ตอน695คุณไม่เข้าใจความคิดของฉัน
ตอนที่695 คุณไม่เข้าใจความคิดของฉัน
ดราณีไม่มีทางเลือกนอกจากพูดกับเขา “ฉันจะไป โรงเรียน ตอนเที่ยงมีบางอย่างต้องทำ
ชนัยเลิกคิ้ว “ตอนเที่ยง โรงเรียนคุณตอนเช้าตอนบ่าย ไม่มีเรียน แต่มีเรียนตอนเที่ยงเวลาทานข้าวอย่างนั้น
ดราณีไม่ชอบที่เขาไม่เชื่ออะไรเลย ทำไมต้องทำตัวสงสัย เช่นนี้ จึงค้อนเขาอย่างอารมณ์เสีย พวกเราซ้อมชุมนุมกันตอน เที่ยง คุณอย่าทำตัวจุกจิกกวนใจได้ไหม”
เมื่อได้ยินว่าเป็นการซ้อมชุมนุม ชนัยก็วางใจ แต่ปากก็ยัง ไม่เลิกหาเรื่อง “คุณวันวันไม่ตั้งใจเรียน มัวแต่ไปเข้าชุมนุม อะไร นั่นมันโรงเรียนเอาไว้หลอกนักเรียนใหม่เท่านั้น
ชนัยรู้ว่าเรากำลังจะคัดค้าน เขาไม่รอให้เธออ้าปาก รีบ ยื่นมือออกไปคว้าตัวคนไว้ “อีกตั้งนานกว่าจะเที่ยง อยู่ทานข้าว เป็นเพื่อนผมก่อน”
ดราณีจึงได้แต่ตามไปแต่โดยดี เธอนั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง อาหารและได้แต่มองดูตาแก่คนนี้ทานอาหารอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ช้าไม่นาน ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรมารบกวนมื้ออาหารของ ตาเฒ่าคนนั้นได้
ตอน695คุณไม่เข้าใจความคิดของฉัน
ตอนที่695 คุณไม่เข้าใจความคิดของฉัน
ดราณีไม่มีทางเลือกนอกจากพูดกับเขา “ฉันจะไป โรงเรียน ตอนเที่ยงมีบางอย่างต้องทำ
ชนัยเลิกคิ้ว “ตอนเที่ยง โรงเรียนคุณตอนเช้าตอนบ่าย ไม่มีเรียน แต่มีเรียนตอนเที่ยงเวลาทานข้าวอย่างนั้น
ดราณีไม่ชอบที่เขาไม่เชื่ออะไรเลย ทำไมต้องทำตัวสงสัย เช่นนี้ จึงค้อนเขาอย่างอารมณ์เสีย พวกเราซ้อมชุมนุมกันตอน เที่ยง คุณอย่าทำตัวจุกจิกกวนใจได้ไหม”
เมื่อได้ยินว่าเป็นการซ้อมชุมนุม ชนัยก็วางใจ แต่ปากก็ยัง ไม่เลิกหาเรื่อง “คุณวันวันไม่ตั้งใจเรียน มัวแต่ไปเข้าชุมนุม อะไร นั่นมันโรงเรียนเอาไว้หลอกนักเรียนใหม่เท่านั้น
ชนัยรู้ว่าเรากำลังจะคัดค้าน เขาไม่รอให้เธออ้าปาก รีบ ยื่นมือออกไปคว้าตัวคนไว้ “อีกตั้งนานกว่าจะเที่ยง อยู่ทานข้าว เป็นเพื่อนผมก่อน”
ดราณีจึงได้แต่ตามไปแต่โดยดี เธอนั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง อาหารและได้แต่มองดูตาแก่คนนี้ทานอาหารอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ช้าไม่นาน ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรมารบกวนมื้ออาหารของ ตาเฒ่าคนนั้นได้ล้อต่อเถียง สู้ลงมือทานเลยจะดีกว่า
ชนัยเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปาก ว่าไปแล้ว อาหารที่เธอทำ รสชาดไม่เลว สองวันที่ผ่านมาทำอาหารให้เขาทานหลากหลาย ถึงแม้ว่าจะเป็นจานผัดทอดธรรมดาทั่วไป แต่เธอก็ทำออกมา ได้ดีกว่ามาตรฐานทั่วไป อาหารชั้นดี
กุญแจสำคัญคืออาหารมื้อนี้เป็นเธอทำ เขาจึงทานอย่างมี ความสุข
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชนัยก็อดไม่ได้ที่จะแบ่งปันข่าวดีที่เพิ่งจะ ได้ทราบจากปรัณ “ผู้ป่วยที่พี่ชายผมรับผิดชอบดูแลอยู่นั้น ตอนนี้เธอฟื้นขึ้นจากอาการโคม่า หญิงสาวคนนั้นได้รับบาด เจ็บจนอยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลาสามเดือน ในที่สุดอาการก็ดี ขึ้น”
นี่เป็นครั้งแรกที่ชนัยพูดถึงเรื่องคนรอบตัวให้เธอฟัง แม้ว่า ก่อนหน้านี้จะได้พบกับคุณปรัณ ในวันแต่งงาน แต่ความทรงจำ นั้นก็ไม่ได้ลึกซึ้ง เพียงแค่ทราบว่าบุคคลนี้เป็นหมอ และเป็น เพื่อนรักของปรัณ
“โคม่าเป็นเวลาสามเดือนคะ” ดราณีรู้สึกประหลาดใจ “รุนแรงจริงๆ ยังดีที่คนฟื้นขึ้นมา
“ก็ใช่น่ะสิ เพราะว่าความเจ็บป่วยนี้เหงื่อตกมาแล้วตั้ง เท่าไร พี่ชายผมเกือบจะซึมเศร้าเพราะเหตุการณ์นี้” ชนัยพูด แล้วก็ส่ายหัว “ผู้หญิงคนนี้ยอมได้บาดเจ็บเพื่อผู้ชายคนนั้น อีก นิดเดียวก็เกือบจะ
พูดแล้วเขาก็ยกมือตัวเองขึ้น เขาใช้หัวแม่มือนวดกดกันไว้ “อีกนิดเดียวก็จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว”
ดราณีฟังแล้วก็รู้สึกเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ “เพื่อผู้ชายที่เธอ ชอบ ใช่ไหมคะ”
“ใช่น่ะสิ คุณคิดว่าความรักครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มากเพียง ไหน ถึงสามารถทิ้งทั้งชีวิตได้ สำหรับผมผมคิดว่ามันโง่มาก ไม่ เห็นจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ถ้าหากคนไม่ฟื้นขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นก็ หายไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ต้องอยู่คนเดียวตลอดชีวิต”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดราก็ทำคิ้วย่น “คุณอย่าพูดเช่นนั้น ความรักที่สามารถตายแทนได้เช่นนี้สมควรได้รับการยกย่อง
“เรอะ” เขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะพูดเช่นนั้น จึงจงใจแกล้ง ทำเป็นไม่สนใจ “ทำไมล่ะ ไม่เห็นจำเป็นเลย
“ทำไมถึงไม่จำเป็นล่ะ” ใบหน้าของหญิงสาวดูจริงจังขึ้น มา “ความรักเช่นนี้ช่างน่าอิจฉาและน่าชื่นชมอย่างแท้จริง จะมี ผู้หญิงสักกี่คนที่มีความกล้าหาญ สละชีวิตตัวเองเพื่อคนที่เธอ รักได้ คุณคิดว่าเธอจะไม่รู้หรือว่าอาจจะไม่ได้ฟื้นคืนมาอีก แต่ก็ เพราะรักอีกฝ่ายหนึ่งมากเกินไป
“ถ้าอย่างนั้นคุณล่ะ คุณจะทำมั้ย” ชนัยวางภาชนะในมือ ลง มือทั้งสองเท้าอยู่บนโต๊ะและมองเธออย่างมีความหมายลึก
ซึ้ง
ดราณีตกใจ ตอนนี้เธอถึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงถาม คำถามเมื่อสักครู่ เธอไม่ได้บอกว่าเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้เธอคิดถึงมันและตอบอย่างจริงจัง ไม่อยู่เวลาคับขัน ฉันว่าตัวเองจะเลือกทำอย่างไร อย่างจริงแท้แล้วก็ควรสามารถเสียสละทุกทุกอย่าง เพื่อเขาได้ เพราะก็
ฟังเรื่องราวมากมายคนอื่นพูดเกี่ยวกับรัก แต่ ประโยคว่ารากฐานของความคือความเสียสละ นี่กลับเป็น ครั้งแรกคนพูดกับเขา
ชนยอดไม่ที่จะคิดทบทวนถึงประโยควนไปนั้นเขาก้มหน้าดีจัง”
ดราณีรู้สึกร้อนมาทันใดที่เขาว่า จังเธอไปแซนวิสของเธอต่อไป ราวกับว่าไม่ได้ยิน
อาหารเช้าล่วงเลยไปกว่าสิบนาที ก็ยืนกรานให้ดราณีโดยสารรถเบนท์ลีย์คันหรูของเขา
นายน้อย ไปบริษัทหรือครับ” ขับรถถามด้วยความ
สุภาพ
ชนัยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ไปโรงเรียน ไปส่งเธอก่อน
“ครับ”
นี่ไม่ครั้งแรกเราณีนั่งของเขา แม้แต่คนพบ กันจะได้ยินพวกทั้งสองพูดถึงตัวเอง เธอก็ได้รู้สึกอายอะไร
ความคุ้นเคยเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ เมื่อคุณไม่ทันรู้ตัวมันก็ บุกเข้ามาอย่างเงียบๆ
เธอมองออกไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ใจคราณีนึกถึงสิ่ง หนึ่ง “ใช่แล้ว วันนี้คุณออกไปข้างนอกได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นวัน พรุ่งนี้ฉันก็ไม่ต้องมาดูแลคุณแล้ว”
แผลบนร่างกายของเขาดีขึ้นแล้วเจ็ดแปดส่วน เมื่อวาน ตอนทายาให้คราณีก็เห็นแล้ว ไม่เหลือร่องรอยแผลเป็น ครีม นั้นมีประโยชน์มากจริงๆ
ขณะนั้นชนัยกำลังดูตลาดในแท็บเล็ตอยู่ ทันใดที่เขา ได้ยินประโยคนั้น ความคิดเอาก็หยุดชะงัก “ทำไมล่ะ”
“ก็คุณสบายดีแล้ว”
“ใครบอก”
ดราณีรู้ว่าคนคนนี้กำลังจะเล่นขี้โกง “คุณอย่าทำตัว
ไม่มีเหตุผล”
ชนัยสีหน้าไม่เป็นสุข น้ำเสียงจริงใจมาก “ผมยังไม่ดีซะ หน่อย ยังไม่หายดีเลยจริงๆ
“แผลคุณตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและขบคิด จึงพูดขึ้นว่า “ถึง แม้ว่าเนื้อหนังผมจะหายดีแล้ว แต่ว่าบาดแผลในใจนั้นยังไม่ หาย ไม่ต้องดูแลก็ได้ แต่ผมต้องการให้คุณอยู่เป็นเพื่อน
ฟังเขาพูดไม่กี่คำดราณีก็รู้สึกโมโหขึ้นมาและตะโกนชื่อของเขา “ชนัย
“คุณดูตัวเอง ว่าจริงจังขนาดไหน” ชนยอดไม่ได้ที่จะ ถอนหายใจและหันไปถามคนขับรถที่อยู่ด้านหน้า “ลุงครับ ผมพูดความในใจของผมแล้วทำไมหล่อนยังไม่เข้าใจอีกครับ
ลุงยิ้มและให้ความร่วมมือกับเขา “คุณดราณีครับ คุณ ชนัยไม่อยากทิ้งขว้างคุณ เขาแค่อยากจะพบคุณตลอดเวลา เพราะคิดถึงคุณมากเท่านั้นเอง”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ