ตอน610ระเบียบของชายสูงวัย
ตอนที่ 610 ระเบียบของชายสูงวัย
การดื่มเหล้าที่นับไม่ได้ว่าเป็นการดื่มเหล้า จบด้วยการที่ ไวทย์เมาสลบไป ในระหว่างเดินทางกลับ ในรถเงียบเชียบ มี แต่เสียงหายใจมาจากหนุ่มน้อยที่นั่งข้างคนขับ
กลิ่นเบียร์ลอยอยู่ระหว่างคนทั้งสอง ในรถที่ปิดสนิทเริ่มมี ความกดดันขึ้นมา ชนุดมลดกระจกประตูด้านข้างของเขาลง เล็กน้อยให้สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดเข้ามาในรถ
ตามจริงเขาไม่ควรขับรถในขณะที่เมาแบบนี้ แต่อารมณ์ ในตอนนี้เขาไม่อยากเรียกคนขับรถมาช่วยขับให้ จริงๆแล้ว เขาแค่ไม่ต้องการให้คนอื่นมาทำลายความสมดุลในจิตใจของ เขาในตอนนี้
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็กหนุ่มอายุแค่สิบแปดแต่ต้องบอก ว่าหลังจากที่ได้พูดคุยกับไวทย์แล้ว ทำให้เขาผ่อนคลายลง มาก
เขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะประกาศความสัมพันธ์ของเขา กับชีวภาให้คนอื่นรู้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่สะดวก บอกกับน้อง ชายที่รักของเธอก็ยังดี
โชคดีที่หนุ่มน้อยคนนี้ไม่ได้ตำหนิอะไรเขา
ชนุดมขับรถกลับมาที่โรงพยาบาล ก่อนลงจากรถ เขา ปลุกไวทย์ให้ตื่น เห็นได้ชัดว่าหนุ่มน้อยหลับจนงัวเงีย พูด อะไรก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี บอกให้ลงรถก็ลงรถอย่างว่าง่าย บอก ให้เข้าไปในลิฟต์ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
สุดท้ายชนุดมก็จัดที่ให้เขาพักอยู่ในห้องถัดจากคนพัก คนไข้ เกิดมาสามสิบกว่าปีเขาไม่เคยดูแลใคร ความอ่อนโยน มีให้แต่นัชชากับธีมนต์ ตอนนี้เขาต้องมาดูแลเด็กหนุ่มมันยาก สําหรับเขานิดหน่อย
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มทิ้งตัวนอนลงบนเตียง เขาก็เอาผ้าห่มที่ อยู่ข้างๆตัวห่มให้ แล้วก็เดินออกไปจากห้อง คืนนี้ชนุดมต้องกลับไปประชุมที่บริษัทอีกรอบ เพราะความ
แตกต่างเรื่องเวลา ทางด้านต่างประเทศมีประชุม ตอนที่ผ่าน
ห้องพักของชีวภาเขาหยุดฝีเท้า มองผ่านกระจกประตูเข้าไป
คิดไม่ถึงว่าดุลยาไม่อยู่
ในห้องที่ว่างเปล่ามีเพียงร่างเล็กๆที่นอนอยู่บนเตียง เขา ขมวดคิ้ว ควบคุมแรงมือค่อยๆปิดประตูเบาๆเข้าไป แม้ว่าเขา จะรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว แต่ด้วยความคิดส่วน ลึกกลัวว่าจะรบกวนเธอ
ในห้องไม่ได้เปิดไฟ มีแต่แสงสว่างจากจอแสดงผลตรงหัว เตียงเท่านั้น แสงสลัว ชนุดมนั่งบนเก้าอี้พับสำหรับเฝ้าไข้ ใน แววตาของเขาเต็มไปด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนของเธอ
ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีเวลานั่งมองหน้าเธอแบบนี้เลย เขาเริ่มปวดใจขึ้นมา สีหน้าของเธอดูเหมือนจะอิดโรยกว่าแต่ก่อน ใบหน้าซีดจนแทบจะโปร่งใส ไม่มีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ
ชีวภา ในตอนนี้ช่างแตกต่างจากครั้งแรกที่เห็นเธอราวฟ้า กับดิน เธอไม่ควรจะต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ใบหน้าส่วนใหญ่ของชายหนุ่มถูกซ่อนอยู่ในความมืดมิด ทำให้ดูห้าวหาญมากขึ้น คนที่ดูทะมัดทะแมงกับงานในช่วง กลางวันพอตกกลางคืน นั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้ ลอกคราบนัก ธุรกิจออก เหลือเพียงความโดดเดี่ยวที่ไม่อาจบรรยายได้
บางทีอาจเป็นเพราะกลางคืนมืดมิดเกินไป หรืออาจเป็นเพ ราะรอบๆตัวเงียบจนเกินไป ในสมองก็มีคำถามเกิดขึ้นอย่างไม่ ได้ตั้งใจ
ถ้าหากตอนนั้นเขาไม่พบกับชีวภา เขาจะอยู่ในสภาพนี้
หรือ?
หลังจากออกจากเมือง | กลับไปที่อังกฤษ ทำในสิ่งต่างๆ อย่างที่เคยทำบนถิ่นของเขา ก็คงจะไม่คิดอยากจะไขว่คว้า ความสัมพันธ์แบบนี้หรอกมั้ง
สำหรับเขาไม่เคยเชื่อความรักเลย จนได้พบกับนัชชา แต่เสียดายที่ผู้หญิงคนนั้นมีคนรักในใจเสียแล้ว และมี ครอบครัวแล้ว เขาไม่เคยได้รับความรักจากเธอเพราะฉะนั้นก็ คงไม่อาจพูดได้อย่างเต็มปากว่าสูญเสียเธอไป เพียงแค่รู้สึกถึง ความว่างเปล่าเท่านั้น
เหมือนหัวใจถูกควักไป ลมอันหนาวเหน็บถาโถมอยู่ในสมองของเขา
ในเวลานั้นเอง สวรรค์ลิขิต ให้เขาเจอกับชีวภา ที่
บาร์เหล้า เธอเอาตัวเองปกป้องเขาจากลูกกระสุนปืนที่ หน้าประตู ความบังเอิญทุกอย่างช่างน่าว่างในใจเขา
ความอาจจะสามารถพบได้ง่ายสามารถบังคับ ใครรักใครชนุดมเคยคิดว่าเขาพบ แต่ความ จริงคือเกิดขึ้นแล้ว
ถ้าชีวภาฟื้นมา พูดอะไร เขาทำอะไร?
ชนุดมเคยคิดมาก่อน เขาตั้งใจหลีกเลี่ยงจะคิดถึง คำถามปล่อยไปอีก
ไม่
นอกหน้าต่างความมืดกลืนกินทิวทัศน์ในตอนกลางวัน ทุก อย่างเงียบสงัด ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนยอดกิ่งอารมณ์ยิ่งขึ้น
ชายค่อยๆหลับตาลง พยายามอดกลั้น เก็บอารมณ์ เอาเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาค่อยๆเอนเข้าไปใกล้ โน้มกายลงจุมพิตที่ริมฝีปากที่แห้งผากของหญิงสาว
“ราตรีสวัสดิ์”
สถานที่เขามองไม่เห็น นิ้วคลอบจับสัญญาณชีพจรกระดูกที่หนึ่ง แล้วก็นิ่งไป
แวบเดียวครึ่งเดือนผ่านไป ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของ นัชชาก็หายดี ที่จริงในวันที่สามเธอก็ออกจากโรงพยาบาลได้ แล้ว จากผลตรวจสภาพร่างกายของเธอปรัณอนุญาตให้เธอ กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวที่โรง พยาบาล
หลังจากกลับถึงบ้าน เธออยากไปดูงานที่ร้านขายดอกไม้ หลังจากที่เธอวางแผนเรื่องร้านไว้กับไตรดาก่อนหน้านี้ แต่ทุก ครั้งก็มีเรื่องมาขัดจังหวะทุกที จนเธอเริ่มรู้สึกผิด ทำธุรกิจแบบ นี้กับใครเขาก็ต้องไม่ค่อยพอใจกันทั้งนั้น
นัชชาคิดว่าพักรักษาตัวที่บ้านในสัปดาห์ที่สอง เธอจะไปดู ร้านดอกไม้ คิดไม่ถึงว่าตื่นมาตอนเช้าทานข้าวเก็บข้าว เรียบร้อยกำลังจะออกไปจากประตูบ้าน ก็ถูกเตชิตหยุดไว้
“เธอจะไปไหน? ”
นัชชาถูกถามอย่างงงๆ “ฉันจะไปร้านดอกไม้ไง”
“ไม่ได้”
“??”
เตชิตพูดอย่างไม่ต้องคิด “ร่างกายเธอยังไม่หายดี
นัชชามองชายที่ยืนผูกเนคไทเองที่ตรงหน้า กัดฟัน พยายามจะไม่ใช้อารมณ์คุยกับเขา “ฉันไม่เป็นไร พี่ปรัณก็บอกว่าพักรักษาตัวแค่สัปดาห์เดียวก็พอแล้ว”
“เขาบอกว่าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ถ้าจะให้ดีต้องพักสัก สองสัปดาห์”
นัชชาพูดอะไรไม่ออก รู้ว่าเขาเป็นห่วงเธออยู่ แต่ก็ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญ “คุณไม่ให้ฉันไปทำงาน แต่คุณกลับ ไปเอง ฉันอยู่บ้านเพื่อจะตาย”
“ฉันไปประชุมกับผู้บริหารเสร็จแล้วจะกลับมาอยู่เป็น เพื่อนเธอ เธออยากทำอะไรฉันจะทำเป็นเพื่อน”
นัชชา พ่ายแพ้อย่างราบคาบ
และเพราะอย่างนี้ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ นัชชาคิดว่าใน ที่สุดเธอก็สามารถออกไปข้างนอกได้แล้ว แต่ไม่คิดว่าเมื่อคืน อาบน้ำเสร็จไข้ขึ้นนิดหน่อย ทำให้เธอโดนใครบางคนบังคับ ให้อยู่พักที่บ้านต่ออย่างไม่ฟังเหตุผล
คิดไปคิดมาเธอไม่ได้ออกไปข้างนอกเกือบครึ่งเดือนแล้ว นัชชาทนไม่ไหว ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างทันที “เตชิต คุณ หมายความว่ายังไง? ”
ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ ค่อยๆพูด “ร่างกายเธอยังไม่หายดี”
“ฉันหายดีแล้ว หาย ดี แล้ว คุณเข้าใจไหม!”
เผชิญหน้ากับอารมณ์โกรธของเธอ เตชิตเลือกที่จะมองแบบเป็นๆ “เธอมีไข้
ได้ยินคําตอบแบบนี้ เธอไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกตลก “แต่มัน ก็ไม่ได้ทำให้ฉันออกไปข้างนอกไม่ได้ ”
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ วันนี้เธอต้องอยู่บ้าน พรุ่งนี้ดีขึ้นแล้วค่อย ออกไปข้างนอก”
เธอพูดพลางลุกขึ้น กำลังจะเดินไปทางห้องรับแขก นัช ชามองไปที่ชายไร้เหตุผล ไม่ขัดขืน ไม่พูดแย้งใดๆ หันกลับเดิน ขึ้นไปห้องชั้นบน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมา
เตชิตกำลังตรวจดูตารางที่ถูกส่งมา ได้ยินเสียงที่ดังมา จากบันได ตึงๆๆๆๆ เสียงลงบันไดที่เจ้าของเสียงเต็มไปด้วย ความโกรธ เงยหน้าขึ้นมอง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นทันใด
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ