ตอน230คนของฉันพวกแกก็กล้าแตะหรือ
ตอนที่ 230 คนของฉัน พวกแกก็กล้าแตะหรอ
บางทีอาจเป็นเพราะคิดว่าสภาพร่างกายของโคจิรัตน์ไม่ ค่อยดีสักเท่าไร แววตาอันเฉียบขาดคู่นั้นเกิดความสับสนขึ้น เขามองอย่างสังเกตไปที่ทีนาร์ ในขณะเดียวกันก็เท่ากับว่าเขา กำลังไต่สวนตนเองเช่นกัน
ส่วนทีนาร์ยังคงแสดงท่าทีออกมาเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นจน จบ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ในเวลานี้เตชิตก็ไม่ สามารถสังเกตทันได้
“เตชิต คำขอร้องนี้ไม่มากเกินไปใช่ไหม? ฉันจะไม่ส่ง ผลกระทบใดๆกับคนอื่นๆ ให้ฉันดูแลคุณก็พอ” ทีนาร์บีบคั้น เหมือนเป็นคำขอร้องที่จริงแล้วเธอเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ ทั้งหมด
เตชิตถอนใจหนัก เสียงที่พูดออกมาจากปากของเขา เหมือนทุกคำมีความกดดันผสมอยู่ “ถ้าเธอดีขึ้นแล้ว ฉันค่อย
ให้เธอไป
จะปฏิเสธโดยตรงก็ทำไม่ได้หรืออนุญาต… สภาพของโฮจิ รัตน์ตอนนี้ก็ไม่อำนวยได้แต่ถ่วงเวลาไปก่อนเท่านั้น
ทีนาร์รู้ดีว่าเขาไม่สามารถอนุญาตได้ทันที แต่สามารถ ทำให้เขาเปิดปากได้ก็พอแล้ว”ได้ค่ะ คุณวางใจได้เลย ฉันจะ ร่วมมือในการรักษาให้ดีที่สุด เพื่อตัวฉันเองและจะได้ไปเยี่ยม คุณยายฉันเร็ว ๆ”
เตชิตไม่ได้พูดอะไรต่อหันหลังออกจากห้องไป และประตู ปิดลง ความรู้สึกกดดันถึงได้จางหายไป เมื่อก่อนเผชิญกับ ความเจ็บป่วยของทีนาร์เขาไม่เคยรู้สึกเหนื่อยใจเลยสักครั้ง ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจหากความรับผิดชอบกลายเป็นภาระทุก อย่างก็จะเปลี่ยนแปลงไป
ตั้งแต่นัชชากลับจากโรงพยาบาลเธอก็อยู่บ้านดูแลเมทนี จากการดูแลเรื่องอาหารการกินของณัชชนม์ทำให้เมทนี่ฟื้น ร่างกาย ได้รวดเร็ว เกือบครึ่งเดือนผ่านไปเขาก็กลับสู่ชีวิตปกติ
ในสัปดาห์ที่สี่ นัชชาได้รับโทรศัพท์จากจินต์ จินต์ไม่บอก ลาสักคำก็เดินทางไปเรียนต่างประเทศ เมื่อเธอรู้ข่าวเกี่ยวกับ เมทนีก็รีบกลับมา
มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยระยะทางจากต่างประเทศกลับมา ไกลมากทำให้นัชชารู้สึกตื้นตันใจเลยเรียกเธอมาที่บ้านทาน ข้าวด้วยกัน นัชชาขับรถไปส่งเธอที่บ้านแต่เธอดันลากนัชชาไป บาร์บอกว่าไม่ได้มานานมากแล้ว
นัชชารู้ว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ จึงรับปากทันทีที่เธอขอ
บาร์ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองของเจซิตี้ LoriBar เป็นบาร์ระ บไฮโซซึ่งเปิดให้บุคคลที่เป็นสมาชิกเข้าได้เท่านั้น เครื่องดื่ม ส่วนใหญ่เป็นแบรนนำเข้า ราคาแก้วเดียวก็ประมาณห้าพัน ซึ่ง เป็นราคาที่คนทั่วไปยอมรับไม่ไหว
“ร้านนี้เพื่อนของฉันร่วมหุ้นอยู่ เขาให้บัตรสมาชิกฉันใบ หนึ่ง เธออยากดื่มอะไรสั่งได้เลยนะ” จินต์รู้ว่านัชชาเป็นคนที่ รู้จักดำเนินชีวิต จินต์เอาบัตรให้พนักงาน” ใช้บัตรนี้
“ได้ครับ คุณผู้หญิง”
นัชชามองเมนู และสั่งค็อกเทลที่ไม่มีแอลกอฮอล์แก้วหนึ่ง เธอขับรถมาเลยไม่อยากดื่มเหล้า จินต์มองแล้วอดใจไม่ได้ “นี่ เธอ ฉันนานที่จะกลับมาสักครั้งหนึ่ง อย่าหักหน้าฉันสิ เดี๋ยว ค่อยให้ร้านเขาทําบัตรสมาชิกให้
“แต่ว่า… ”
“ไม่ต้องแต่ว่าแล้ว ถ้าคุณลุงเขานอนเร็ว เธอก็กลับไป นอนกับฉัน ยังไงฉันก็อยู่คนเดียวจะกลัวอะไรล่ะ? ”
นัชชาขัดไม่ได้เลย ให้เธอเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นค็อกเทลที่มี แอลกอฮอล์สูง และมีไวน์ที่นำเข้าอีกขวดหนึ่ง เธอจำชื่อไม่ได้รู้ แต่ว่าดูราคาแล้วน่ากลัวจริงๆ
‘เปร่ง’ เสียงชนแก้ว ทั้งสองชนแก้วคริสตัลใสดื่มของเหลว ในแก้ว แอลกอฮอล์ทั้งหอมทั้งกลมกล่อมไหลผ่านหลอดอาหาร ไปยังกระเพาะอาหาร รสหวานเพื่อนหอมที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“แน่นอนว่าของราคาแพงไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ” จินต์พูด ดวงตาของเธอมองไปที่บริกรหนุ่มหล่อที่สวมเครื่องแบบสีขาว ตรงบาร์ผสมเหล้า” เธอดูบาร์เทนเดอร์พวกนั้น ทั้งหมดถูก คัดมาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อทั้งหมด หรือไม่ก็เป็นบาร์เทนเด อร์ฝีมือสุดยอดทั้งนั้น”
“คนที่จบมหาวิทยาลัยชื่อดังจะมาทำบาร์เทนเดอร์หรอ?
“ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ?” จินตหัวเราะ” ตอนนี้ แค่มีเงินก็ ทำได้ทุกอย่าง อีกอย่างทำงานที่นี่ก็ถูกต้องตามกฎหมายด้วย
นัชชามองไปที่ใบหน้าด้านข้างของเธอ แสงอ่อน ๆ จาก หลอดไฟที่ส่งลงมากระทบบนใบหน้าของเธอ เหมือนถูกคลุม ไปด้วยหมอก เหมือนคนทั้งคนถูกเคลือบด้วยแสง มุมปากของ เธอยกขึ้นเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนี้ช่างว้าเหว่ยิ่งนัก”นี่จินต์ เธอยัง ไม่ปล่อยวางเรื่องนั้นอีกหรอ”
เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจระหว่างธนัทกับเธอ เป็นเพื่อน เก่าที่คบกันมาหลายปี มองผ่านแววตากับท่าทางก็อ่านใจฝ่าย ตรงข้ามออก
“ปล่อยวางแล้วยังไง ถ้าไม่ปล่อยวางแล้วยังไง เขาก็ยังมี ความสุขตามประสาเขาอยู่ดี” จินต์หลบสายตา จิบเหล้าจาก แก้วในมือตน “เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว นอกจากว่าตัวเองรับผิด ชอบตัวเอง ไม่มีใครจะรับผิดชอบเราหรอก ไม่มีข้อผูกมัดแบบ นั้น”
คำพูดของเธอสามส่วนไร้รัก เจ็ดส่วนมีเหตุผล ที่จริงประโยคที่เธอพูดอาจไม่น่าฟัง แต่ถ้าว่าตามหลักการแล้วเป็น เรื่องจริง
โลกของผู้ใหญ่ไม่มีอะไรตัดสินว่าควรไม่ควร มีแค่ตัวเอง เท่านั้นที่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้
“จินต์……” นัชชาพูดแล้วหยุด เพราะกลัวไปสะกิดแผลใน
ใจของเธอ
จินต์โบกมือ พรางพูด”เธอไม่ต้องปลอบใจฉันหรอกนะ ฉันโอเคอยู่แล้ว ถ้าอยากทำอะไรให้ฉัน เธอแค่ดื่มเป็นเพื่อน ฉันก็พอ”
นัชชาไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ดื่มเป็นเพื่อนเธอแก้วแล้วแก้วเล่า บวกกับตัวเองก็มีปัญหาในใจอยู่ด้วยแล้ว แต่ทว่าดื่มมาชั่วโมง กว่าก็เริ่มเวียนหัว
ในเวลานั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาดูที่แท้ก็ณัชชนม์โทรมา ตอนออกมาจากบ้านลืมบอกเสีย สนิท
นัชชากลัวว่าเธอจะเป็นห่วง รีบบอกจินต์แล้วนัชชาก็รีบ
หยิบโทรศัพท์มือถือวิ่งออกจากบาร์ไปที่มุมสงบด้านข้างร้าน เธอรีบรับโทรศัพท์ค่ะ แม่”
“นัชชานี่ก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ลูกอยู่ที่ไหน? ”
“หนูออกมาข้างนอกกับจินต์ เธอมีเรื่องไม่สบายใจหนูอยู่ เป็นเพื่อนคุยกับเธอก่อน คืนนี้หนูไม่กลับบ้านนะเดี๋ยวจะไปพักที่บ้านจินต์ แม่กับพ่อนอนกันก่อนเถอะคะ
“หรือไม่ลูกกับจินต์ก็กลับมาพักที่บ้านเราก่อนก็ได้นะ? นอนเบียดๆกันหน่อย ดึกขนาดนี้แล้วอย่าไปรบกวนคนอื่นเขา
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ บ้านจินต์ไม่มีใครอยู่ วางใจได้
ณัชชนม์มองดูนาฬิกาครู่หนึ่งก็ได้ ถ้าอย่างนั้นระวังตัว กันหน่อยนะลูก เป็นผู้หญิงทั้งคู่อย่ากลับดึกมากนะ”
“ค่ะ หนูรู้แล้วค่ะแม่ ราตรีสวัสดิ์นะ” นัชชาวางหูโทรศัพท์ กำลังจะเดินออกจากมุมร้าน ยังไม่ทันได้ก้าวออกมาทันใดนั้นมี ชายไม่กี่คนเดินออกมาจากตรอกใกล้ๆนั้น
มองแวบเดียวที่แท้ก็เป็นเด็กอายุประมาณยี่สิบ เด็กชาย ทั้งสามล้อมหญิงสาวร่างบอบบาง ดูออกว่าเธอดื่มมากจนมึน หัว แม้แต่เดินยังโซเซ
“ตรงนี้ได้หรอ แน่ใจว่าไม่มีกล้อง? “เด็กชายผมสีเหลือง
ถาม
เห็นได้ชัดว่าคนที่ถูกถามใจกล้ามาก”ไม่เป็นไรหรอก ฉัน มองดีแล้วมั่นใจได้!”
พูดจบ ทั้งสามก็ลงมือ คนหนึ่งดูต้นทาง อีกสองคนก็
กระโจนไปที่หญิงร่างบอบบางคนนั้นทันที เห็นได้ชัดว่าหญิง สาวที่ถูกกอดไว้ไม่ยินยอม เธอรีบพลักจนวุ่นวาย แต่เสียดายที่ มือของเธอไม่มีแรงพอ
นัชชามองไปรอบ ๆ อาจเป็นเพราะดื่มเหล้าหนักไปเธอไม่ คิดอะไรมาก เดินตรงไปข้างหน้าทันที”นี่พวกแกกำลังจะทำ อะไร? ”
เมื่อได้ยิน พวกนั้นตกใจมาก เด็กผมสีเหลืองตะโกนด่า คำ “ผู้หญิงคนนี้มาจากไหนวะ ขาตกใจจนขาแทบไม่มีแรง!!
อีกสองคนมองมาที่เธอ เมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามอย่างไร้ที่ ติ จากความโกรธก็กลายเป็นหยอกล้อ”ไอ้ยะ หญิงงามสะ ด้วย~”
พูดจบ เขาพยายามจะแตะคางของนัชชา
นัชชาขยะแขยง รีบหลบพูดกันดีๆ อย่ามือเร็ว
“โอ้ อารมณ์ร้ายไม่เบาเลยนี่ เล่นเธอน่าจะสนุกกว่าไม่มี แรงอ่อนปวกเปียงแบบนางนั่น!” พูดพลางกลายแขนออกจากผู้ หญิงคนนั้น และเดินเข้ามาหานัชชา “คนสวย เธอก็ดื่มมาไม่ น้อยเหมือนกันล่ะสิ ยังไง เรามามีความสุขกันไหม?
นัชชาปัดมือของเขาออก น้ำเสียงเย็นชา”อย่ามาแตะต้อง
ตัวฉัน! ”
“ดี” ชายคนนั้นยิ้มเยาะ เมาจนรู้สึกไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น เธอเชื่อไม่เชื่อ ฉันจะฆ่าเธอที่นี่ล่ะ? ”
พูดจบ เขาส่งซิกทางสายตาให้อีกสองคน มองอย่างรู้กัน สองคนกระโจนไปรวบตัวดึงไหล่ของนัชชาไว้ ส่วนคนที่ออกค่า สั่งเดินมาตรงหน้านัชชาแล้วเอามือบีบขากรรไกรของเธอบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมา
ชายคนนั้นมองไปตามร่างกายของเธอ สุดท้ายสายตาก็ ไปจับที่หน้าอกของเธอ อยากเอาจับมือไปสัมผัสส่วนนั้นจน แทบทนไม่ได้
นัชชาถลึงตาใส่พยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง เสียดายที่ เธอจะดิ้นเท่าไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือของพวกนี้ได้ ได้แต่ใช้คำพูดขู่ว่า”พวกแกกำลังทำเรื่องผิดกฎหมาย! ”
“ตรงนี้ไฟไม่มีใครก็มองไม่เห็น แล้วก็ไม่มีกล้องด้วย จะ กลัวอะไร?” ชายคนนั้นไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร มือของเขากำลังเ ยมจะไปจับ……..
ทันใดนั้นข้างหลังของเขาก็มีพลังมหาศาลกระชากเขา ออกไป “คนของฉันพวกแกก็กล้าแตะ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ