ตอน620เวลาของคุณปู่เหลือไม่มากแล้ว
ตอนที่ 620 เวลาของคุณปู่เหลือไม่มากแล้ว
ความจริงพิสูจน์แล้ว ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเพียงสั้นๆ ไม่ สามารถเกิดได้นาน สุขภาพของคุณนั้นหนักหนาสาหัสกว่าที่ จินตนาการไว้มาก เรื่องนี้ตระกูลจิระพงษ์ไม่ได้บอกใคร มีเพียง คนในบ้านเท่านั้นที่รู้
ถ้าให้คนอื่นรู้ ประตูห้องคนไข้บานนั้นคงถูกกระชากออก
วันต่อมาหลังจากอาการคงที่แล้ว คุณหมอก็ทำการตรวจ ร่างกายทั้งหมดของคุณปู่ ตรวจเสร็จก็เรียกจริยาและเตชิต เข้าไปในห้องทํางาน บอกอาการป่วยอย่างละเอียด
“นี่คือภาพฟิล์มที่พวกเราถ่ายมาได้ หัวใจของคุณมี หลอดเลือดสองเส้นตันอยู่ ทั้งหมดเป็นหลอดเลือดสำคัญ มีผล ต่อร่างกายอย่างมาก ต้องทำการผ่าตัดเปิดหลอดเลือดออก แต่ผมต้องบอกพวกคุณให้ชัดเจนว่าคุณปู่อายุมากแล้ว ถ้าได้ รับการผ่าตัด มีอัตราส่วนเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นเท่านั้น
“ยี่สิบ?” พอจริยาได้ยินตัวเลขก็หน้าซีด “นี่ นี่มันไม่น้อย ไปหรอคะ……
คุณหมอก็ทำหน้าหมดหนทาง “ครับ ปกติความเสี่ยงของการผ่าตัดก็มากกว่าหกสิบเปอร์เซ็น พวกเราเลยต้องแนะนำให้ คนในครอบครัวตัดสินใจกันว่าจะดำเนินการผ่าตัดไหม
ในอีกความหมายก็คือ อัตราส่วนยี่สิบเปอร์เซ็นนี้ ที่จริงไม่ ต้องพิจารณาว่าจะให้ผ่าตัดหรือไม่แล้ว
เตชิตนั่งฟังอยู่เงียบๆ จู่ๆก็ถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าไม่ทําการผ่าตัดต้องทำยังไงบ้างครับ?”
“ถ้าไม่ผ่าตัดก็ต้องพึ่งการควบคุมจากยา แต่ตอนนี้การอุด ตันของหลอดเลือดค่อนข้างรุนแรง ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คนไข้ก็จะ ไม่สามารถลงจากเตียงได้” คุณหมอพูดไป ก็ยกมือขึ้นไปที่ ฟิล์มขาวดำบนหน้าจอ “ดูนะ การอุดตันของหลอดเลือดสองขัง นี้ทำให้การไหลไม่ราบรื่น และลิ้นหัวใจก็จะเกิดปัญหา เกิดการ ตายของเนื้อเยื่อในพื้นที่เล็กๆ คุณไม่ได้ป่วยมาแค่วันสองวัน ถ้ามาเร็วกว่านี้ก็จะดีหน่อย ตอนนี้พลาดการรักษาที่ดีที่สุดไป แล้ว”
ช่วงเวลาของการผ่าตัดและอาการป่วยที่ดีที่สุด พลาด คือพลาดไปแล้ว ไม่ว่าฝีมือคุณหมอจะดีขนาดไหน เชี่ยวชาญ ขนาดไหน ก็ไม่มีพลังวิเศษ สุขภาพร่างกายกำลังย่ำแย่ ไม่ สามารถรับไหว
คุณหมอพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน แต่เนื้อหาไม่ได้อ่อนโยน ตาม สุขภาพร่างกายของคุณอยู่ในระยะที่รุนแรงอย่างมาก ความเป็นไปได้ในการรักษาก็เป็นที่รับได้เท่าไหร่
จริยาเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายของคุณหมอ แต่เตชิตเข้าใจแล้ว เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปมองผู้หญิงข้างๆ “แม่ครับ แม่ออกไปก่อน ขอผมคุยกับคุณหมอเป็นการส่วนตัว สักนิต”
จริยาไม่ขยับ “มี มีอะไรที่ฉันฟังไม่…….
เตชิตเพียงพูดว่า “แม่ฟังผมเถอะนะครับ
จริยาเห็นเขายืนกราน ดวงตายากที่จะเข้าใจเต็มไปด้วย ความจริงจัง ภายในใจมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี แต่ทำได้เพียง ลุกขึ้นออกจากห้องไป
ด้านนอกห้อง นัชชายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นจริยาเดินออก มาก็รีบเข้าไป “คุณแม่คะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
เธอกลัวว่าจริยาจะได้ยินคำตอบที่ไม่ดี จึงตั้งใจรออยู่นอก
ห้อง ตอนนี้เห็นเธอเดินออกมา สายตาก็มองไปที่ประตูที่ปิด
สนิทอย่างไม่รู้ตัว
จริยา โบกมือปัด “ไปเถอะๆ……
ภายในห้อง
เตชิตก็ไม่ได้เลี่ยง แล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “อาการ แบบนี้ของผมจะสามารถซื้อได้นานเท่าไหร่ครับ
ประโยคเดียว เป็นหมอมาเกือบยี่สิบปีได้รับคำถามแบบนี้ คนในครอบครัวน้อยคนที่จะพูดประโยคนี้ในเวลาอันสั้น ชาย คนนี้ค่อนข้าง…….อดทน
“อย่างน้อยเดือนกว่า อย่างมากครึ่งปี
คุณหมอพยายามบอกเวลาที่ไม่สาหัสจนเกินไป แต่เตชิต ฟังแล้วก็รู้สึกไม่ดีเหมือนเดิม หนึ่งเดือน แปลว่าก็อยู่ใน อันตรายตลอดเวลา ไม่รู้ว่าอันตรายนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่
ไม่สามารถรับการรักษาได้ก็หมายความว่า โรคนี้ไม่มี ความเป็นไปได้ที่จะดีขึ้นอีกต่อไป ผลสรุปที่ดีที่สุดคือการรักษา ไว้เหมือนเดิม
คุณเป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง ถ้าให้รู้ว่าเขาต้องใช้ชีวิต นอนอยู่บนเตียง เขาคงไม่อยากใช้ชีวิตครึ่งปีนี้
มนุษย์ก็เป็นแบบนี้ หนีไม่พ้นความตายและการกลัวที่จะ
ตาย
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เตชิตก็ไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ เขา แสดงออกมาอย่างมีเหตุผล แต่ในใจก็โน้มน้าวตัวเองไม่หยุด ว่าต้องมีทาง ทุกอย่างต้องเป็นไปได้
นัยน์ตาดาสนิทค่อยๆปิดลง นานสักพักกว่าจะถอนหายใจ ออกมาอย่างหนักหน่วง “เรื่องนี้อย่างเพิ่งบอกคุณปู่ผมนะครับ ให้ผมพูดเอง คุณหมอต้องเก็บเป็นความลับ
คุณหมอพยักหน้ารับปาก “ถ้าเป็นคำขอของคนใน ครอบครัว พวกเราก็จะทําตามครับ”
หลังจากเตชิตออกมาจากห้องทำงานก็ไม่ได้กลับไปที่ห้อง ผู้ป่วยในทันที แต่ไปที่ห้องผู้อำนวยการ ปรัณกำลังดูเอกสารการรักษาของชีวภา เห็นเขาเข้ามาก็ประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ “เป็นอะไรหรอ?”
เตชิตเกือบจะล้มตัวลงไปบนโซฟา มองเพดานบนศีรษะ ปวดตาหน่อยๆจากแสงสีขาวที่แยงเข้ามา “ไม่ค่อยดี เหลือ เวลาไม่มากแล้ว”
มือของปรณที่กำลังพลิกเอกสารอยู่ชะงักขึ้นมา ไม่ได้คาด หวังว่าจะได้รับผลสรุปแบบนี้ “อะไรนะ?”
“อืม” เตชิตพูดไปขอบตาก็แดงขึ้นอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาบัง
สายตา “เป็นอย่างที่นายคิด
ภายในห้องเงียบขึ้นมาชั่วขณะ ปรัณอ้าปากแต่พูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าจะพูดปลอบผู้ชายคนนี้อย่างไร
ฉับพลันเกินไป ใครจะไปคิดว่าคุณปู่จู่ๆก็ทรุดฮวบ ใครจะ
ไปคิดล่ะ?
“หลิวหลินเป็นคนดูแลการผ่าตัดใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปคุยกับ เขาหน่อย ให้เขาหาทาง…….
“ไม่มีประโยชน์” เตชิตแทรกคำพูดเขา น้ำเสียงเศร้าและ ไร้เรี่ยวแรง “เนื้อเยื่อหัวใจของคุณปู่บางส่วนตายแล้ว นอกจาก เปลี่ยนอันใหม่ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเข้ากันได้ไหม คนอายุเก้าสิบ ปีทนความทรมาณไม่ไหวหรอก
ปรัณหงุดหงิดในใจ ลุกขึ้นมาจากที่นั่งแล้วเดินมาข้างเขา มองผู้ชายที่นอนตัวอ่อนพิงโซฟาด้วยสีหน้าซับซ้อน “เต“นายไม่ต้องมาโน้มน้าวฉัน ฉันรู้แล้ว” น้ำเสียงของเขาถูก ความเครียดกดทับจนเจ็บปวด ไม่ต้องพูดอะไร ฉันแค่คิดว่า มาอยู่ที่นี่แล้วจะรู้สึกโอเคขึ้นบ้าง
กลับไปที่ห้องผู้ป่วย ได้เห็นคนที่นอนให้สายน้ำเกลืออยู่ หัวใจเขาต้องบีบรัดจนรู้สึกแย่
ปรัณรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น หลายปีมาแล้ว นอกจากช่วงปีที่หารัชชาไม่พบ ก็ไม่ได้ยินเขา พูดอะไรอ่อนแอออกมา ตอนนี้เป็นประโยคแรกที่ได้ยินกับหู ใน ฐานะพี่ชายก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าเขา
เขาไม่ต้องการคำปลอบโยน เขาเลยไม่พูดแล้ว ประโยคที่ พูดกว่าเกิดแก่เจ็บตายพูดไปพูดมา ทุกคนก็รู้หลักเหตุผลดี แต่ พอเอาเข้าจริงแล้ว เมื่อเจอเข้ากับคนในครอบครัว เป็นใครก็ ทําใจไม่ได้
เขาทำได้เพียงอยู่ข้างเขา อยู่เป็นเพื่อนเขาเงียบๆ รอเขา ยอมรับความจริง รอให้เขาได้ลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง
แต่มีเพียงประโยคเดียว ที่เขาต้องพูดออกไป “เตชิต นาย
ยังมีภรรยากับลูกนะ”
เส้นทางชีวิตของมนุษย์แม้จะเหนื่อยยากลำบาก เขาก็ยัง หาคนที่จะเดินไปด้วยกันได้ ในจุดนี้ ปรัณจำเป็นต้องบอกเขา เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ