ตอน619คุณปู่หัวใจวายเฉียบพลัน
ตอนที่ 619 คุณปู่หัวใจวายเฉียบพลัน
แม้ว่าเตชิตจะไม่ได้พูดมาก แต่พอได้ฟังพวกเขาพูดคุยกัน อย่างตั้งใจ สายตาของผู้อาวุโสทั้งสองส่วนใหญ่อยู่ที่นัชชา สามารถมองเห็นความรักใคร่ภายในใจ
แป๊ปเดียวก็ถึงเวลาทานอาหาร คนใช้ภายในบ้านได้ เตรียมอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว อายุปูนนี้แล้ว มีอาหารมากมายที่ ทั้งสองทานไม่ได้ แต่ก็ยังทำอาหารเต็มโต๊ะเพื่อพวกเขา
มีทุกรสชาติ อุดมสมบูรณ์มาก และให้พวกเขาเลือกพื้นที่ที่ ชอบ เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้นัชชาเก็บไว้ในใจทั้งหมด
“นัชชาลูก ได้ข่าวว่าท่ซื้อร้านดอกไม้ใหม่ เป็นยังไงบ้าง? เหนื่อยไหมลูก?” คุณปู่จู่ๆก็ถามขึ้น
นัชชากรายงานอย่างจริงใจ “ตอนนี้เพิ่งเริ่มค่ะ อยาก ทำให้เป็นรูปแบบเครือเดียวกันทั้งประเทศ เอกสารรายละเอียด กำลังเตรียมการ ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ อธิบายกับเตชิตว่าไม่ เหนื่อยสิคะถึงเรียกว่าเหนื่อยจริง
พอพูดออกไป ทุกคนก็หัวเราะกันออกมาโดยไม่ได้นัด หมาย แม้แต่คุณปู่ที่ไม่ค่อยหัวเราะก็อดพูดไม่ได้ “ฉันว่าไม่นาน หรอก หนูจะได้เป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว เจ้าเตชิตจะต้องเลี้ยง ลูก!”
เตชิตที่กำลังเอาตะเกียบตกปลาชะงัก “คุณครับ พูด อะไรเนี่ย อูฐที่ผอมตายยังใหญ่กว่ามานะครับ
“แกฟัง นี่แกพูดเรื่องอะไร” คุณปู่ส่ายหน้าอย่างหมด หนทาง กำลังจะยกแก้วบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม พอยื่นมือออกไป จู่ๆ หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมา
คุณปู่วางแขนลงทันที ความเจ็บไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่ม ขึ้นรุนแรง
ความเจ็บจากหน้าอกแพร่เข้ามา ผ่านหลอดเลือดเข้ามาสู่ แขนขา เพียงครู่เดียวแขนเขาก็แข็งที่อไป แค่จะงอแขนก็ทำไม่
ได้
นัชชาที่อยู่ข้างกายเป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามออกไป “คุณปูเป็นอะไรคะ?”
พอพูดจบ ก็เห็นร่างคุณปู่ที่หันมาข้างๆ อย่างไม่มั่นคง ดวงตาเบิกกว้าง แต่ไม่มีเสียงใดออกมาจากริมฝีปาก
ทุกคนก็ลุกขึ้นมาจากที่นั่งในทันที แล้ววิ่งไปทางนั้น
จริยามองเตชิตด้วยใบหน้าซีดเซียว “รีบเรียกรถพยาบาล
เร็วเข้า!”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งครอบครัวก็ขึ้นรถพยาบาลไปถึงโรง พยาบาลประจำตระกูลของปรัณ ปรัณได้เตรียมการรักษา ฉุกเฉินและเตียงผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว
จากอาการของคุณปู่แล้ว เป็นอาการของหัวใจวาย คุณปู่ ถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินทันที มีเพียงไฟสีแดงที่ส่องสว่างอยู่เหนือ ศีรษะ
สามีของจริยาก็รีบมา ทุกคนระหว่างที่กรอกข้อมูลอย่าง กังวล มีเพียงเตชิตที่มีใบหน้าเย็นชา นัชชารู้ว่าไม่ใช่เขาไม่ กังวล แต่เขาแกล้งทําเป็นใจเย็น กังวลว่าจะกลัวจนขีดสุด เขา เลยแกล้งเกร็งขึ้นมา
เธอเดินไปข้างเขา กุมมือใหญ่ที่เย็นเฉียบนั้น แม้ว่าจะยึด แต่ก็ยังปลอบเขา “มันจะโอเค”
เขายังไม่พูดอะไร แต่กุมมือเธอให้กระชับขึ้น
“คนที่ปกติดูแข็งแรง จู่ๆทำไม…….. จริยาก้มหน้าร้องไห้ อยู่บนเก้าอี้ยาว พูดได้ครึ่งเดียวก็พูดไม่ออก
กลายเป็นยิ่งเงียบและหดหูกว่าเดิม
นัชชาเห็นเตชิตเม้มปากแน่น เส้นเลือดที่คอเขาปูดขึ้นมา เล็กน้อย อ้าปากออกมาสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ทุกคำพูดตอน นี้ถูกกลืนลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
รอเวลานานมากจนทนไม่ไหว ขณะที่ความอดทนจะหมด
ลง ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกอีกครั้ง
คุณหมอที่เกี่ยวข้องนำออกมายังไม่ทันจะหยิบกระเป๋า จริยาและเตชิตก็รีบพุ่งเข้าไป “เป็นยังไงบ้างคะ?
“พ้นขีดอันตรายเพียงชั่วคราวครับ ตอนแรกดูแล้วเป็นอาการหัวใจวาย มีหลอดเลือดสองเส้นอุดตัน รายละเอียดต้อง รอให้คนไข้ตื่นขึ้นมาแล้วตรวจกันอีกทีถึงจะรู้ครับ” คุณหมอ ถอดผ้าปิดปากออก แล้วอธิบายอย่างเป็นแบบแผน “พวกคุณ ไม่ต้องกังวล รอให้คนไข้ฟันก่อนนะครับ
จริยารีบพยักหน้า “ได้ค่ะ! ลำบากคุณหมอหน่อยนะคะ “ไม่เป็นไร มันคือหน้าที่ผมครับ
คุณหมอพูดเสร็จก็ออกไป ไม่นานนัก คุณก็ถูกเข็นออก มา หลังจากย้ายไปที่ห้องผู้ป่วย VIP เห็นร่างกายผอมแห้งใต้ ผ้าห่ม เทียบกับลักษณะชราวัยของคุณโดยปกติแล้ว แบบนี้ ยิ่งทําให้รู้สึกเศร้า
ปีนี้คุณปู่อายุเก้าสิบปีแล้ว ถือว่าอายุยืนมาก แม้ว่าจะมี ป่วยออดๆแอดๆบ้าง แต่จิตวิญญาณของคุณปู่ยังคงไม่เลวอยู่ ตลอด วันนี้หัวใจวายเฉียบพลัน ทุกคนก็ไม่คาดคิด
“แม่คะ ทุกปีพ่อตรวจสุขภาพสองครั้งใช่ไหมคะ ปัญหา โรคหัวใจทำไมพ่อแม่ไม่เคยพูดถึงเลย?” จริยาถามหญิงชรา ข้างกาย
เห็นพ่อแม่ในครอบครัวทรมาณแบบนี้ ใจเธอรับไม่ไหว น้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา “แม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องทางการแพทย์ หรอกนะ ทุกครั้งที่ถามเขาก็บอกไม่เป็นไรๆ ใครจะไปคิดว่า โรคจะกําเริบรุนแรงขนาด
ไม่ว่าตอนเด็กจะฉลาดแค่ไหน พอแก่ขึ้นก็จะเลอะเลือนไม่ น้อย โดยเฉพาะหลังจากที่ลูกๆแต่งงานออกไปหมด อยู่ในบ้านหลังใหญ่โต มีแม่บ้านพ่อครัว แต่ก็แค่ใช้เงิน มีไม่กี่คนที่เป็น ห่วงสุขภาพร่างกายของคนชราจริงๆล่ะ
เตชิตไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแต่จ้องไปที่ร่าง ชายชราที่นอนอยู่บนเตียง นัชชากำลังจะพูดอะไร จู่ๆเขาก็หัน หลังออกจากห้องไป
เธอนิ่งไปเล็กน้อย รู้ว่าเขากำลังรู้สึกแย่จึงรีบตามเขาไป
เตชิตเดินไปที่เขตปลอดภัยข้างหน้าต่าง ยกมือขึ้นเปิดมุ่ง ลวดหน้าต่างออก จุดบุหรี่แล้วรีบพ่นออกมา แขนวางอยู่ข้าง หน้าต่าง เลอะฝนก็ไม่ได้สนใจสักนิด เหมือนกับสติไม่อยู่กับ เนื้อกับตัว
นัชชาให้เวลาเขาสูบบุหรี่ รอเขาสูบเสร็จเงียบๆแล้วเดิน เข้าไปหา เกร็งคออยู่นานกว่าจะพูดออกไปสามพยางค์ “โอเค ไหม?”
“อืม” เขาพูดเสียงทุ้มต่ำขึ้นจมูกออกมา
นัชชาฟังออกว่าไม่ได้โอเค แต่เป็นผมไม่โอเคอย่าง
ถ่องแท้
“เตชิต อายุคุณปู่กขนาดนี้แล้วร่างกายต้องมีรับไม่ไหว บ้าง อย่าโทษตัวเองเลย ไม่ต้องโทษใครทั้งนั้น
ไม่โทษเขาหรอ?
เตชิตมองควันขาวที่พัดไปตามลม ตั้งแต่ถึงโรงพยาบาล แล้วหมอบอกว่าหัวใจวาย เขาก็พูดอะไรภายในใจออกมาไม่ได้เลย
เขารู้ว่าทุกคนบนโลกใบนี้ ไม่มีใครหนีภัยไข้เจ็บพัน แต่
พอมานึกดูแล้วช่วงนี้เขาก็ไม่ได้สนใจและเป็นเฉยคนใน ครอบครัว เขาจึงรู้สึกไม่ดีในใจ เหมือนกับว่าเพิกเฉยต่ออายุพวกเขา พอใจในวัตถุ แต่ลืม
ห่วงใยพวกเขา
เรื่องพวกนี้เมื่อสิบปีก่อนไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่สิ่งที่เพิ่ง เกิดขึ้นฉับพลัน เหมือนระเบิดมากมายได้โถมใส่เขา
“เขาเป็นผม” นานอยู่สักพักกว่าเขาจะเปิดปากแห้งผาก พูดออกมาหนึ่งประโยค
นัชชาเจ็บปวดใจที่สุด เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป โอบกอด
ผู้ชายที่เศร้าเสียใจและโทษตัวเองตรงหน้าทันที “ฉันรู้ ฉันรู้ค่ะ” “ไม่ คุณไม่รู้หรอก” ดวงตาเรียวลึกค่อยๆปิดลง “ช่วงปีนี้
เหมือนเขากำลังคิดจะพูดอะไร แต่คำพูดก็กลืนลงไปอีก ครั้ง ราวกับว่าในลำคอมีอะไรกั้นไว้ ทำให้เขาพูดออกไปไม่ได้
เขารีบก้มศีรษะที่หยิ่งผยองลงไป ถึงจะทำแบบนี้นัชชาก ยังเห็นขอบตาแดงก่ำของเขา
ยังไงก็เป็นคนในครอบครัว สายเลือดที่ไม่สามารถแยก จากกันได้ ทำให้เขาไม่สามารถ ใจเย็นได้ เขาตื่นตระหนกมาก กลัวมาก กลัวว่าคุณจะนอนแบบนี้ตลอดกาล กลัวว่าคนที่อยู่ในชีวิตมาตลอดจู่ๆก็หายไปจริงๆ
นัชชากอดเขาไว้แน่น พูดออกไปโดยที่แม้แต่ในใจเธอ ลึกๆก็ไม่มั่นใจ ไม่ต้องคิดแล้ว คอยอยู่ข้างๆคุณก็พอแล้ว ทุกอย่างจะดีแน่นอน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ