ตอน344 เบาะแสการหายตัวไปของ เด็กคนนั้น
ตอนที่344 เบาะแสการหายตัวไปของเด็กคนนั้น
หลังจากเตชิต โทรศัพท์หาตำรวจๆก็ไม่ได้รอให้ถึงยี่สิบสี่ ชั่วโมงรับแจ้งความพวกตำรวจรีบมาที่เกิดเหตุทันทีพวกเขา เริ่มเสาะหาเบาะแสรวมถึงเปิดกล้องวงจรปิดตรวจสอบทันที
เวลาที่รอคอยเหมือนตกนรกทั้งเป็นรู้สึกทรมานและเย็นยะ เยือกเหมือนอากาศกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งสีหน้าของเตชิตเป็น กังวลจนเห็นได้ชัดเมื่อคิดถึงธีมนต์ตกอยู่ในอันตรายหัวใจของ เขาก็เหมือนถูกแขวนอยู่บนหน้าผาสูง
หลายสิบนาทีที่ผ่านไปเหมือนผ่านไปครึ่งศตวรรษไม่มี ใครกล้าเอ่ยปากอะไรบรรยากาศเหมือนถูกน้ำแข็งปกคลุมจน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งเอกสารให้เตชิตดู”คุณเตชิตหลังจาก การตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มเด็กขึ้นรถ คันสีขาวหมายเลขทะเบียนรถคือ3895 ออกจากทางประตูด้าน หลังของหมู่บ้านแล้วขับสู่ถนนสายหลักส่วนทิศทางทางเราต้อง ขอเวลาในการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตัวอื่น”
เตชิตฟังอย่างเงียบๆ ในสมองก็จำหมายเลขทะเบียน รถ”ตรวจสอบผู้เป็นเจ้าของรถแล้วแจ้งผมว่าจุดหมายสุดท้าย ของรถนั้นอยู่ที่ไหนแต่หากหาไม่พบก็แจ้งผมว่ากล้องวงจรปิดเบาะแสหายไปในช่วงไหน
“ครับ! ”
หลังจากที่ตำรวจจากไปนัชชาเป็นห่วงเดินเข้ามาหาเต ซิต”เป็นยังไงบ้างคะพบเบาะแสของลูกหรือยัง? ”
“พบเบาะแสว่ามีคนอุ้มเด็กขึ้นรถไปการจะหาเจ้าของรถ
ไม่ยากรอก่อนนะ”
ทันทีที่นัชชาได้ยินว่าให้รอหัวใจของเธอเหมือนถูกบีบแน่ ณัชชนม์นั่งอยู่บนโซฟาร้องไห้อย่างเงียบๆ ตำหนิตัวเองไป มา เพราะแม่ไม่ดีเองที่พาธีมนต์ออกไปนอกบ้านถ้าแม่จูงมือ เขาตลอดเวลาก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเด็กก็ยังเล็กมากแม่ไม่ ดีเอง…”
หลังจากที่ได้อยู่กับธีมนต์ณัชชนม์รักเด็กคนนี้มากเด็ก เรียกเธอว่าคุณยายแต่เด็กก็ถูกลักพาตัวต่อหน้าต่อตา เหตุการณ์ที่เด็กน้อยต้องเผชิญเธออยากจะให้เปลี่ยนเป็นเกิด ขึ้นกับตัวเธอแทน!
หัวใจของเตชิตเจ็บแปลบๆแต่เมื่อเขามองไปที่ณัชชนม์ กลับไม่มีแววตาที่ตำหนิ”คุณป้าครับไม่ต้องกังวลผมจะพาลูก กลับมาอย่างปลอดภัยเรื่องแบบนี้เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมการ มาก่อนแม้จะป้องกันอย่างไรก็ไม่เป็นผลหรอกครับ”
เขาก็ไม่เข้าใจว่าใครที่กล้าลักพาตัวธีมนต์ไป นับตั้งแต่ที่เด็กกลับมาจากต่างประเทศเพียงไม่กี่วันมันยากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมานอกจากนี้คนที่รู้เรื่องเด็กคนนี้ก็มี แต่ปรัณกับตระกูลจิวะพงษ์ส่วนคนนอกก็มีแต่ประทินแต่หล่อน น่าจะไม่กล้าทำแบบนั้น
แม้ว่าหล่อนจะไร้ยางอายแต่ตระกูลบุญชูก็มีหน้าตาใน สังคมคงไม่ทําแบบนั้นแน่
ตอนนี้เบาะแสของเด็กคนนั้นยังไม่มีต้องรอตำรวจอย่าง เดียวเท่านั้น
ตั้งแต่ได้รับข่าวว่าลูกหายไปในหัวของนัชชาไม่คิดอะไร นอกจากทำอย่างไรถึงจะหาตัวธีมนต์ให้เจอเรื่องอื่นเธอไม่รับรู้ อะไรทั้งสิ้นเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มร้อนใจมากขึ้น
“เตชิตคุณว่าลูกเราจะเป็นอะไรไหม?” เสียงของเธอลดต่ำ ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น
ชายผู้นั้นเม้มริมฝีปากเขาปริปากพูดกับเธอเท่ากับพูดกับ ตัวเองน้ำเสียงของเขาหนักแน่น”ต้องไม่เกิดอะไรกับลูกเชื่อฉัน”
เวลาผ่านไปทุกๆวินาทีสำหรับทั้งสองคนเป็นเวลาที่ ทรมานที่สุดเหมือนเช่นขี้ผึ้งร้อนๆที่หยดลงบนกระดาษไม่รู้ว่าจะ ไหม้เมื่อใด
ในที่สุดตำรวจก็โทรมาอีกครั้งพร้อมแจ้งว่าพบยาน พาหนะที่คนร้ายใช้ลักพาตัวเด็กแล้ว!
จู่ๆณัชชนม์ก็เด้งขึ้นมาจากโซฟาลุกขึ้นยืนถามด้วยความ ร้อนใจ”ตอนนี้เด็กอยู่ที่ไหน?”
ตำรวจรูปร่างสันทัดดูที่อยู่ที่ถูกส่งมายังโทรศัพท์มือถือ เหมือนลำบากใจที่จะตอบคำถามเขามองไปที่ชายร่างสูง กระซิบกระซาบกันไม่พูดออกมาซักทีทุกคนที่เห็นพฤติกรรม ของเขาก็ได้แต่ขนลุกคน น
เตชิตพยายามระงับสติอารมณ์ที่เริ่มจะอดกลั้นไว้ไม่ อยู่”พูด”
“อยู่อยู่ที่บ้านของคุณเตชิต…” หลังจากนั้นตำรวจคนนั้น ก็พูดซ้ำอีกครั้งไม่ใช่บ้านของเตชิตแต่เป็นบ้านของตระกูลจิวะ
พงษ์
ที่อยู่นี้คนอื่นอาจจะไม่คุ้นเคยแต่เตชิตคุ้นเคยเป็นอย่างดีที่
เดียว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาแข็งทื่ออยู่ที่เดิมพูดไม่ถูกว่าเป็น อารมณ์แบบไหนเคร่งเครียดอยู่เป็นนานสุดท้ายก็เบาใจลง เพราะเขารู้ว่าเด็กยังปลอดภัย
แต่วินาทีต่อมาเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องตลกที่สุด เปลี่ยนความเป็นห่วงความกังวลของเขากลายเป็นเรื่องตลก อย่างสิ้นเชิง
เวลาเป็นวันๆที่มัวแต่ห่วงกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก เพราะตระกูลของเขาไม่บอกล่วงหน้าอุ้มเด็กไป
เห็นได้ชัดว่าทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงไปตามๆกัน ณัชชนม์ชี้นิ้วไปที่เขาอย่างยังไม่ค่อยได้สติ”คุณคุณลักพาเด็กไปใช่ไหม? ”
นัชชารู้สึกเป็นเรื่องไร้สาระและตลกสิ้นเชิงเธอมองใบหน้า ครึ่งซีกของชายผู้นั้นอย่างเสียความรู้สึกเธอไม่พูดอะไรออกมา สักคำถึงแม้ว่าเขาจะไม่รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคนที่ทำผิดเป็นคน ตระกูลจิวะพงษ์ไม่ใช่เขาก็ตาม
ความอับอาย โทษตัวเองไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ที่เป็น อยู่อย่างไรเขาอึดอัดใจยิ่งกว่าใครที่อยู่ที่นี้
จินต์เห็นไม่มีใครพูดอะไรก็เลยพูดออกมาเพื่อแก้ สถานการณ์ให้อย่างเสียไม่ได้”นัชชาในเมื่อหาเด็กเจอแล้วเธอ ก็ไปรับกลับมาคุณลุงคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะคะ”
ตอนนี้นัชชาเหมือนถูกคนคลายปัญหาได้ถูกจุดแล้วหล่อน เดินไปหาชายคนนั้นจ้องเขาด้วยตาไม่กระพริบ”ไปกันเถอะฉัน ควรไปที่บ้านตระกูลจิวะพงษ์สักที”
เตชิตรู้สึกว่าเขาไม่มีหน้าที่จะพูดกับเธอไม่รู้ว่าจะอธิบาย กับเมทนีและณัชชนม์อย่างไรหันไปมองแววตาของผู้สูงอายุทั้ง คู่เขาพูดน้ำเสียงแหบพร่าว่า “คุณลุงคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ ครับผมจะส่งเขากลับมาอย่างปลอดภัย”
หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปทันทีหลายปีที่ผ่าน มาเขาเจอเรื่องมาสารพัดแต่ไม่เคยเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน เป็นครั้งแรกจริงๆ
ด้านล่างนัชชาเดินขึ้นรถคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยชายผู้ นั้นเดินมานั่งด้านที่นั่งคนขับเขาหลับตาแล้วถอนหายใจ” เธอพูดถูกฉันไม่ควรบอกพวกเขาเกี่ยวกับเด็กคนนี้
ถึงแม้ว่านัชชาจะไม่อยากยั่วอารมณ์เขาแต่เมื่อเธอนึกถึง ว่าลูกต้องตกใจและหวาดกลัวเพียงใดไม่มีใครอยู่ตรงนี้ทำให้ เธอช่างใจไว้ไม่อยู่”ฉันคิดไว้แล้วแต่คุณไม่เคยเชื่อฉันเลย”
สองปู่ย่าของตระกูลจิระพงษ์จี้จี้จุกจิกและไม่ยอมรับในตัว เธอตั้งแต่แรกแล้วตอนนี้เธอมีลูกกับเตชิตควร ทำการ” พิจารณา เกี่ยวกับเรื่องเด็กคนนี้หากพวกเขาจะลักพา ตัวเด็กคนนั้นไปก็ไม่น่าแปลกอะไร
เขาสตาร์ทรถแล้วพุ่งตรงไปด้วยความเร็วสีหน้าของเขา หมองคล้ำและเยือกเย็นทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
นัชชากเข็มขัดนิรภัยที่หน้าอกไว้แน่นแม้ว่าเธอจะรู้สึก
กลัวแต่ก็อย่างเจอธีมนต์เร็วๆก็เลยไม่ได้บอกให้เขาขับช้าลง
ดีที่ว่าขับมาด้วยความเร็วสูงแต่ก็มาถึงอย่างปลอดภัย
นัชชากระโดดลงจากรถรีบวิ่งเข้าไปในบ้านคนใช้ออกมา กำลังจะหยุดเธอไว้แต่เห็นแววตาของเตชิตจึงปล่อยเธอเข้าไป ในบ้าน
ทำงานรับใช้อยู่ในตระกูลจิวะพงษ์มานานไม่เคยเห็นแวว ตาของเตชิตน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนคนรับใช้ไปยืนอยู่ด้านข้าง โดยไม่พูดอะไร
เมื่อนัชชาเข้าไปในห้องรับแขกก็เห็นเด็กน้อยนั่งอยู่บน โซฟาเขาวางมือบนเข่านั่งตัวตรงแต่วสองเท้าน้อยๆนั้นลอยอยู่บนอากาศเด็กน้อยรีบวิ่งไปหาในอ้อมแขนของเธอทันที คุณ แม่! “
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ