ยั่วรักทนายคนโหด

ตอน115วางยาที่โรงแรม



ตอน115วางยาที่โรงแรม

ตอนที่ 115วางยาที่โรงแรม

เต ดออกมาจากห้องเพื่อโทรศัพท์หานัชชา มือหนึ่งหนีบ บุหรี่ใส่ปาก อีกมือถือ โทรศัพท์ ภายใต้เสียงสีนวลของไฟ ที่ทางเดิน ใบหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มค่อยๆดูอบอุ่นขึ้นมา

เสียงเรียกจากโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง เสียงหวานละมุน จากปลายสายของหญิงสาวก็ดังขึ้น “ฮัลโหล

ความเย็นยะเยือก ในแววตาชายหนุ่มหายไปทันที ทา นข้าวรึยัง”

“ยังเลยค่ะ เพิ่งจะกลับจากสถานสงเคราะห์เองค่ะ เห็น เด็กๆน่าสงสารก็อยู่เลยต่ออีกหน่อย อีกฝ่ายตอบขณะที่นอน ลงบนโซฟา” แล้วคุณล่ะคะ”

“กำลังดื่มสังสรรค์กันอยู่

“งั้นคุณก็รีบกลับเข้าไปเถอะค่ะ ฉันจะรอ

เตชิตสูดควันบุหรี่เข้าไปแล้วปล่อยออกมา รีบขัดจังหวะ เธอขึ้นมา”ผมคิดถึงคุณ

ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกพะว้าพะวงแบบนี้มาก่อน ท่านชมัยเคยบอกว่า เขาเป็นพวกบ้างาน แต่พอมีนัชชาเข้ามาในชีวิต เขาก็รู้สึกอยากกลับบ้าน อยากรีบสะสางงานให้เสร็จ เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับเธอมากขึ้น

นัชชาอยู่ๆก็ใจเต้นแรงขึ้น ตอบเขาด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า”ฉันก็คิดถึงคุณค่ะ”

ต่อจากนั้นก็คุยกันต่ออีกไม่กี่ประโยคเกี่ยวเรื่องในชีวิต

ประจำวัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกอบอุ่นสบายใจ

บุหรี่ใกล้จะหมดมวน เขาก็หมุนตัวเพื่อเขียก้นบุหรี่ทิ้งใน ถังขยะ สายตาเหลือบไปเห็นเงาของใครคนหนึ่งพอดี ปณิตา นั่นเอง

“อยู่บ้านทำตัวดีๆนะ รอผมกลับไปพรุ่งนี้เย็นๆ

“มีเรื่องต้องไปจัดการแล้วเหรอคะ”

“ครับ ดึกๆผมโทรหานะ แค่นี้ก่อนนะครับ

“ค่ะ”

หลังจากวางสายไม่นาน ปณิตาก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

เขา ปรับสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะทักทายเขาอย่างคนกันเองว่า ” เป็นไงคะ คุณเตชิต ไม่ได้เจอกันซะนานเลย

เตชิตไม่แม้แต่มองเธอ เขามองอย่างไม่สนใจไปทางอื่น

ไม่มีแม้คำพูดใดๆ

ปณิตามองสีหน้าไม่เป็นมิตรของเขา ในใจแอบกลัวอยู่ไม่ น้อย ผู้ชายคนนี้อารมณ์รุนแรง โดยเฉพาะเวลาที่เขาไม่สบอารมณ์ แค่สายตาก็ทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าแม้แต่จะพูด

มีเพียงตอนที่เขาอยู่กับนัชชาเท่านั้น ที่เขาจะแสดงสีหน้า

อ่อนโยนเป็นมิตร

ในใจปณิดาถึงแม้จะกังวลไม่น้อยแต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมา “คุณเตชิต อย่ามองดิฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิคะ จริงๆเราก็ไม่ ได้มีเรื่องบาดหมางกัน ก็เพราะเรื่องของควินซึ่งตอนนี้ฉันก็แยก กับเขาแล้ว ดังนั้นเราก็ไม่ถือว่าเป็นศัตรูกันนี่คะ

“ศัตรูเหรอ” ในที่สุดเขาก็ยอมปริปาก แต่น้ำเสียงเปี่ยม ไปด้วยการดูถูก “คุณไม่คู่ควรแม้แต่เป็นศัตรู

ประโยคนี้ของเตชิตทำให้สีหน้าของปาฝณิตาเปลี่ยนไป ทันที แต่ความหน้าหนาเธอก็ยังทำให้เธอพูดต่อได้ ” คุณเตชิต อย่าถือสาดิฉันเลยนะคะ เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว ลืมมันไป เถอะค่ะ ฉันกับนัชชาเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากเลยนะคะ ฉัน เข้าใจว่าเพราะนัชชาคุณก็เลยเกลียดฉัน แต่เรื่องมันก็มาถึง ขนาดนี้แล้ว ฉันก็ไม่อยาก

พูดไปพลางเธอก็ยกมือขึ้นเช็ดขอบตา ท่าทางเหมือน เสียใจมากจนกำลังจะร้องไห้

“คุณคงไม่รู้หรอกว่าเมื่อก่อนนัชชารักดวิษมากแค่ไหน สองคนไม่เคยแยกกันแม้แต่เงา ฉันก็แค่หน้ามืดตามัวไปชั่ว ขณะถึงได้…”

เตชิตไม่ได้อยากฟังสิ่งที่เธอพูด สายตาเย็นชามองไปที่เธอ “ไปได้แล้ว”

ปณิตานึกไม่ถึงว่าเขาจะไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกขนาดนี้ ยังพูดไม่ทันจบก็โดนเขาไม่เสียแล้ว

ปณิตาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ผู้ชายที่กำลัง เดินไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เขาจะรังเกียจเธอ มากขนาดที่ว่าต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือที่ไปโดนเนื้อ ตัวของเธอเข้า

ดี รังเกียจกันนักใช่มั้ย งั้นก็อย่าโทษหากเธอใช้วิธีนี้ก็

แล้วกัน

ก่อนที่ปณิตาจะออกจากห้องเธอได้แอบเอาผงบางอย่าง ใส่ลงในแก้ว

ปณิตาถอนหายใจลึกๆหนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินเข้าห้องแล้ว ทำทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนเดิม

“คุณเตชิต คุณมาจากเมือง พวกเราก็ต้อนรับคุณเป็น อย่างดี ตอนนี้เราก็รับประทานอาหารเสร็จแล้ว พวกเราย้ายไป ชั้นบนดูมั้ย “ชายหนึ่งในนั้นออกความเห็น แม้เขาจะไม่ได้พูด ชัดเจนแต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายดี

เตชิตยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ล่ะ คราวหน้าหากมี โอกาสแล้วพวกเราค่อยไปละกัน”

“ได้ ได้ ได้ “ชายคนนั้นเลิกเช้าให้เขาไปชั้นบน น่าจะ เป็นเพราะไม่กล้าเข้ามากกว่า เขายกแก้วขึ้นพร้อมกับเรียกทุกคน “ถ้างั้นเราก็มาดื่มกันอีกแล้ว ต่อไปเรื่องของธุรกิจ ถ้า เป็นเรื่อง ในเมือง ขอแค่บอกพวกเราคำเดียว ทุกอย่างจะ เรียบร้อยแน่นอน

แม้ว่าประโยคนี้เห็นชัดว่าต้องการประจบประแจง แต่ไม่ พูดก็ไม่ได้ ฟังแล้วก็รื่นหูอยู่โดยเฉพาะชายที่นั่งอยู่

เตชิตปกติไม่คิดจะหักหน้าใคร เขามองไปที่แก้วของเขา

แล้วหยิบมันขึ้นมา “รบกวนพวกคุณด้วย

ปณิตามองชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นดื่มไวน์ในแก้วจนหมด เหมือนกับในที่สุดก็ได้หัวใจของเขามาแล้วรีบยกแก้วของตน มตามจนหมด

ทุกคนนั่งลง พูดคุยสัพเพเหระเรื่อยเปื่อย พอมีเวลาให้ แต่ละฝ่ายได้พูดคุยเรื่องส่วนตัวอยู่บ้าง ปณิตาคอยเฝ้าสังเกต ปฏิกิริยาของเตชินอยู่ตลอด รอประมาณ10นาที ยาก็ค่อยๆ ออกฤทธิ์ สังเกตได้จากแววตาของเขาที่เริ่ม……

ยานี้เธอฝากคนอื่นซื้อมา เป็นยาที่ปรุงขึ้นตามใบสั่ง แพทย์ ไม่ใช่ยาสลบถูกๆทั่วไปตามท้องตลาด

ยาอาจจะไม่ได้ออกฤทธิ์ชัดเจนแต่ก็ได้ผลเกินคาดไม่ ทำให้รู้สึกอยู่ๆก็มึนงงเวียนหัว แต่จะค่อยๆรู้สึกเหมือนตัวเอง กําลังเมา

“คุณเตชิต วันนี้ดื่มมากไปเหรอ” หนึ่งในนั้นถามขึ้นอย่าง

เป็นห่วง
เตชิตสั่นหัว เขารู้สึกปวดบริเวณขมับเล็กน้อย อาการแบบ เดียวกับคนเมา เขามองไปที่แก้วบนโต๊ะ จำไม่ได้ว่าผมไปเท่า ไหร่

“ท่านประธาน จะให้ผมประคองขึ้นไปพักด้านบน มั้ยครัณเขยิบเข้ามาใกล้ พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาพอให้ได้ยิน กันแค่สองคน

“อืม”เตชิตพยักหน้า

หลังจากพูดคุยล่ำลากันเสร็จ เตชิตก็ให้ตรัสเปิดห้องไว้ เรียบร้อย ขึ้นลิฟต์ชั้นบนสุดเป็นห้องเพรสซิเดนท์ สวีท

“ท่านประธาน ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนมั้ยครับ” ตรัณเห็น สภาพเจ้านายตัวเองจึงถามด้วยความเป็นห่วง

แต่เตชิตชอบความเป็นส่วนตัว จึงยกมือขึ้นห้ามไม่เป็น อะไร ออกไปเถอะ” ตรัณไม่อยากเช้า จึงวางยาแก้สร่างเมาไว้ให้แล้วเดิน

ออกจากห้องไป

ประตูปิดลง เหลือเตชิตเพียงลำพังในห้อง เขาพยายาม ฝืนตัวเองให้ยืนขึ้น แต่สุดท้ายก็ล้มลงบนโซฟาเช่นเดิม

ศีรษะของเขาค่อยๆปวดมากขึ้น เขาเคยปวดหัวอยู่บ้าง

แต่ไม่ใช่ปวดแบบนี้

สติของเขาค่อยๆหลุดลอย ถูกแทนที่ด้วยความง่วงงุน ยัง ไม่ทันจะได้อาบน้ำเขาก็เดินตรงไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนบนเตียงอันแสนนุ่มสบาย แล้วเขาก็สอบไปทันที ด้านนอก ปณิตาเดินวนไปมาอยู่ที่ชั้นล่างของตึก

ประมาณ20นาทีแล้ว เธอคำนวณเวลาได้ที่แล้วจึงขึ้นไป ใช้บัตร… เปิดประตูห้อง

ประตูไม่ได้ถูกล็อคจากด้านใน

เธอดีใจ ค่อยๆย่องเข้าไป มองเห็นชายหนุ่มที่สลบไสลอยู่ บนเตียง ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เตชิต เอ๊ยเตชิต คุณก็มีวัน นี้เหมือนกัน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ