถูกทอดทิ้ง ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เลย

“กินข้าวเยอะๆนอนเยอะๆ คุณน้าคนนี้ช่างโกหกหน้าตา เฉย” อยู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง

นัชชากำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก็รู้สึกตกใจมาก รีบหมุนตัวหันมาดูก็พบใบหน้าของคนที่เธอไม่อยากจะเจอ ตลอดชีวิตนี้
ในค่ำคืนที่ด่ามืด น้ำในทะเลสาปที่หนาวเย็น ยังมีกลิ่น

คาวเลือด สะดว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ