ตอน348เขามาแล้ว
ตอนที่348เขามาแล้ว
เช้าวันที่สองนัชชาตื่นมาแล้วรีบไปดูลูกที่ห้องนอนเขายัง เป็นปกติดีทั้งในด้านอารมณ์และจิตใจไม่มีอะไรเปลี่ยนไปใจ คนเป็นแม่ถึงสงบลงได้
จินต์เองก็รู้ถึงสภาพจิตใจของหล่อนตอนนี้ดีขึ้นจึงขอลา งานหนึ่งวันอยู่เป็นเพื่อนหล่อนจินต์ออกไปซื้ออาหารเช้าให้สอง แม่ลูกแต่เช้าตรู่ลูกคุณหนูที่ไม่เคยต้องมาลำบากทำงานบ้าน อย่างหล่อนกำลังต้มน้ำเต้าหู้ให้สองแม่ลูก
นัชชารู้สึกตื้นตันในสิ่งที่พ่อนทำให้จึงกล่าวขอบคุณ จินต์”พูดอะไรของเธอรีบนั่งลงกินข้าวเถอะ”จินต์พูด
สามคนกินอาหารเช้าง่ายๆเสี่ยวหลงเปาปาท่องโก๋และะ น้ำเต้าหู้จินต์ถามธีมนต์ว่าอยากจะไปเที่ยวที่ไหนในเมือง บ้าง การได้พูดคุยหัวเราะกันทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงไปบ้าง แต่บรรยากาศนี้ก็อยู่ได้ไม่นานกลับต้องถูกทำลายลงด้วยเสียง โทรศัพท์สายหนึ่ง
เป็นเบอร์ที่หล่อนไม่รู้จักหล่อนมองหมายเลขที่โทรเข้ามา พักหนึ่งก่อนจะรับสาย”สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะใช่คุณนัชชามั้ยคะ”ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิง เสียงค่อนข้างเล็กแหลมฟังดูก็พอจะเดาได้ว่าอายุยังไม่มากและพูดอย่างสุภาพมาก
“ใช่ค่ะไม่ทราบว่าคุณคือ
“ฉันฉันทยาค่ะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลดาวรุ่ง เห็นว่าคุณสนใจอยากให้ลูกเข้ามาเรียนแต่ทางโรงเรียนของ เราเปิดรับสมัครแค่ปีละสองครั้งเท่านั้นถ้ามาเรียนตอนนี้ก็คง ต้องเข้าระหว่างเทอมดังนั้น
“เดี๋ยวนะคะ”นัชชารีบตัดบทก่อนที่อีกฝ่ายจะร่ายยาว มากว่านี้”ฉันไม่เคยไปสอบถามข้อมูลเรื่องโรงเรียนคุณมาก่อน ไม่ทราบว่าคุณได้เบอร์ติดต่อฉันมาจากที่ไหนคะ”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นทำเอาฉันทยาอึ้งไปเล็กน้อย เหมือนจะพยายามเช็คให้แน่ใจว่าหล่อนไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ก่อนจะพูดต่อว่า”เป็นเบอร์โทรศัพท์ของคุณไม่ผิดค่ะแต่ชายสูง วัยท่านหนึ่งนามสกุลจิวะพงษ์ให้เบอร์นี้กับทางโรงเรียนไว้ค่ะ”
นามสกุลจิวะพงษ์
นิ้วมือทั้งห้านิ้วที่จับโทรศัพท์มือถือของนัชชาเกร็งแน่น เลือดสูบฉีดขึ้นไปที่ศีรษะก่อนจะตอบอีกฝ่ายเสียงกร้าว”ลูกฉัน ไม่ต้องการจะเข้าเรียนและก็ไม่ได้เคยมีความคิดนี้ขอบคุณค่ะ”
พูดจบหล่อนก็วางสายทันทีถึงแม้จะวางสายไปแล้วแต่ อารมณ์ของหล่อนยังคงคุกรุ่น
เมื่อวานตรวจดีเอ็นเอวันนี้เรื่องโรงเรียนผู้เฒ่าตระกูลจิวะ พงษ์ไม่เคยเห็นหล่อนสองแม่ลูกอยู่ในสายตาเลยจริงๆ
ใครเป็นคนบอกความคิดผิดๆแบบนี้กับเขากันนะคิด อยากจะทำอะไรกับลูกหล่อนก็ทํา
นัชชา โกรธจนใบหน้าแดงกล่ำบังเอิญกับเตชิตที่โทรเข้า มาพอดีหล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเดินไปยังห้องครัวกครับ สายหล่อนไม่รอให้ปลายสายได้เปิดปากพูดรีบพูดออกไปก่อน ด้วยความโมโห”เมื่อสักครู่ทางโรงเรียนอนุบาลโทรมาบอก เรื่องที่ลูกจะเข้าเรียนมีชายชราคนหนึ่งลงทะเบียนเอาไว้ ครอบครัวคุณเห็นเราสองแม่ลูกเป็นอะไรอยากจะทำอะไรก็ทำ เหมือนหมากตัวหนึ่งที่จะวางตรงไหนก็ได้”
เตชิตตอนแรกแค่จะโทรมาถามไถ่ว่าทานอาหารเช้าหรือ ยังแต่ก็โดนหล่อนใส่มาเป็นชุดยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรก็ถูก ซาลาเปาอุดปากเสียแล้ว
“ชายชราติดต่อไปที่โรงเรียนแล้ว”
“เรื่องนี้คุณไปถามเขาเองฉันไม่อยากจะพูดมากเตชิตที่ฉัน กลับมาครั้งนี้ฉันก็อยากจะพูดคุยกับคุณดีๆนะแต่ตอนนี้ฉันว่า ไม่จำเป็นแล้วตระกูลจิวะพงษ์ของคุณต้องการจะทดสอบความ อดทนของฉันอยู่ใช่มั้ยไม่มีใครที่ไหนจะยอมทนหรอกนะฉันเอง ก็จะไม่ทนแล้วเหมือนกัน”
“นัชชา”
“อย่ามาเรียกชื่อฉัน “หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นน้ำตา คลอเบ้า”ฉันขยะแขยง
เตชิตยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานเขามองหน้าจอสีแดงที่แสดงว่าการสนทนาจบแล้วคำสุดท้ายที่หล่อนพูดยังคง สะท้อนอยู่ในเขา
เรื่องเมื่อวานบวกกับสิ่งชายชราในทำให้นัชชา โกรธพูดประโยคกับเขาไม่แปลกใจเลยหากเป็นเขา เขาทำยิ่งกว่าหล่อนทำอยู่อีกเป็นแน่
ตอนกลายเป็นว่า ใครก็สามารถมาตัดสินใจเรื่องต่างๆ แทนเค้าได้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เวลาห้าปีผ่านมานี้เขาแทบจะไม่เคยสนใจอะไรนั่นเพ ต่างก็ชินกับการตัดสินใจทำเรื่องต่างๆแทนเขาแล้วเช่นกัน
นัยกำลังครุ่นคิดของชายหนุ่มเปลี่ยนสีเข็มขึ้นนัยตา ที่พายุทะเลก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ซัดฝั่ง
ถ้าไม่เพราะว่าชายชราอายุมากแล้วเขานึกไม่ออกว่า ป่านนี้เขาอาจจะทำอะไรที่คาดถึงก็เป็นได้แต่ตอนนี้เขาไม่ สามารถปิดหูปิดตาต่อไปได้อีกแล้ว
เตชิตเปิดบันทึกการ
จึงกด
เสียงชนัยอยู่ปลายสายดังออกมาไง”
มีเรื่องขอไม่อ้อมค้อมเหมือนมีเรื่องด่วนมาก
ปกติคนอย่างเตชิตจะไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจาก ใครง่ายๆแต่เวลานี้ยอมปริปากแล้วชนัยเองก็พร้อมที่จะช่วย เขา”พี่เตชิตมีอะไรพูดมาได้เลย”
“เดี๋ยวพอวางสายแกช่วยหาคนดักฟังโทรศัพท์ของสอง ตายายแล้วก็โทรศัพท์ที่บ้านด้วยนะ”
“สองตายาย”ชนัยอึ้งไปสักพักไม่ค่อยแน่ใจว่าได้ยินผิด หรือไม่”พี่เตชิตแน่ใจว่าไม่ได้พูดผิดนะ”
“ไม่ผิดหรอกตอนนี้พวกเขาคอยแต่จะหาเรื่องนัชชา”
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง
ชนัยเข้าใจแล้วจึงรับปากเตชิต”ได้ครับไม่มีปัญหาถ้ามี อะไรคืบหน้าผมจะให้เขารายงานพี่คนแรกเลย”
“ขอบใจแกมาก”
ชนุดมเดินทางถึงเมืองก็เป็นเวลาค่ำแล้วนั่งเครื่องมา บกว่าชั่วโมง ใบหน้าของชายหนุ่มเห็นชัดถึงความเหนื่อยล้า อ่อนเพลียตอนที่เขาเดินออกจากสนามบินท้องฟ้าก็เป็นสีดำมืด แล้ว
เขารีบเดินทางแม้ในขณะที่นั่งเครื่องบินเองดวงตาเขายัง ไม่ยอมปิดเลยเป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่เขาก้าวขาเข้าประเทศ จะว่าไปแล้วที่นี่ก็ไม่ได้ต้อนรับเขาสักเท่าไหร่นักไม่ว่าเขาจะ ขยับไปทางไหนก็เป็นกระแสขึ้นมาดังนั้นครั้งนี้เขาจึงเดินทาง มาอย่างลับๆไม่มีใครรู้
ด้านนอกสนามบินคนขับรถมาจอดรอเขาอยู่นานแล้วชน ดมแจ้งที่อยู่ที่นัชชาให้เขาไว้แก่คนขับ
หนึ่งชั่วโมงต่อจากนั้นรถก็มาจอดที่ชั้นล่างของคอนโด ชายบนรถแทบจะอดทนรอต่อไปไม่ไหวแล้วคนขับรถมาเปิด ประตูให้เขาก็รีบลงไปทันที
เขาเดินไปที่หน้าลิฟต์กดลิฟต์ลิฟต์ค่อยเลื่อนขึ้นไปสูงขึ้น เรื่อยเช่นเดียวกับเขาที่อยากจะเห็นหน้าสองแม่ลูกมากขึ้น เรื่อยๆเช่นกัน
ระหว่างที่เขาเดินทางในสมองก็คิดถึงแต่ภาพที่นัชชาถูก รังแกร่างกายของเขาแทบจะระเบิดเพราะความเป็นห่วงหล่อน อยู่แล้วขอแค่ได้เห็นหล่อนตัวเป็นๆอยู่ต่อหน้าเขาจึงจะวางใจ ได้
‘ติ๊งต่อง เสียงลิฟต์บอกว่ามาถึงชั้นที่เขากดแล้วชายหนุ่ม ยกมือขึ้นจัดระเบียบเสื้อและเนคไทของเขาก่อนจะเดินไปที่หน้า ประตูห้องแล้วกดกริ่ง
หนึ่งวินาทีผ่านไปสองวินาทีห้าวินาที…
เสียงประตูเปิดออกประตูที่หนาหนักถูกคนที่อยู่ด้านใน ผลักออกมาภาพใบหน้าของคนแปลกหน้าปรากฏขึ้นใน สายตา
จินต์มองชายที่อยู่ในชุดดำผมถูกหวีอย่างเรียบร้อยที่ด้าน หลังหน้าตาหล่อเหลาดูแล้วเป็นคนที่แข็งแกร่งมีพละกำลัง มหาศาลทำให้หล่อนอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้”คุณคุณชนุดมคุณคือคุณชนุดม ใช่มั้ยคะ”
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของชายหนุ่มมองมาสายตาคู่นั้น เหมือนมีดสองเล่มที่บาดลงบนใบหน้าหล่อนริมฝีปากที่เซ็กซี่ เย้ายวนขยับถาม คุณจินต์”
หญิงสาวพอได้ยินเขาเรียกชื่อตัวเองครั้งแรกก็ออกอาการ ประหม่าหล่อนหลบไปด้านข้างเว้นช่องให้เขาเดิน”เชิญค่ะเชิญ เข้ามาเลยค่ะ”
ชนุดมก็ไม่เกรงใจรีบเดินเข้าไปด้านในทันทีโดยไม่ทันได้ เปลี่ยนรองเท้าเดินผ่านประตูห้องรับแขกก็เห็นนัชชาและธีมนต์ ยืนอยู่ในห้องรับแขกขาเรียวยาวของเขาเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็มา หยุดยืนอยู่ตรงหน้าสองแม่ลูกเขาใช้สายตาพินิจพิจารณาสอง คนตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนคำพูดมากมายที่เขาอยากจะ พูดแต่สุดท้ายเหลือเพียงประโยคสั้นๆเพียงประโยคเดียว”ยัง สบายดีใช่มั้ย”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ