ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน651ท่าทีที่จะฟื้น



ตอน651ท่าทีที่จะฟื้น

ตอนที่651ท่าทีที่จะฟื้น

เขากลัวว่าคุณท่านจะไม่ได้ยินก็เลยเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น

คุณท่านฟังจบก็ทำเพียงส่ายหัวเพราะมีหลอดอาหารก็เลย ไม่สะดวกที่จะพูดแต่เขาก็ยังพยายามที่จะส่งเสียงออกมา “ฉัน ฉันรู้หมดแล้วนายนายไม่ต้องปิดบังฉันหรอก……….

ปรัณรู้ดีว่าในใจของคุณท่านนั้นเองก็รู้แต่พอเห็นเขาพูด คำพวกนี้อย่างนิ่งๆ ในใจของเขาก็รู้สึกสงสารเหมือนกันและไม่ อยากพูดความจริงที่โหดร้ายพวกนั้นกับเขาก็เลยต้องปลอบใจ เขาอย่างเดียว คุณปู่ครับไม่ต้องเป็นห่วงนะครับทุกอย่างต้องมี วิธีถ้าตอนนี้ร่างกายรู้สึกทรมานก็บอกผมอย่าคิดมากอย่า ทําให้ตัวเองมีความกดดันนะครับ

“ฉันไม่มีความกดดัน”คุณท่านายหัวเบาๆถ้าไม่ดูดีๆก็คง ไม่รู้แต่การขยับนิดนึงนี้ก็ยากลำบากสำหรับเขาแล้ว” ในใจรู้สึก

พอได้ยินเขาพูดแบบนี้น้ำตาของปรัณก็เกือบจะไหลออก มาสุดท้ายก็กลั้นไว้จนได้ “คุณปู่อย่าพูดแบบนี้สิครับทำใจให้ สงบนะครับตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความรู้สึกในใจครับ”

คุณท่านพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรเมื่อใส่หลอดอาหารแล้ว การพูดเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากแค่เปล่งเสียงออกมานิดเดียวก็รู้สึกทรมานแล้ว

ปรัณอยู่ในห้องผู้ป่วยจนกระทั่งจริยามาถึงจะออกมาจาก

ห้อง

ในห้องก็เหลือแต่คุณท่านและนางพยาบาลที่ดูแลจิรยาไม่ กล้าเดินไกลถึงมือของเขาไว้ที่หน้าประตูตาทั้งสองของเธอก็ แดงไปหมด”หมอปรัณลูกว่าการรักษาคุณท่านไม่มีทางอื่นแล้ว จริงๆหรอ……….

ทุกคนในตอนนี้มีอาการเคร่งเครียดและกดดันเพราะ อาการของคุณท่านและจริยาก็คือคนที่ทรมานที่สุดคนที่นอนอยู่ บนเตียงนั้นคือพ่อของเธอคนที่ใกล้ชิดเธอมากที่สุด

ปรัณไม่กล้าไปสบตาของผู้หญิง ผม ครับคุณน้า” ผมจะพยายาม

พอกำลังจะพูดคำปลอบใจออกมาเขาก็ไปนึกถึงคำพูดที่ คุยกับหมอเมื่อกี้เขานั้นไม่สามารถให้ความหวังกับคนอื่นแบบ นี้ต่อไปได้ผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยมีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ ความจริง

การปกปิดของเขาจะทำให้พวกเขายังรับไม่ได้กับความ

จริง

พอคิดได้แบบนี้เขาก็เลยเปลี่ยนค่าพูดเป็นแบบอื่น แทน “คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้พยายามอยู่ครับแต่ว่าผลสรุปจะ เป็นยังไงตอนนี้บอกได้เพียงว่าให้ทุกคนในบ้านทำใจไว้ก่อน ครับ”
น้ำตาของจริยาไหลออกมาเป็นสายเธอปล่อยมือที่จับมือ ของเขาอยู่แล้วไปเช็ดหน้า “คุณท่านของพวกเรามีร่างกายที่ แข็งแรงมาโดยตลอดลูกว่าทำไมคนดีๆแบบนี้ทำไมถึง……… เป็นแบบนี้ได้?”

“อายุเยอะแล้วแค่มีปัญหาด้านสุขภาพนิดนึงก็เป็นอาการ สาหัสแล้วครับอีกอย่างก่อนหน้านี้เรื่องที่ตรวจสุขภาพท่านเอง ก็ไม่ได้สนใจตอนนี้ระบาดมากเกินไปแล้วครับ”

“โถ…….นอกจากถอนหายใจจริยาไม่รู้ว่าตัวเองจะทำ อะไรได้อีกเธอก้มหัวลงดูเหมือนนักรบที่เพิ่งพ่ายแพ้จาก สนามรบ “น้ารู้แล้วรบกวนลูกด้วยนะต้องคิดหาวิธีให้ได้นะ……..

“คุณน้าวางใจได้ครับพวกเราจะพยายามแน่นอนครับ”

“งั้นน้ากลับก่อนนะลูกไปทำธุระของลูกเถอะ”

“ครับ”

ปรัณมองดูจริยาเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยอีกครั้งความรู้สึก ที่เคร่งเครียดของเธอนั้นขนาดมีประตูกั้นอยู่ก็ยังรับรู้ได้

เขาต้องอยู่ในสถานการณ์ระหว่างความเป็นความตาย เกือบทุกวันถึงแม้เป็นคนที่ช่วยเหลือผู้อื่นแต่ก็ต่อต้านความ เศร้าที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้

ไม่มีใครที่จะเมินเฉยเวลาที่เผชิญกับความเป็นความตาย มีแต่พยายามไม่ไปคิดมากบอกตัวเองว่าคนเราเกิดมาก็ต้อง ตายมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ปรักที่ยืนอยู่หน้าห้องนานก็หันหลังกลับไปเขากลับไปที่ ห้องทํางานของตัวเองในโรงพยาบาลที่กว้างใหญ่มีแต่พื้นที่ เล็กๆ ที่เป็นของเขา โดยเฉพาะ

เขาสามารถปลดปล่อยตัวเองได้ในที่นี้แบบไม่ต้องคิด อะไรมากเป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่เป็นตัวของตัวเอง

แต่การสบายแบบนี้อยู่ได้ไม่นานเพราะวินาทีต่อไป โทรศัพท์ของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น

ติ๊ดๆ

ปรัณยื่นมือไปรับสายเสียงของเขาที่เปล่งออกไปเต็มไป ด้วยความเหนื่อยล้า มีอะไร?

“ผู้อำนวยการปรับครับเมื่อตอนที่พวกเรามาตรวจคนไข้ พบว่ามือซ้ายของคุณชีวภาขยับเหมือนเธอเริ่มได้สติแล้วคุณรีบ มาดูก่อนครับ!”

ความเหนื่อยล้าของปรัณหายไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขารีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เอาเสื้อขาวของตัวเองแล้วเดินออกไป ข้างนอก “สังเกตการต่อไปฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้

ตอนที่พูดยังเดินช้าอยู่แต่หลังจากนั้นก็เดินไวขึ้นเป็นครั้ง แรกที่ปรัณวิ่งเร็วที่สุดในโรงพยาบาลตอนที่ถึงห้องพักของชีว ภา ใช้เวลาไม่ถึง3นาที

ในห้องเต็มไปด้วยหมอและนางพยาบาลที่เกี่ยวกับเรื่องนี้
ปรัณไม่มีเวลาสนอย่างอื่นเขาฝ่าผู้คนจากด้านหลังเดินมา ทางด้านหน้าสุด

“ผู้อำนวยการปรักคุณมาแล้ว…….”ดุลยาเห็นมีคนมาเยอะ ขนาดนี้เธอก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายตอนที่เธอเหมือนกำลังจะ พูดอะไรก็เห็นปรัณยกมือขึ้นก่อน “คุณป้ารอสักครู่นะครับเดี๋ยว ผมดูอาการคนไข้ก่อนครับ”

ดุลยารีบหลีกไปข้างๆ “okok!”

ปรัณไม่พูดอะไรต่อรีบไปเปิดหนังตาของชีวภายังเป็น สภาพที่หลับอยู่เขาดูอย่างละเอียดก็ไม่มีอะไรผิดปกตินอกจาก คลื่นสมองมีความแรงมากกว่าเดิมที่เหลือก็ปกติ

“ใครเป็นคนเห็นมือของเธอขยับ?”ปรัณยืนตรงแล้วถาม หมอข้างๆ

มีผู้ชายคนหนึ่งที่อายุน่าจะ30กว่าๆ ยกมือขึ้น”ผมเอง

“ช่วยเล่าเหตุการณ์ในตอนนั้นให้ฟังหน่อย”

ครับ”

“ตอนนั้นผมมาตรวจห้องตอนแรกอยากจะดูสุขภาพของผู้ ป่วยแต่ไม่คิดว่าตอนที่เข้าใกล้มือก็เห็นนิ้วชี้มือซ้ายขยับถึงแม้ จะไม่ขยับเยอะแต่ผมแน่ใจว่าผมไม่ได้ตาฝาดมันขยับจริงๆ

เขาเหมือนจะตื่นเต้นไม่ได้พูดถึงประเด็นสำคัญปรณขมวด คิ้ว“ขยับยังไง?”

ผู้ชายคิดสักแป๊บแล้วยกมือของตัวเองขึ้นคิดไปด้วยท่าท่าไปด้วย แบบนี้แหละครับ

เขาเอานิ้วทั้งห้าวางราบแล้วตั้งนิ้วชี้ขึ้นมาจากนั้นก็กลับไป ที่เดิมอย่างรวดเร็วถ้าจะพูดว่าขยับพูดว่ากระตุกคงจะถูกกว่า แต่ไม่ว่าจะดิ้นหรือขยับสำหรับปรัณแล้วเป็นข่าวดีทั้งนั้น

ถ้าคลื่นสมองเธอไม่ผิดปกติก็หมายความว่าร่างกายเธอ แค่กระตุกแต่ถ้าคลื่นสมองผิดปกติบวกกับมือกระตุกอาจจะ เป็นการบ่งบอกว่าเธอจะฟื้นแล้วงั้นก็หมายความว่าเธอมีสติ กลับมาในช่วงเวลาสั้นๆ

“ดีมากนายตรวจต่อเลย โดยเฉพาะภาพแสดงคลื่นสมอง ต้องตรวจให้ละเอียดและเชื่อมไปที่จอภาพของพยาบาลถ้ามี อาการแบบนี้อีกต้องรายงานขึ้นไปทันที” ปรัณพูดจบหันไปมอง หมอที่อยู่ข้างๆ ไปเถอะไปพูดคุยเรื่องแผนการใหม่ดูท่าทีแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ควรจะปรับใหม่แล้ว”

ดุลยาที่อยู่ข้างๆยังงงๆอยู่ก็เลยถามไปว่า “ผู้อำนวยการ ปรับคะคุณหมายความว่าชีวภานั้นมีสติแล้วใช่ไหมคะ?”

“เป็นสติชั่วคราวครับแต่แบบนี้เหมาะสมกับการรักษาที่จะ ตามมามากคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนี้เป็นเรื่องดีครับ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ